ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ผู้อาวุโสผู้มีใบหน้าอ่อนโยนก็เอ่ยปากขึ้นก่อน
“หลิ่วหมิง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะได้ของมามากมายเช่นนี้ ตามกฎของนิกาย สมบัติเหล่านี้เจ้าจะเก็บไว้ได้หนึ่งในสาม และครั้งนี้เจ้าสร้างความชอบครั้งใหญ่ให้แก่นิกาย สามารถเลือกเพิ่มไปได้อีกสามอย่าง”
หลิ่วหมิงได้ยินแรกเริ่มก็ยินดี แต่ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง สีหน้ายินดีเปลี่ยนไปไม่น่ามองในพริบตา
ในเมื่อผู้เฒ่าของนิกายเหล่านี้เอ่ยออกมาเช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่ได้ใจกว้างเหมือนดังปากว่า
ไม่ผิดจากที่คิด ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวได้ยินก็เงยหน้าเอ่ยต่อ
“จากที่ข้าดู เตาหล่อหลอมจิตวิญญาณกับผลจื่อหยวนสามผลนี้มอบให้นิกายเถอะ ยามนี้ศิษย์หลานหลิ่วเพิ่งระดับแก่นเสมือน ในหมู่หญ้าจิตวิญญาณและสมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านี้มีไม่น้อยที่ช่วยเจ้าทะลวงสู่ระดับแก่นแท้ได้ เจ้าเก็บไว้มากหน่อย เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
หลิ่วหมิงได้ยินก็ยิ้มขมขื่นอยู่ในใจอย่างห้ามไม่ได้ เตาหล่อหลอมจิตวิญญาณนี่เดิมเขาไม่วาดหวังจะเก็บเอาไว้อยู่แล้ว แต่ผลจื่อหยวนตนเองทุ่มเทกำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกว่าจะได้มา หากไม่คำนึงว่ากินเข้าไปตรงๆ จะได้ประโยชน์อย่างจำกัดอีกทั้งสิ้นเปลืองเวลามากเกินไป ตอนนั้นที่อยู่บนเศษซากโลกบนเขาก็คงกินมันเข้าไปทันทีแล้ว
“แม้มุกบรรพตธาราสิบสองลูกนี้จะยังเป็นแค่ร่างตั้งต้น แต่เหมือนจะไม่ธรรมดา ลูกหนึ่งในนั้นเหมือนเจ้าจะลองหลอมไปแล้ว ดูเหมือนจะยังเป็นเพียงของที่สำเร็จเพียงครึ่งเดียว กระบวนการหลอมไม่ง่าย ไม่สู้มอบให้แก่นิกาย…ส่วนต้นห้วงสมุทรวิญญาณนี่ มีประโยชน์กับการฝึกฝนวิชาธาตุหยิน ค่อนข้างเหมาะกับเจ้า ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เก็บไว้เถิด” ผู้เฒ่าหน้าตาอ่อนโยนจับแขนเสื้อพลางเอ่ยกับหลิ่วหมิง
เทียนเกอเจินเหรินกับผู้อาวุโสหานฟังแต่ไม่พูดอะไร พวกเขาเพียงหันหน้ามามองหลิ่วหมิงพร้อมกัน
ตอนที่หลิ่วหมิงได้ยินผู้เฒ่าหน้าตาอ่อนโยนบอกว่าต้องการเก็บร่างตั้งต้นของมุกบรรพตธาราไว้ ในใจกลับเคร่งเครียดอย่างห้ามไม่ได้
หากเป็นก่อนที่เขาจะได้สัมผัสพลังของมุกบรรพตธารา เขาอาจยังพอรับไว้พิจารณา แต่วันนี้จะยอมมอบให้นิกายโดยดีได้อย่างไร
ส่วนต้นห้วงสมุทรวิญญาณ แม้หลิ่วหมิงจะเห็นค่าอยู่บ้าง แต่เทียบกับมุกบรรพตธาราแล้ว คุณค่าในสายตาเขาก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว อย่างไรเสียวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬของเขาก็ฝึกฝนจนใกล้สำเร็จขั้นปลายอย่างแท้จริงแล้ว ไม่ต้องการปราณหยินบริสุทธิ์มากเหมือนตอนเริ่มแรก
“หลิ่วหมิง หากมีความคิดอื่นใดก็เอ่ยออกมาเถอะ” เทียนเกอเจินเหรินคล้ายจะมองสีหน้าลำบากใจของหลิ่วหมิงออกจึงเอ่ยปากขึ้นมา
“เรียนท่านประมุข เตาหล่อหลอมจิตวิญญาณข้ายินดีมอบให้นิกาย แต่ข้าต้องการเก็บมุกบรรพตธาราสิบสองลูกนี้ไว้” หลิ่วหมิงไม่อึกอักสักนิด เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างชัดเจนทันที
“หากมุกนี้มีเพียงลูกเดียวก็ช่างเถิด แต่ร่างตั้งต้นสิบสองลูกทั้งชุดหาได้ไม่มาก ด้วยเหตุนี้มูลค่าของมันย่อมไม่ธรรมดา…นอกจากนี้เทียนชื่อยังบอกไว้อีกว่าเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณนี่เป็นของที่ได้มาร่วมกับนิกายเทียนกง รายละเอียดว่าจะจัดการอย่างไรยังต้องรอหารือกัน…” ผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ศิษย์ยินดีสละต้นห้วงสมุทรวิญญาณ ศิลาทรายดารา รวมถึงโอกาสเลือกสมบัติสามครั้ง แต่ขอเก็บไว้เพียงร่างตั้งต้นของมุกบรรพตธาราสิบสองลูกนี้ ผลจื่อหยวนสองผล มุกผลึกมารกับสมุนไพรจิตวิญญาณสำหรับทะลวงสู่ระดับแก่นแท้จำนวนหนึ่งกับไข่ที่ตายแล้วของปีศาจอสูรเล็กน้อย” หลิ่วหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยเสริมขึ้นด้วยแววตาแน่วแน่
ในใจหลิ่วหมิงรู้ดีอย่างยิ่งว่าหากไม่สู้ตอนนี้ รอของเหล่านี้ไปอยู่ในมือของผู้เฒ่าเหล่านี้ อยากได้กลับคืนมา นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้แม้แต่น้อย
มุกผลึกมารที่ตรวจสอบคุณสมบัติของมนุษย์ปีศาจได้ลูกนั้น เนื่องจากแผ่นดินจงเทียนไม่มีมนุษย์ปีศาจที่แท้จริง ดังนั้นมุกนี้จึงมีประโยชน์ไม่มาก ผู้เฒ่าเหล่านี้ไม่มีทางยื้อของสิ่งนี้ไว้
เทียนเกอเจินเหรินกับผู้อาวุโสหานฟังแล้วไม่พูดอันใด แต่หันไปมองอีกสองคน แลกเปลี่ยนสายตากัน
“ในเมื่อเจ้าตั้งใจเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นขอพวกเราหารือกันสักครู่ค่อยตัดสินใจแล้วกัน” ผู้เฒ่าใบหน้าอ่อนโยนกับผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวผู้นั้นมองหน้ากันครั้งหนึ่งก็พากันวางของในมือลงแล้วก้าวเท้าเชื่องช้าไปทางสมบัติแห่งฟ้าดินกองโตด้านหน้า
เนื่องจากพวกเตาหล่อหลอมวิญญาณสะดุดตาเกินไป อีกทั้งเมื่อครู่พวกเขากวาดตามองเพียงไวๆ จึงไม่ทันสังเกตของที่เหลือมากนัก ยามนี้ได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิงจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันสำรวจของที่เหลืออย่างละเอียด
ผู้เฒ่าทั้งสองหยุดอยู่เบื้องหน้าสมบัติแห่งฟ้าดินกองเท่าภูเขาขนาดย่อมแล้วเริ่มสำรวจอย่างละเอียด ริมฝีปากขมุบขมิบส่งกระแสจิตสนทนากันเป็นระยะ
เมื่อผู้เฒ่าคิ้วหนาสีขาวเห็นหญ้าจิตวิญญาณสีเทาหม่นแสงต้นหนึ่งในนั้น ดวงตาก็ฉายแววยินดีอย่างห้ามตนเองไม่ได้วูบหนึ่ง แขนเสื้อสะบัดเบาๆ เรียกมันเข้ามาอยู่ในมือจับดู เมื่อผู้เฒ่าใบหน้าอ่อนโยนผู้นั้นเห็นหญ้าจิตวิญาณต้นนี้ก็ดวงตาเป็นประกายเช่นกัน
นี่คือหญ้าจิตวิญญาณสีเทายาวหนึ่งฉื่อกว่าต้นหนึ่ง มองแวบแรกเหมือนเหี่ยวเฉา มันมีกิ่งใบมากหลายร้อย บนใบมีลวดลายจิตวิญญาณสีดำจางๆ ที่ทอแสงเรืองๆ อยู่เล็กน้อย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ในใจก็อดยินดีไม่ได้ หญ้าจิตวิญญาณต้นนี้น่าจะเป็นของที่เขาได้มาจากแหวนเก็บของของร่างแยกเงาโลหิต เนื่องจากตอนนั้นรีบร้อนอยู่บ้างเขาจึงไม่ได้ตรวจสอบมันอย่างละเอียด ดังนั้นตลอดมาเขาจึงไม่รู้ว่านี่คือวัตถุดิบอะไร แต่ดูจากสีหน้าของผู้เฒ่าทั้งสองน่าจะเป็นหญ้าจิตวิญญาณที่หาได้ไม่มากต้นหนึ่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีหวังอย่างยิ่งว่าจะเก็บมุกบรรพตธารากับผลจื่อหยวนไว้ได้
เวลาผ่านไปอีกครึ่งเค่อเต็ม ในที่สุดผู้เฒ่าทั้งสองก็ตรวจดูกองวัตถุดิบนี้อย่างละเอียดจนเสร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา