ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 992

นกยูงตัวนี้ขนาดเท่าสองกำปั้นเท่านั้น น่าจะเพิ่งฟักออกมาจากไข่ไม่นาน แววตาของมันมึนงงเล็กน้อย แต่บนร่างแผ่แรงกดดันจิตวิญญาณของระดับของเหลวจิตวิญญาณออกมาเลือนราง เส้นขนทั่วร่างเป็นสีเขียวเข้มกับสีเขียวอ่อนสอดแทรกสลับกัน เหนือศีรษะคือมงกุฎนกยูงห้าสี แลดูงดงามยิ่งนัก

“นี่คือนกยูงห้าวิญญาณในตำนานสินะ อสูรตัวนี้ แม้แต่บนแผ่นดินหมานฮวงก็เป็นอสูรที่พบยากอย่างที่สุด ไม่เลว ไม่เลว!” ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวลูบหนวดเคราพร้อมพยักหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยแววตายินดี

หลิ่วหมิงได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

แม้เขาไม่เคยเห็นนกยูงห้าวิญญาณมาก่อน แต่เรื่องเล่าเกี่ยวกับปีศาจวิหคชนิดนี้เขาเคยได้ยินมานานแล้ว เล่ากันว่าหากคิดจะเลี้ยงปีศาจอสูรตัวนี้ให้เติบโตไม่ใช่เรื่องง่าย ปกติมันมักจะหยุดอยู่ที่ระดับผลึก แต่ถ้าวันหนึ่งขึ้นไปสู่ระดับแก่นแท้ได้ พลังของปีศาจอสูรตัวนี้จะทัดเทียมกับผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์

“ฉิวหลงจื่อ หากเจ้ายินดีมอบนกยูงห้าวิญญาณตัวนี้ให้แก่นิกาย วัตถุดิบที่เหลือเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด เจ้าเอาครึ่งหนึ่งในนั้นไปได้ จากที่ข้ารู้ในหมู่ของเหล่านี้มีวัตถุดิบที่เจ้าต้องใช้หลอมกระบี่บินไม่น้อยสินะ” ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวจ้องนกยูงไม่ละสายตาพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้ฉิวหลงจื่อ

“ขอบคุณผู้อาวุโสโจวยิ่งนัก ถ้าเช่นนั้นผู้แซ่ฉิวไม่เกรงใจแล้ว” ฉิวหลงจื่อกวักมือข้างหนึ่งเรียกหญ้าจิตวิญญาณสีดำสนิทต้นแล้วต้นเล่ารวมถึงหินแร่สีเหลืองจำนวนหนึ่งกลับมาไว้ในมือด้วยสีหน้ายินดีเช่นเดียวกัน

“ดีมาก ครั้งนี้เจ้าคงเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนในถ้ำที่พักของตนก่อนเถิด” เทียนเกอเจินเหรินเห็นฉิวหลงจื่อตัดสินใจแล้วก็พยักหน้า

ฉิวหลงจื่อประสานมือคำนับเทียนเกอเจินเหรินรวมถึงผู้อาวุโสคนอื่นอย่างนอบน้อมอีกครั้งแล้วออกจากห้องโถงใต้ดินของวิหารหลักไปเพียงลำพัง

ผู้อาวุโสคิ้วหนาสีขาวผู้นั้นยกแขนเสื้อขึ้น แสงเรืองรองสายหนึ่งหอบนกยูงห้าวิญญาณรวมถึงวัตถุดิบอื่นบนพื้นหายไปจากที่เดิม

จากนั้นก็ถึงตาหลัวเทียนเฉิงส่งมอบ เขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วสะบัดแขนเสื้อ แสงจิตวิญญาณห้าสีส่องสว่าง วัตถุดิบมากมายกองพูนสูงบนพื้นดุจภูเขาน้อย ท่ามกลางของเหล่านั้นเกล็ดที่ทอประกายแวววาวหลายชิ้นดูสะดุดตาเป็นพิเศษ พวกมันก็คือสิ่งที่ได้มาจากร่างของเผ่าเกล็ดผลึกวันนั้นนั่นเอง

“เกล็ดย้อนของเผ่าเกล็ดผลึกหนึ่งในสามสุดยอดเผ่า! ดูจากลมปราณที่แผ่ออกมาเหมือนสายเลือดจะบริสุทธิ์อย่างยิ่ง หากเป็นเช่นนี้วันนั้นที่เทียนชื่อถูกบีบให้คลายผนึกจนออกจากเศษซากโลกบนก็ไม่นับว่าขาดทุนนัก” ผู้อาวุโสแซ่หานที่สวมชุดสีเทาดวงตาเป็นประกายแล้วเอ่ยอย่างยินดี

“แล้วยังมีหญ้าหยกเขียว ดอกแมวเพลิง…นี่มัน หญ้าเสียงหงส์! แล้วยังมีผลมังกรตระหง่านด้วย ดูแล้วอายุไม่น้อยกว่าหมื่นปีทั้งหมด” ผู้เฒ่าผู้มีใบหน้าอ่อนโยนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแฝงความตกตะลึงผสมกับความยินดี

“อืม ไม่เลวจริงๆ แต่วัตถุดิบพวกนั้นที่เหลือมีค่าไม่มากนัก หลัวเทียนเฉิง หากเจ้าต้องการสิ่งใดก็เอาไปหนึ่งในสามเถิด” ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวเอ่ยด้วยใบหน้าราบเรียบ

“ข้าไม่ต้องการสิ่งใด สิ่งของเหล่านี้มอบให้นิกายทั้งหมด” หลัวเทียนเฉิงไม่เหลือบมองวัตถุดิบเหล่านี้สักครั้ง เขาเอ่ยอย่างเด็ดขาดแน่วแน่

เมื่อคำนี้เอ่ยออกมา ผู้คนที่นั่นล้วนตะลึงไปเล็กน้อย เพราะสิ่งที่ได้มาจากเศษซากโลกบน แม้เป็นวัตถุดิบที่ธรรมดาอย่างที่สุดก็เป็นสิ่งที่โลกภายนอกหาได้ไม่มาก ปกติแล้วย่อมไม่มีเหตุผลให้ละทิ้งของเหล่านี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าหลัวเทียนเฉิงเวลานี้คิดสิ่งใดอยู่

“เช่นนั้นก็ได้ หลังจากนี้ข้าจะคิดแต้มคุณูปการเท่ากับที่วัตถุดิบหนึ่งในสามแลกได้แล้วมอบแต้มคุณูปการเหล่านี้แก่เจ้า เจ้าคิดว่าอย่างไร?” เทียนเกอเจินเหรินไม่ห้ามปราม เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเอ่ยกับหลัวเทียนเฉิง

“ขอบคุณท่านประมุข ศิษย์ก็เหนื่อยอยู่บ้างเช่นกัน ขอตัวก่อน” หลัวเทียนเฉิงประสานมือให้เทียนเกอเจินเหรินกับผู้อาวุโสสามคนที่เหลือแล้วหมุนตัวจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

ทุกคนเห็นเช่นนี้ล้วนสงสัยอยู่บ้าง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

ต่อจากนั้นชายหนุ่มผมหยิกผู้นั้นกับศิษย์หนุ่มอีกคนหนึ่งก็แสดงสิ่งที่ได้มาตามลำดับ

ทว่าพวกเขาแต่ละคนต่างหยิบยันต์เก็บของออกมาน้อยนิดไม่กี่แผ่นเท่านั้น ของส่วนใหญ่ที่เก็บอยู่ในนั้นก็ล้วนเป็นหญ้าจิตวิญญาณ สมุนไพรจิตวิญญาณและหินแร่จำนวนหนึ่ง แม้ในหมู่ของเหล่านั้นจะมีของที่พบไม่บ่อยบนแผ่นดินจงเทียนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดชวนให้สะดุดตามากนัก

จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ทั้งสองคนนี้รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ไม่ใช่เพราะพลังเหนือกว่าผู้อื่น แต่เพราะก่อนหน้านี้บาดเจ็บจึงตามอยู่หลังพวกฉิวหลงจื่อตลอดไม่เคยออกเดินทางตามลำพังเลย ดังนั้นวัตถุดิบที่ได้มาจึงมีแต่ของธรรมดาเหล่านี้

แต่นี่ก็เป็นเพราะฉิวหลงจื่อกับหลัวเทียนเฉิงอยู่ลำดับก่อนหน้า จึงเพิ่มความคาดหวังให้แก่เทียนเกอเจินเหรินและคนลำดับสูงของนิกายยอดบริสุทธิ์ หากเป็นยามปกติสิ่งของที่ทั้งสองคนนี้ได้มาก็นับว่าล้ำค่ากว่าในแดนลับของแผ่นดินจงเทียนทั่วไปหลายเท่าแล้ว

แม้ในใจเทียนเกอเจินเหรินจะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ยังฝืนเอ่ยชมสองสามประโยค เขาเลือกวัตถุดิบจำนวนหนึ่งในนั้นมาพอเป็นพิธีจากนั้นก็ปล่อยสองคนนั้นไป

“หลิ่วหมิง ต่อไปตาเจ้า” ทันใดนั้นผู้อาวุโสหานก็หันหน้ามายิ้มให้หลิ่วหมิง

คำนี้เอ่ยออกมา คนทั้งหมดที่นั่นรวมทั้งเทียนเกอเจินเกรินก็เคลื่อนสายตามองมาที่หลิ่วหมิง

หลังจากหลิ่วหมิงประสานมือให้พวกเขา เขาก็ก้าวออกมาข้างหน้าหลายก้าว ขณะที่กำลังจะล้วงยันต์เก็บของและกำไลเก็บของทั้งหมดออกมานั่นเอง จู่ๆ ยันต์ส่งสารสีน้ำเงินแผ่นหนึ่งก็เหาะเข้ามาจากด้านนอก

เทียนเกอเจินเหรินโบกมือส่งสัญญาณให้หลิ่วหมิงยั้งมือไว้ก่อน จากนั้นคว้ายันต์ส่งสารไว้ในมือ หลังจากอ่านครู่หนึ่ง ริมฝีปากก็ขยับขมุบขมิบส่งกระแสจิตเอ่ยกับผู้อาวุโสอีกสามคนสองสามประโยค

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ผู้อาวุโสผู้มีใบหน้าอ่อนโยนก็เอ่ยเสียงดังหนักแน่นไปยังทางเข้า

“ในเมื่อผู้อาวุโสโอวหยางเดินทางมาไกล ถ้าเช่นนั้นก็อย่าขวาง ให้เขาเข้ามาคุยกันเถิด”

“ทราบแล้ว”

เสียงขานรับของศิษย์คนหนึ่งที่เฝ้าประตูอยู่ดังมาจากทางเข้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา