ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้ตั้งแต่แรกแล้ว
หลังจากที่นางออกมาจากตำหนักหมิงอวี้นั้น ตู้เหิงก็ติดตามนางอยู่ด้านหลังไกลๆ
นับตั้งแต่ที่นางเดินมาถึงเรือนโยวหลาน จนถึงคอกม้า จนกระทั่งมาถึงเรือนสมุนไพรที่นางทะเลาะกับองค์หญิงมู่เหยี่ยนั้น ตู้เหิงคอยเฝ้ามองดูนางด้วยสายตาที่เย็นชามาโดยตลอด
ฉะนั้นแล้ว ยามที่ไป๋โค้วเลียนเสียงตงฟางหลีนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงคิดว่าเป็นตู้เหิงที่ลงมือมาโดยตลอด
ทว่า ในภายหลังกลับเห็นว่าตู้เหิงเอาแต่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ มิได้สอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว
ความสัมพันธ์ขององค์หญิงมู่เหยี่ยนั้นซับซ้อนยิ่งนัก นั่นจึงทำให้จุดยืนของตงฟางหลีในเรื่องนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าลำบาก ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเหตุนี้จึงทำให้ตู้เหิงมิอาจปรากฏตัวออกมาได้
ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าชีวิตของนางจะต้องตกอยู่ในอันตราย แต่นางก็มิคิดวิงวอนร้องขอความช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย
ทว่า!
เมื่อเห็นเฟ่ยชุ่ยและชื่อเจี้ยนเปียกโชกไปด้วยน้ำเย็นจัดนั้น ในยามที่เห็นว่าพวกนางมีโอกาสรอดอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ ทว่า นางกลับไร้ความสามารถ ทั้งยังมิอาจอดกลั้นอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้ ก่อนจะร้องไห้โฮออกมาเสียฉากใหญ่ พลางร้องตะโกนออกมาว่า “รีบออกมาช่วยเร็ว ๆ”
“มิว่าจะเรื่องอันใดข้าจักน้อมรับมันเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ข้าขอล่ะ”
ตู้เหิงพลางเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ปรากฏไปด้วยอารมณ์หลากหลาย “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขออภัย...”
ก่อนที่ท่านอ๋องจักออกเดินทางไปนั้น พระองค์ได้พยายามกำชับกับเขาเอาไว้แล้วว่า ห้ามปรากฏตัวออกยกเว้นแต่เป็นเรื่องที่จำเป็นจริง ๆ
เรื่องนี้ ต้องมอบอำนาจทั้งหมดให้พระชายาจัดการสะสางด้วยตนเอง
เขาเองก็ได้อดทนรอมาโดยตลอด
หลังจากได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ภายในใจของตู้เหิงยิ่งรู้สึกลำบากใจมากขึ้นกว่าเดิม
“ตู้เหิง ข้าขอร้องเจ้า” ใบหน้าของฉินเหยียนเย่ว์พลันซีดขาว รอบดวงตาแดงก่ำ “ดึงพวกนางขึ้นมา ข้าดึงพวกนางขึ้นมาไม่ไหว”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจักเป็นผู้รับผิดแต่เพียงผู้เดียว แต่พวกนางสองคนยังพอมีหนทางช่วยเหลืออยู่ รีบดึงพวกนางขึ้นมาเสีย หากช้าไปกว่านี้คงไม่มีหวังแล้ว”
ตู้เหิงหาได้เอ่ยอันใดออกมาไม่ เขาใช้แรงเป็นอย่างมากในการดึงหนึ่งในพวกนางขึ้นมา
คนผู้นั้นคือชื่อเจี้ยน
หินก้อนใหญ่ที่ผูกติดอยู่กับเท้าของชื่อเจี้ยนนั้น เป็นหินที่มีน้ำหนักยิ่งนัก ทั้งยังยึดตัวชื่อเจี้ยนเอาไว้ในหลุมให้ขยับไปที่ใดอีกด้วย มิน่าเล่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงมิอาจลากตัวชื่อเจี้ยนขึ้นมาได้
ตู้เหิงตัดเชือกทิ้ง ก่อนจะนำตัวชื่อเจี้ยนวางราบบนพื้น
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือทาบไปที่ใต้จมูกของนางเล็กน้อย ก่อนจะพบว่านางแทบไม่หายใจแล้ว
ภายในใจของตู้เหิงรู้สึกสั่นสะท้านไปในทันที
เมื่อคิดว่าเฟ่ยชุ่ยจักต้องตายนั้น เขาก็มิคิดสนใจอันใดอีก พลางรีบร้อนทำตามฉินเหยี่ยนเย่ว์โดยไว พร้อมทั้งเอามือกดไปที่หน้าอกของเฟ่ยชุ่ยในทันที
ทั้งใบหน้าของชื่อเจี้ยนและเฟ่ยชุ่ยต่างก็ซีดเผือดยิ่งนัก พร้อมทั้งลมหายใจของพวกนางที่หยุดลง
หากว่าการตามจริงแล้ว หาได้มีหวังในการช่วยพวกนางสองคนไม่
ทว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับมิคิดยอมแพ้ ก่อนจะพยายามกดหน้าอกเพื่อนวดหัวใจกู้ชีพต่อไป
การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพนั้นมีประโยชน์ในการช่วยชีวิตคนเป็นอย่างมาก หากแต่เวลากลับค่อย ๆ เดินผ่านไปเรื่อย ๆ
หยาดเหงื่อพลันผุดขึ้นมาบนหน้าผากของพวกเขาไม่มีหยุด ทว่า พวกนางทั้งสองคนหาได้มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมาไม่
“ข้ามาช้าเกินไป ข้าขอโทษ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ร้องสะอึกสะอื้นออกมา “ข้าขอร้องพวกเจ้าล่ะ อย่าตายนะ”
“ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ”
ในขณะที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์พึมพำกล่าวออกมา หากแต่มือของนางก็ยังคงออกแรงอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด
สีหน้าของตู้เหิงพลันแสดงออกมาอย่างซับซ้อนในทันที

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน