“ศิษย์น้องหลิ่วเป็นคนที่ประมุขนิกายเลือกเอง ในเมื่อยังไม่กลับมา พวกเราก็รออยู่ที่นี่ก่อนสักสองสามวัน แล้วถือโอกาสวางแผนการสำหรับช่วงเวลาที่เหลือให้ดีสักหน่อย” จินเทียนชื่อเอ่ยเช่นนี้
“อืม ศิษย์คนอื่นหลายคนที่บาดเจ็บก็ยังไม่หายดี ถือโอกาสนี้พักสักช่วงเวลาหนึ่งก็ได้ พูดกันตามตรงเศษซากโลกบนยามนี้อันตรายกว่าที่คาดการณ์ไว้นัก ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีสักกี่คนที่เหลือรอดกลับไป” ฉิวหลงจื่อยิ้มเจื่อน
“ในเมื่อพวกเขาเลือกเข้ามาในเศษซากโลกบนก็ย่อมตระหนักเรื่องนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้สำนักก็ให้ศิษย์ระดับผลึกเหล่านี้เข้ามาที่นี่เพื่อให้มีลูกมือค้นหาสมบัติมากขึ้นบ้างเท่านั้น การต่อสู้กับกลุ่มอำนาจต่างเผ่ากลุ่มอื่นย่อมต้องพึ่งเจ้ากับข้า” จินเทียนชื่อตอบกลับด้วยแววตาเยือกเย็น
“นั่นก็ใช่ ในหมู่ศิษย์คนอื่นก็มีแต่ศิษย์น้องหลิ่วที่ช่วยจริงๆ ได้บ้าง” ฉิวหลงจื่อฟังแล้วก็พยักหน้าอย่างจนปัญญา
ด้วยเหตุนี้หลังจากนั้นผู้คนจากนิกายยอดบริสุทธิ์จึงพักรักษาตัวอยู่ในป่าศิลากลางหุบเขาแห่งนี้เป็นเวลาหลายวัน แต่หลิ่วหมิงก็ยังไม่ปรากฏตัว
ในห้องลับของป่าศิลา ฉิวหลงจื่อสีหน้าเคร่งเครียดเดินไปมาหลายรอบจากนั้นก็หยุดกะทันหัน แล้วหมุนตัวมาเอ่ยกับจินเทียนชื่อที่อยู่ไม่ไกล
“ศิษย์พี่จิน ตอนนี้นับจากที่พวกท่านพบผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจก็ผ่านมาเป็นเวลาไม่น้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ข่าวจากศิษย์น้องหลิ่วเลย ท่านคิดว่าอย่างไร?”
“แม้ไม่อยากยอมรับ แต่เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าศิษย์น้องหลิ่วอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือถูกดึเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื่น หรืออาจถึงขั้นสิ้นชีพไปแล้วก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้” จินเทียนชื่อขมวดคิ้วแน่น หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นช้าๆ
“ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร พวกเราก็ชักช้าอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว รอต่อไปไม่ได้แล้ว” ฉิวหลงจื่อเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“อืม ถ้าเช่นนั้นก็แยกย้ายกันทำงานตามแผนการเดิมเถิด แต่จำไว้ว่าต้องทิ้งสัญลักษณ์ของนิกายไว้ หวังว่าศิษย์น้องหลิ่วจะตามหาพวกเราเจอ” จินเทียนชื่อถอนหายใจ
หลังจากเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ทั้งสองคนต่างก็แยกกันนำศิษย์คนละกลุ่มเหาะออกจากหุบเขาไปเหมือนเช่นก่อนหน้านี้
“ศิษย์น้องฉิว เดินทางระวังให้มาก” จินเทียนชื่อเอ่ยกับฉิวหลงจื่อ
“พี่จินก็รักษาตัวด้วย หนึ่งเดือนหลังจากนี้พบกันที่ทะเลสาบหยกครามบนแผนที่!” ฉิวหลงจื่อหยิบแผ่นที่ออกมาแล้วชี้ทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งหนึ่งบนนั้น
“ได้!” จินเทียนชื่อพยักหน้า
ฉิวหลงจื่อเก็บแผนที่ ประสานมือให้จินเทียนชื่อแล้วพาศิษย์น้องหกคนซึ่งรวมถึงหลงเหยียนเฟยและสองพี่น้องโอวหยางแหวกท้องฟ้าจากไป
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไปเถอะ” จินเทียนชื่อมองลำแสงของพวกฉิวหลงจื่อมุ่งไปไกล จากนั้นหมุนตัวกลับมา
จำนวนคนที่จินเทียนชื่อพามาน้อยกว่าเล็กน้อย มีเพียงห้าคน แต่ล้วนเป็นศิษย์ที่พลังแข็งแกร่งเช่นหลัวเทียนเฉิง เวินเจิงเป็นต้น
ตลอดทางที่ผ่านมาศิษย์ทั้งหลายจากนิกายยอดบริสุทธิ์พานพบอันตรายไม่น้อย ทว่าจำนวนศิษย์ที่สิ้นชีพน้อยกว่าพวกนิกายปีศาจลี้ลับหรือนิกายเทียนกงอยู่มาก เส้นทางการค้นหาที่ผ่านมาก็เป็นไปตามแผนการที่วางไว้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ผิดแผนวุ่นวาย
“ศิษย์พี่จิน ประเดี๋ยวก่อน” จู่ๆ หลัวเทียนเฉิงก็เอ่ยขึ้น
จินเทียนชื่อได้ยินก็หยุดก่อนจะหันไปมองแล้วถามขึ้นว่า
“เรื่องอะไร?”
“เป็นเช่นนี้ขอรับ ก่อนหน้านี้ตอนข้าถูกเผ่าปีศาจไล่ล่า บังเอิญสังหารผู้ฝึกตนต่างเผ่าได้ตนหนึ่ง แล้วได้แผนที่ซากโบราณสถานแห่งหนึ่งมาจากตัวเขา ที่นั่นอยู่ห่างจากเขตที่พวกเราต้องไปสำรวจต่อไปไม่ไกล ไม่ทราบว่าจะถือโอกาสไปสำรวจสักหน่อยได้หรือไม่?” หลัวเทียนเฉิงเอ่ยพลางล้วงคัมภีร์หยกชิ้นหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อแล้วส่งให้จินเทียนชื่อ จากนั้นเอ่ยอย่างคาดหวังเล็กน้อย
จินเทียนชื่อเลิกคิ้วเรียว เขายื่นมือไปรับแล้วยกแนบหน้าผาก แทรกจิตสัมผัสเข้าไป
ภายในคัมภีร์หยกคือแผนที่แผ่นหนึ่ง บนนั้นทำสัญลักษณ์สถานที่แห่งหนึ่งไว้
“อืม อยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราวสามสี่หมื่นลี้ ไม่ไกลจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แวะไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน” จินเทียนชื่อส่งคัมภีร์หยกคืนให้หลัวเทียนเฉิงแล้วพยักหน้า
คนอื่นได้ยินว่ามีซากโบราณสถานให้ไปสำรวจได้ก็ล้วนมีสีหน้ายินดี แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดมีเพียงเวินเจิงเท่านั้นที่สีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
“ไปกันเถอะ” จินเทียนชื่อโบกมือแล้วกลายเป็นแสงดาวสีขาวสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่จากไป คนอื่นเห็นเช่นนี้ก็รีบกระตุ้นลำแสงตามไป
หลังพวกจินเทียนชื่อจากไป เงาสีฟ้าใสพร่ามัวไม่ชัดร่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจากธารน้ำน้อยที่ไหลคดเคี้ยวอยู่ด้านนอกหุบเขาโดยไม่มีใครสังเกต มันแทบจะเหมือนกับน้ำในลำธารทุกประการ หากไม่เพ่งมองก็ยากจะแยกออก
เงาก่อตัวเป็นร่างกายอย่างเชื่องช้า มันคือพวกต่างเผ่าหน้าตาประหลาดตนหนึ่ง
บนร่างของพวกต่างเผ่าตนนี้มีเสื้อผ้าไม่มาก รูปร่างสูงใหญ่สูงถึงสองจั้งกว่า พื้นที่ส่วนใหญ่บนร่างกระทั่งบนใบหน้ามีเกล็ดใสสีฟ้าอ่อนขึ้นอยู่จำนวนหนึ่ง ดวงตาทั้งสองข้างเป็นสีฟ้าคราม เขามองทิศทางที่พวกจินเทียนชื่อจากไปแล้วเผยสีหน้าครุ่นคิด
“ซากโบราณสถาน…” พวกต่างเผ่าสีฟ้าเอ่ยพึมพำกับตนเองคำหนึ่ง จากนั้นร่างกายพลันเปล่งแสงสีฟ้าอ่อน แล้วหายวับไปไร้ร่องรอยอีกครั้ง
พวกจินเทียนชื่อเดินทางตามเครื่องหมายที่ระบุไว้บนแผนที่ไม่หยุด ในที่สุดเจ็ดแปดวันหลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงเขตที่แผนที่ทำสัญลักษณ์ไว้ บริเวณท้องฟ้าเหนือบึงขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาคือพงกกเตี้ยหลายกอและผิวน้ำที่สะท้อนภาพดวงดาวพร่างพราว เหนือบึงมีหมอกเบาบางรวมตัวอยู่ กลุ่มใหญ่ขนาดหลายสิบลี้ กลุ่มเล็กขนาดแค่ไม่กี่จั้ง ทำให้ไม่อาจมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของบึงได้ชัด
“น่าจะเป็นแถวนี้” หลัวเทียนเฉิงถือแผนที่คัมภีร์หยกไว้ในมือพลางชะเง้อมองไปรอบด้าน แล้วเอ่ยออกมาเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา