ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 993

สรุปบท ตอนที่ 993 ต่อรอง: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 993 ต่อรอง จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 993 ต่อรอง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ผู้อาวุโสผู้มีใบหน้าอ่อนโยนก็เอ่ยปากขึ้นก่อน

“หลิ่วหมิง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะได้ของมามากมายเช่นนี้ ตามกฎของนิกาย สมบัติเหล่านี้เจ้าจะเก็บไว้ได้หนึ่งในสาม และครั้งนี้เจ้าสร้างความชอบครั้งใหญ่ให้แก่นิกาย สามารถเลือกเพิ่มไปได้อีกสามอย่าง”

หลิ่วหมิงได้ยินแรกเริ่มก็ยินดี แต่ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง สีหน้ายินดีเปลี่ยนไปไม่น่ามองในพริบตา

ในเมื่อผู้เฒ่าของนิกายเหล่านี้เอ่ยออกมาเช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่ได้ใจกว้างเหมือนดังปากว่า

ไม่ผิดจากที่คิด ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวได้ยินก็เงยหน้าเอ่ยต่อ

“จากที่ข้าดู เตาหล่อหลอมจิตวิญญาณกับผลจื่อหยวนสามผลนี้มอบให้นิกายเถอะ ยามนี้ศิษย์หลานหลิ่วเพิ่งระดับแก่นเสมือน ในหมู่หญ้าจิตวิญญาณและสมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านี้มีไม่น้อยที่ช่วยเจ้าทะลวงสู่ระดับแก่นแท้ได้ เจ้าเก็บไว้มากหน่อย เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

หลิ่วหมิงได้ยินก็ยิ้มขมขื่นอยู่ในใจอย่างห้ามไม่ได้ เตาหล่อหลอมจิตวิญญาณนี่เดิมเขาไม่วาดหวังจะเก็บเอาไว้อยู่แล้ว แต่ผลจื่อหยวนตนเองทุ่มเทกำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกว่าจะได้มา หากไม่คำนึงว่ากินเข้าไปตรงๆ จะได้ประโยชน์อย่างจำกัดอีกทั้งสิ้นเปลืองเวลามากเกินไป ตอนนั้นที่อยู่บนเศษซากโลกบนเขาก็คงกินมันเข้าไปทันทีแล้ว

“แม้มุกบรรพตธาราสิบสองลูกนี้จะยังเป็นแค่ร่างตั้งต้น แต่เหมือนจะไม่ธรรมดา ลูกหนึ่งในนั้นเหมือนเจ้าจะลองหลอมไปแล้ว ดูเหมือนจะยังเป็นเพียงของที่สำเร็จเพียงครึ่งเดียว กระบวนการหลอมไม่ง่าย ไม่สู้มอบให้แก่นิกาย…ส่วนต้นห้วงสมุทรวิญญาณนี่ มีประโยชน์กับการฝึกฝนวิชาธาตุหยิน ค่อนข้างเหมาะกับเจ้า ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เก็บไว้เถิด” ผู้เฒ่าหน้าตาอ่อนโยนจับแขนเสื้อพลางเอ่ยกับหลิ่วหมิง

เทียนเกอเจินเหรินกับผู้อาวุโสหานฟังแต่ไม่พูดอะไร พวกเขาเพียงหันหน้ามามองหลิ่วหมิงพร้อมกัน

ตอนที่หลิ่วหมิงได้ยินผู้เฒ่าหน้าตาอ่อนโยนบอกว่าต้องการเก็บร่างตั้งต้นของมุกบรรพตธาราไว้ ในใจกลับเคร่งเครียดอย่างห้ามไม่ได้

หากเป็นก่อนที่เขาจะได้สัมผัสพลังของมุกบรรพตธารา เขาอาจยังพอรับไว้พิจารณา แต่วันนี้จะยอมมอบให้นิกายโดยดีได้อย่างไร

ส่วนต้นห้วงสมุทรวิญญาณ แม้หลิ่วหมิงจะเห็นค่าอยู่บ้าง แต่เทียบกับมุกบรรพตธาราแล้ว คุณค่าในสายตาเขาก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว อย่างไรเสียวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬของเขาก็ฝึกฝนจนใกล้สำเร็จขั้นปลายอย่างแท้จริงแล้ว ไม่ต้องการปราณหยินบริสุทธิ์มากเหมือนตอนเริ่มแรก

“หลิ่วหมิง หากมีความคิดอื่นใดก็เอ่ยออกมาเถอะ” เทียนเกอเจินเหรินคล้ายจะมองสีหน้าลำบากใจของหลิ่วหมิงออกจึงเอ่ยปากขึ้นมา

“เรียนท่านประมุข เตาหล่อหลอมจิตวิญญาณข้ายินดีมอบให้นิกาย แต่ข้าต้องการเก็บมุกบรรพตธาราสิบสองลูกนี้ไว้” หลิ่วหมิงไม่อึกอักสักนิด เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างชัดเจนทันที

“หากมุกนี้มีเพียงลูกเดียวก็ช่างเถิด แต่ร่างตั้งต้นสิบสองลูกทั้งชุดหาได้ไม่มาก ด้วยเหตุนี้มูลค่าของมันย่อมไม่ธรรมดา…นอกจากนี้เทียนชื่อยังบอกไว้อีกว่าเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณนี่เป็นของที่ได้มาร่วมกับนิกายเทียนกง รายละเอียดว่าจะจัดการอย่างไรยังต้องรอหารือกัน…” ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ศิษย์ยินดีสละต้นห้วงสมุทรวิญญาณ ศิลาทรายดารา รวมถึงโอกาสเลือกสมบัติสามครั้ง แต่ขอเก็บไว้เพียงร่างตั้งต้นของมุกบรรพตธาราสิบสองลูกนี้ ผลจื่อหยวนสองผล มุกผลึกมารกับสมุนไพรจิตวิญญาณสำหรับทะลวงสู่ระดับแก่นแท้จำนวนหนึ่งกับไข่ที่ตายแล้วของปีศาจอสูรเล็กน้อย” หลิ่วหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยเสริมขึ้นด้วยแววตาแน่วแน่

ในใจหลิ่วหมิงรู้ดีอย่างยิ่งว่าหากไม่สู้ตอนนี้ รอของเหล่านี้ไปอยู่ในมือของผู้เฒ่าเหล่านี้ อยากได้กลับคืนมา นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้แม้แต่น้อย

มุกผลึกมารที่ตรวจสอบคุณสมบัติของมนุษย์ปีศาจได้ลูกนั้น เนื่องจากแผ่นดินจงเทียนไม่มีมนุษย์ปีศาจที่แท้จริง ดังนั้นมุกนี้จึงมีประโยชน์ไม่มาก ผู้เฒ่าเหล่านี้ไม่มีทางยื้อของสิ่งนี้ไว้

เทียนเกอเจินเหรินกับผู้อาวุโสหานฟังแล้วไม่พูดอันใด แต่หันไปมองอีกสองคน แลกเปลี่ยนสายตากัน

“ในเมื่อเจ้าตั้งใจเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นขอพวกเราหารือกันสักครู่ค่อยตัดสินใจแล้วกัน” ผู้เฒ่าใบหน้าอ่อนโยนกับผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวผู้นั้นมองหน้ากันครั้งหนึ่งก็พากันวางของในมือลงแล้วก้าวเท้าเชื่องช้าไปทางสมบัติแห่งฟ้าดินกองโตด้านหน้า

เนื่องจากพวกเตาหล่อหลอมวิญญาณสะดุดตาเกินไป อีกทั้งเมื่อครู่พวกเขากวาดตามองเพียงไวๆ จึงไม่ทันสังเกตของที่เหลือมากนัก ยามนี้ได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิงจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันสำรวจของที่เหลืออย่างละเอียด

ผู้เฒ่าทั้งสองหยุดอยู่เบื้องหน้าสมบัติแห่งฟ้าดินกองเท่าภูเขาขนาดย่อมแล้วเริ่มสำรวจอย่างละเอียด ริมฝีปากขมุบขมิบส่งกระแสจิตสนทนากันเป็นระยะ

เมื่อผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวเห็นหญ้าจิตวิญญาณสีเทาหม่นแสงต้นหนึ่งในนั้น ดวงตาก็ฉายแววยินดีอย่างห้ามตนเองไม่ได้วูบหนึ่ง แขนเสื้อสะบัดเบาๆ เรียกมันเข้ามาอยู่ในมือจับดู เมื่อผู้เฒ่าใบหน้าอ่อนโยนผู้นั้นเห็นหญ้าจิตวิญาณต้นนี้ก็ดวงตาเป็นประกายเช่นกัน

นี่คือหญ้าจิตวิญญาณสีเทายาวหนึ่งฉื่อกว่าต้นหนึ่ง มองแวบแรกเหมือนเหี่ยวเฉา มันมีกิ่งใบมากหลายร้อย บนใบมีลวดลายจิตวิญญาณสีดำจางๆ ที่ทอแสงเรืองๆ อยู่เล็กน้อย

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ในใจก็อดยินดีไม่ได้ หญ้าจิตวิญญาณต้นนี้น่าจะเป็นของที่เขาได้มาจากแหวนเก็บของของร่างแยกเงาโลหิต เนื่องจากตอนนั้นรีบร้อนอยู่บ้างเขาจึงไม่ได้ตรวจสอบมันอย่างละเอียด ดังนั้นตลอดมาเขาจึงไม่รู้ว่านี่คือวัตถุดิบอะไร แต่ดูจากสีหน้าของผู้เฒ่าทั้งสองน่าจะเป็นหญ้าจิตวิญญาณที่หาได้ไม่มากต้นหนึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีหวังอย่างยิ่งว่าจะเก็บมุกบรรพตธารากับผลจื่อหยวนไว้ได้

เวลาผ่านไปอีกครึ่งเค่อเต็ม ในที่สุดผู้เฒ่าทั้งสองก็ตรวจดูกองวัตถุดิบนี้อย่างละเอียดจนเสร็จ

ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวเห็นหลิ่วหมิงเก็บข้าวของเสร็จก็พยักหน้าให้เขาอย่างพึงพอใจ แล้วสะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งชี้ความว่างเปล่า แสงสีน้ำเงินสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในป้ายนิกายข้างเอวหลิ่วหมิง

ป้ายสั่นไหวเบาๆ เมื่อแสงสีน้ำเงินพุ่งผ่านไปจำนวนแต้มคุณูปการของนิกายบนนั้นก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งล้าน

“ขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดยิ่งนัก!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้จึงประสานมืออย่างนอบน้อม จากนั้นบอกลาผู้อาวุโสทั้งหลายกับเทียนเกอเจินเหรินทันที เขาหมุนตัวออกจากห้องโถงใหญ่ใต้ดินของวิหารหลัก แล้วแหวกท้องฟ้ามุ่งไปทางถ้ำที่พักของตนเอง

หลังจากนั้นหลงเหยียนเฟยก็แสดงสิ่งที่ได้มาจากการเดินทางครั้งนี้ต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งสามกับเทียนเกอเจินเหริน แม้ในนั้นจะมีของที่ไม่เลวสองสามอย่าง แต่เมื่อเทียบกับหลิ่วหมิงแล้วก็เห็นชัดว่าเป็นรุ่นเล็กเจอรุ่นใหญ่

เพื่อให้กำลังใจ ผู้อาวุโสทั้งหลายของนิกายจึงเอ่ยชมการเดินทางไปยังเศษซากโลกบนครั้งนี้ของหลงเหยียนเฟย อีกทั้งมอบสมุนไพรจิตวิญญาณที่ช่วยทะลวงเข้าสู่ระดับแก่นแท้จำนวนหนึ่งให้เป็นรางวัลแล้วส่งนางออกไป

หลังหลงเหยียนเฟยออกไป ทั้งสี่คนก็หารือกันพักหนึ่ง ผู้อาวุโสหานกับเทียนเกอเจินเหรินนำสมบัติที่ได้มาส่วนหนึ่งแยกย้ายกันจากไป

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งในห้องโถงใหญ่ใต้ดินของวิหารหลักก็ว่างเปล่า เหลือเพียงผู้เฒ่าทั้งสองเท่านั้น

“ศิษย์พี่ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าหนูหลิ่วหมิงคนนี้จะนำเรื่องน่ายินดีใหญ่หลวงเช่นนี้มาให้พวกเรา ดูท่าครั้งนี้การให้เขาเข้าไปในเศษซากโลกบนจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดของท่านกับข้า” ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวแย้มยิ้มเอ่ยขึ้นมา

“นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งของข้ากับเจ้า ตอนนี้เจ้ากับข้ามีอายุขัยได้อย่างมากที่สุดก็ไม่กี่ร้อยปี เจ้าหนูคนนี้ถึงกับหาสมุนไพรยืดอายุขัยพบ แล้วยังมีหญ้าฮุยหลี่หลายต้นนั้นที่เป็นโอสถวิเศษสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บที่หาได้ไม่มากเหล่านั้นอีก หากรักษาอาการบาดเจ็บในอดีตของพวกเราสองคนให้หายดีสมบูรณ์ได้ บางทีอาจเป็นไปได้ที่จะทะลวงสู่ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์อีกสักครั้ง” ผู้เฒ่าผู้ใบหน้าอ่อนโยนก็หัวเราะลั่นผิดจากท่าทางปกติ ท่าทางดีอกดีใจเป็นพิเศษเช่นกัน

“ส่วนเรื่องเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณนี่ ศิษย์พี่ท่านคิดว่าอย่างไร?” ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ยเสียงเบา

“เตาหลอมนี้เป็นเตาหลอมวิเศษชิ้นหนึ่ง มันเพิ่มพลังจิตวิญญาณให้อาวุธเวทได้ พวกเราใช้มันหลอมอาวุธเวทของตนเองก่อนสักรอบหนึ่งแล้วค่อยตัดสินใจ แม้ก่อนหน้านี้ตกลงกันว่าจะมอบเตาหลอมชิ้นนี้ให้แก่นิกายเทียนกง แต่อีกฝ่ายยังไม่ได้ส่งทรัพยากรตามที่สัญญามาให้ อีกทั้งเตาหลอมชิ้นนี้ก็หาใช่สมบัติของนิกายเทียนกง วันนี้ตกมาอยู่ในมือนิกายยอดบริสุทธิ์ของเรา เพียงแค่ทรัพยากรเหล่านั้นที่สัญญากันไว้ในวันวานคงไม่พอแลกอีกแล้ว รายละเอียดเจ้ากับข้าไม่ต้องกังวล ให้อาจารย์อา อาจารย์ลุงระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เหล่านั้นไปตัดสินใจเถอะ” ผู้เฒ่าใบหน้าอ่อนโยนเอ่ยด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ศิษย์พี่คิดได้ลึกซึ้งจริงแท้ เรื่องสำคัญเร่งด่วนคือข้ากับท่านสมควรหลอมหญ้าฮุยหลี่ต้นนี้เป็นโอสถจิตวิญญาณก่อน เรื่องอื่นวันหลังค่อยว่ากัน”

หลังจากทั้งสองคนสนทนากันอย่างตื่นเต้นยินดีพักหนึ่งก็กลายเป็นแสงสีน้ำเงินสองสายหายไปในห้องโถงใหญ่ใต้ดินของวิหารหลัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา