ยังไม่ทันที่ฉิวหลงจื่อด้านในลูกข่างสีทองจะตั้งตัว อสูรอัคคียักษ์ก็หันหน้ามาอ้าปาก ลูกบอลเพลิงสีแดงฉานขนาดเท่าศีรษะแผงหนึ่งพุ่งออกมาอย่างเร็วไวแล้วโถมมืดฟ้ามัวดินเข้าใส่ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์สามคนนั้นที่ถูกชนปลิวออกไป
ลูกบอลเพลิงที่ดูเหมือนธรรมดาเหล่านี้ร้อนระอุอย่างยิ่ง ยังไม่ทันโดนร่างของทั้งสามก็ทำให้อากาศบริเวณใกล้เคียงพร่ามัวเป็นสีแดงฉาน
ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ทั้งสามคนอกสั่นขวัญแขวน อยากหลบแต่หลบไม่ทันอย่างสิ้นเชิง
ในเวลานี้เองเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามก็ดังขึ้น มังกรสีเงินขนาดสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งโผล่พรวดมาถึง ชนกับลูกบอลเพลิงพอดี
“บึ๊ม!”
ลูกบอลเพลิงระเบิด เปลวเพลิงโถมทะลักกลบมังกรหมอกสีเงินเข้าไปในพริบตา!
ห่างไปไม่กี่สิบจั้ง หลัวเทียนเฉิงรั้งแขนข้างหนึ่งกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์สามคนนั้นหนีรอดจากความตายก็รีบโคจรพลังเวทควบคุมร่างกาย พุ่งหนีไปด้านข้าง
อสูรอัคคียักษ์คำรามเกรี้ยวกราด มันหันหน้าไปถลึงตาใส่หลัวเทียนเฉิงอย่างโกรธเกรี้ยว
ในตอนนี้เองแสงสีเงินพลันส่องสว่างกลางท้องฟ้า รุ้งยาวสีเงินสายหนึ่งพุ่งดังหวีดหวิวมาถึงแล้วฟันเข้าที่ลำคอของอสูรยักษ์ หลงเหยียนเฟยที่อยู่อีกด้านนั่นเองที่ลงมือ
จากนั้นพี่น้องโอวหยางที่อยู่ด้านหลังอสูรยักษ์ก็โจมตีบ้าง เสียงแหวกอากาศดังขึ้นพร้อมกับที่ดาบสายลมสีขาวเล่มหนึ่งกับดาบแสงสีเขียวเล่มหนึ่งปรากฏ จากนั้นโจมตีด้านหลังของอสูรยักษ์พร้อมกันด้วยความเร็วน่าหวาดกลัวที่ใกล้เคียงกับการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา
อสูรอัคคียักษ์แหงนหน้าคำราม กรงเล็บยักษ์ข้างหนึ่งตวัดเร็วไวจนชวนให้คนตาลาย ตบรุ้งสีเงินกับดาบสายลมต่างๆ นานาที่เข้ามาใกล้ร่างปลิวออกไปหมดสิ้นราวกับไล่แมลงวัน
สตรีทั้งสามที่เชื่อมจิตอยู่ต่างสีหน้าซีดขาวถอยตึงๆ กลางอากาศไปหลายก้าว
หลัวเทียนเฉิงสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน แสงสีเงินส่องสว่างในมือจากนั้นโคมทองแดงดวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นชี้ ทันใดนั้น “ฟู่” เปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าเมล็ดถั่วพลันลุกโชติช่วง
เขาท่องมนตร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นใช้เคล็ดวิชาชักนำเปลวเพลิงสีเงินบนโคมทองแดงให้ส่องสว่าง เปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าโม่หินดวงหนึ่งหลุดลอยออกจากไส้โคม หมุนติ้วรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นหัวผีที่มีเปลวเพลิงสีเงินลุกไหม้หัวหนึ่งลอยออกมา
อสูรอัคคียักษ์เหมือนจะหวั่นเกรงเปลวเพลิงสีเงินอยู่เล็กน้อย ร่างกายมหึมากระโดดถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างว่องไว ดึงระยะห่างเพิ่มเล็กน้อยจากนั้นอ้าปากพ่นลูกบอลเพลิงสีแดงฉานขนาดหนึ่งจั้งกว่าออกมาต่อเนื่องเป็นสาย
บึ๊ม!
ลูกบอลเพลิงสีแดงกับหัวผีเปลวเพลิงสีเงินปะทะกันเกิดเป็นแสงเรืองรองสีเงินกับสีแดงเกี่ยวกระหวัดพันกันแล้วทยอยระเบิดพังทลายหายไปทั้งคู่
ในเวลานี้เองแสงกระบี่สีทองสายหนึ่งก็ซัดมาถึงแล้วฟันลงบนร่างอสูรยักษ์อย่างหนักหน่วง ทิ้งรอยแผลยาวหนึ่งจั้งกว่าเส้นหนึ่งไว้ ฉิวหลงจื่อนั่นเองที่บังคับกระบี่เข้าโจมตี
อสูรอัคคียักษ์ทรงพลังไร้เทียมทาน แม้ผู้คนที่นั่นจะล้อมแล้วโจมตีมันไม่หยุด แต่นอกจากฉิวหลงจื่อ การโจมตีของคนอื่นไม่ต้องพูดถึงไม่สามารถสร้างบาดแผลให้มันได้ แค่เข้าใกล้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ฟึบ!”
หางที่เหมือนแส้ของอสูรอัคคียักษ์สะบัดดุจสายฟ้าแลบ เงาสีแดงสะบัดยืดยาวออกสิบเท่าในพริบตาแล้วหวดเข้าใส่ผู้คนรอบด้านดุจดั่งสายลมสารทฤดูหอบพัดใบไม้ร่วง
ทุกคนที่ล้อมอยู่รอบด้านหน้าถอดสี เห็นชัดว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่าอสูรยักษ์จะมีกระบวนท่าโจมตีเช่นนี้ด้วย พวกเขาต่างแยกย้ายกันกระโจนหนีในทันที
ทว่าหางอสูรฉับพลันกลับเลือนหายไปกลางทางแล้วแยกออกเป็นเงาเลือนรางมากมายถี่ยิบ ชายหนุ่มผอมเพรียวศิษย์ของนิกายยอดบริสุทธิ์คนหนึ่งหลบไม่ทันจึงถูกหวดบนร่างอย่างรุนแรง
เขากรีดร้อง เกราะแสงป้องกันร่างแทบจะถูกทำลายในพริบตา เสียงกระดูกหักดังกึกดังออกมาจากในร่าง ปากพ่นโลหิตออกมาขณะที่ปลิวถอยออกไป
เมื่อเสียง “ฟึบ” ดังขึ้นอีกครั้ง เงาหางอสูรก็เลือนหายไปอีกครั้งก่อนจะรัดร่างเขาเอาไว้แน่น
“ศิษย์พี่เซี่ยง!” ชายหนุ่มผมหยิกที่อยู่ไกลออกไปคนหนึ่งถลึงตาจนหางตาแทบปริแยกพร้อมกับคำรามเกรี้ยวกราด
หางอสูรยักษ์สะบัดเล็กน้อยก็ส่งชายหนุ่มชุดขาวไปที่ปาก
“ไม่…” ชายหนุ่มร่างผอมหวาดผวาจนกรีดร้องออกมาขณะที่เบิ่งตามองปากใหญ่โตดุจโพรงถ้ำสีดำสนิทของอสูรอัคคียักษ์ขยายใหญ่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เองรุ้งยาวสีทองสายหนึ่งก็พุ่งมาถึงจากด้านข้าง เสียงกระบี่กรีดร้องอย่างดุดัน ประกายโลหิตวาววับปรากฏเมื่อหางอสูรถูกฟันขาด
อสูรยักษ์ร้องโหยหวน หางที่เลือดโชกคลายออกอย่างห้ามไม่ได้
ชายหนุ่มร่างผอมรู้สึกว่าร่างกายเบาโหวงก็ดีใจเจียนคลั่ง กัดปลายลิ้นพ่นโลหิตหุ้มร่างของเขาไว้แล้วเหาะหนีไปไกลในทันใด
อสูรอัคคียักษ์เห็นเช่นนี้ก็โกรธจนเต้นผาง มันหันขวับจ้องฉิวหลงจื่อที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าไม่ไกล
บุรุษเคราครึ้มเวลานี้ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง รุ้งยาวสีทองม้วนตัวบินกลับไป กลายเป็นกระบี่น้อยสีทองขนาดหนึ่งฉื่อกว่าเล่มหนึ่งอีกครั้ง
อสูรยักษ์คำรามเกรี้ยวกราด ร่างกายมหึมาประหนึ่งภูเขาลูกย่อมๆ บินโผเข้าใส่
ร่างกายของฉิวหลงจื่อเลือนรางวูบหนึ่งแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย อสูรยักษ์โผเข้าใส่ความว่างเปล่า หลังจากนั้นร่างของฉิวหลงจื่อก็ปรากฏตัวสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายร้อยจั้ง มือตั้งท่าเคล็ดกระบี่ ปราณกระบี่สีทองส่องสว่างจ้าออกมาจากร่างก่อนจะสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“พวกเจ้าหาทางดึงอสูรตัวนี้เอาไว้สักเดี๋ยว!”
สิ้นเสียง เขาก็ทิ้งสองมือลงด้านข้างพร้อมกับที่ปากเอ่ยท่องมนตร์ “ครืน” เสียงดังออกมาจากร่าง จิตกระบี่อันแข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวอย่างที่สุดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าในฉับพลัน
อสูรอัคคียักษ์สัมผัสได้ถึงจิตกระบี่สายนี้ ดวงตาก็ฉายแววหวาดกลัว แต่ทันใดนั้นมันก็คำรามบ้าคลั่งกว่าเดิม อ้าปากพ่นธารอัคคีสีแดงฉานหนาเท่าไหน้ำเส้นหนึ่งโจมตีเข้าใส่ฉิวหลงจื่อบนท้องฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา