ข้างกายของตงฟางหลีนั้น ทั้งสามคนที่ต้องพิษถูกองครักษ์เงาพาไปพักที่ที่แตกต่างกัน
ใบหน้าขององค์หญิงมู่เหยี่ยพลันมีรอยขีดข่วนมากมายบนใบหน้าของเธอ ทั้งยังมีอาการหวาดกลัวสิ่งสกปรกอย่างรุนแรง ทั่วร่างของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและฝุ่นควันมากมาย ดวงตาทั้งสองข้างพลันเบิกโพลง พร้อมทั้งตัวนางที่เอาแต่กลิ้งไปมาบนพื้นเพื่อบรรเทาอาการคันที่เกิดขึ้น
“ท่านพี่เจ็ด ช่วยข้าด้วย” องค์หญิงมู่เหยี่ยพลางร่ำไห้ออกมา “ข้าทรมานยิ่งนัก”
“ข้าคันมาก ท่านช่วยนำยาถอนพิษมาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”
องค์หญิงมู่เหยี่ยพลันเกาตามร่างกายของตนเองไปด้วย พร้อมเอ่ยขอความช่วยเหลือจากตงฟางหลี
อีกด้านหนึ่ง ผมเผ้าของซูเตี่ยนฉิงที่ยุ่งเหยิง พร้อมทั้งใบหน้าที่ซีดเซียว ทั่วร่างพลันมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ไม่เพียงแต่มีเลือดที่ไหลออกมา ทว่า ยังต้องมาทุกข์ทรมานจากอาการคันคะเยอมากมายตามตัวอีก เสมือนกับว่านางหาได้มีเคล้าโครงความงดงามเฉกเช่นเดิมไม่ รอยเลือดจากหางตาไหลมาที่มุมปาก ใบหน้าที่ปูดบวมนั้นทำให้นางดูดุร้ายยิ่งนัก
เมื่อเทียบกับอาการขององค์หญิงมู่เหยี่ยแล้วนั้น ซูเตี่ยนฉิงดูจะเก็บอาการได้ดีมากกว่า นางหันมามองตงฟางหลีพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอราวกับคนหมดหนทาง “พี่หลี อย่ามองข้านะ ตอนนี้ฉิงเอ๋อร์น่าเกลียดมาก”
“พี่หลี ได้โปรดฆ่าข้าเสีย ขอเพียงแค่ฉิงเอ๋อร์ตาย เช่นนี้ฉิงเอ๋อร์ก็จะไม่สร้างความรำคาญใจให้กับแม่นางฉินอีกแล้ว ทั้งยังไม่สร้างความลำบากให้กับพี่หลีอีกด้วย”
“พี่หลี ข้าทรมานมาก ท่านช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่?”
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์มองเห็นท่าทีที่ดูน่าสมเพชของพวกนางแล้วนั้น นางจึงหันหน้ากลับมามองนางกำนัลผู้อาวุโสในวังที่มีนามว่าปี้เถา ปี้เถ้าที่นอนอยู่บนพื้นนั้นหาได้มีท่าทีกลิ้งไปมาหรือดิ้นทุรนทุรายไม่
เกรงว่ายาถอนพิษเม็ดที่มีเพียงเม็ดเดียวคงจะถูกนางกินไปแล้วกระมัง
ช่างเป็นงิ้วที่น่าจับตามองเสียจริง
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” ลู่ซิวที่ตรวจดูร่างกายขององค์หญิงมู่เหยี่ย ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “องค์หญิงหาได้มีอาการบาดเจ็บภายนอกไม่ พระนางเพียงต้องพิษเท่านั้น กระหม่อมเองก็มิอาจแก้พิษนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ แม่นางซูได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องห้ามเลือด นางเองก็ถูกพิษชนิดเดียวกัน”
ตงฟางหลีพลางขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะหันหน้าไปมองฉินเหยี่ยนเย่ว์
ดวงตาของเขากลับแสดงออกท่าทีตกใจออกมา ทั้งยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน รวมไปถึงความโกรธที่ปะปนไปด้วยอารมณ์อื่นๆ
“ท่านอ๋องเจ็ดกลับมาได้ทันเวลาพอดีเลยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะสบตากับเขา พลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเยาะเย้ยว่า “เมื่อครู่ เรือนสมุนไพรมีงิ้วโรงใหญ่เชียว”
น่าขันเสียจริง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินผ่านเขาไป พร้อมทั้งรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายความโกรธเกรี้ยวที่ขยายออกมา รวมไปถึงไอความเย็นมากมายที่พุ่งกระจายไปทั่วสี่ทิศ
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี บรรยากาศมืดมน
ทั่วร่างของตงฟางหลีพลันเต็มไปด้วยกลิ่นอายรังสีฆ่าฟัน
เสมือนกับบนศาลาในวันนั้น
นางในยามนี้สัมผัสได้ในทันทีว่า ถึงแม้ว่าหน้าตาของตงฟางหลีจักดูสงบเงียบไร้ความรู้สึก หากแต่ภายในใจเขาย่อมต้องโมโหมากอย่างแน่นอน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเขา ก่อนใช้เสียงที่มีเพียงคนสองคนได้ยิน พลางเอ่ยเยาะเย้ยออกมาว่า “ตงฟางหลี ท่านต้องการที่จะตบข้าเพื่อสตรีนางนั้นอีกงั้นหรือ?”
“ฝ่ามือที่ตบข้าในวันมงคลนั้น ข้ายังคงจำไม่ลืม ไม่มีทางให้อภัยท่านเช่นกัน”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน