“ข้าเป็นคนอาฆาตพยาบาท หากท่านคิดจะทำแบบเดียวกันกับในวันนั้นแล้ว ข้าจักสังหารฉิงเอ๋อร์ของท่านเสีย ให้นางตายด้วยความเจ็บปวดที่มิมีวันรู้จบ ในเมื่อท่านมิอยากให้ข้ามีความสุข ท่านเองก็อย่าหวังว่าตนเองจะมีความสุขเช่นกัน”
“ชีวิตของนางยังอยู่ในกำมือข้า ข้าแนะนำว่า ท่านคิดจักทำอันใดควรคิดให้รอบคอบมากกว่านี้”
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบ นางก็เมนเฉยต่อกลิ่นอายรังสีฆ่าฟันของตงฟางหลี ก่อนจะมาหยุดยืนที่ข้างกายไป๋โค้ว พลางจับชีพจรของนาง
นับว่าโชคดีที่ไป๋โค้วยังมีชีวิตอยู่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ค่อย ๆ ช่วยพยุงไป๋โค้วขึ้นมา ก่อนจะพยายามเดินไปข้างหน้า
เลือดที่บาดแผลบริเวณขาและแขนของนางหยุดไหลแล้ว เมื่อรวมไปถึงทั่วร่างที่เปียกชื้นนั้น ทำเอาทั่วทั้งร่างกายของนางเกิดอาการด้านชาจากอากาศหนาวเย็นไปในทันที
ฉินเหยี่ยนเย่วี่พยุงไป๋โค้วอยู่นั้น แม้ว่าจะเดินออกมานานแล้ว ทว่า หาได้เดินออกมาพ้นเรือนสมุนไพรไม่
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ” ตู้เหิงที่กลับมานั้น เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ช่วยพยุงไป๋โค้วเดินกะโผลกกะเผลกเต็มไปด้วยความยากลำบาก เขาจึงรีบเข้าไปอุ้มไป๋โค้วขึ้นมาในทันที
“ฝั่งเฟ่ยชุ่ยและชื่อเจี้ยนจัดการได้แล้วหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วเป็นปมไปในทันที “เรียกหมอหลวงมาแล้วหรือ?”
“เรียกหมอหลวงยุ่งยากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเชิญท่านหมอมาแล้ว ทั้งยังสั่งให้แม่นมอีกสองสามคนดูแลพวกนางเป็นอย่างดี” ตู้เหิงกล่าว “ไม่ต้องเป็นกังวลพ่ะย่ะค่ะ พวกนางสบายดี…”
หลังจากที่ตู้เหิงพูดจบ เขาถึงสัมผัสได้ว่าตงฟางหลีกลับมาแล้ว นัยน์ตาของเขาพลันเบิกโพลงออกมาราวกับไม่เชื่อในตาเห็น “ท่านอ๋อง? ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? เหตุใดว่าความยามเช้าเสร็จไวนัก?”
ใบหน้าของตงฟางหลีพลางมืดครึ้มราวกับก้นหม้อไปในทันที
เขายืนอยู่ภายในจวน ก่อนจะปล่อยกลิ่นอายความน่าสะพรึงกลัวออกมา
ด้วยบรรยากาศมืดครึ้ม พร้อมทั้งลมหนาวที่พัดเข้ามาเช่นนี้ ทำเอาเสื้อคลุมของตงฟางหลีปลิวไสวไปโดยรอบในทันที
ตู้เหิงที่เห็นตงฟางหลีเต็มไปด้วยท่าทีโมโหโกรธเกรี้ยวนั้น เขาได้แต่ห่อไหล่ลง “เอ่อ ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดฟังกระหม่อมเสียก่อน กระหม่อมตั้งใจฟังคำสั่งการของท่านมาโดยตลอด ฉะนั้นแล้ว หลังจากที่เรื่องราวจบลงกระหม่อมถึงได้ปรากฏกายออกมา กระหม่อมรับประกันได้ว่า…”
เมื่อลู่ซิวเห็นว่าตู้เหิงกำลังจะหลุดปากออกมานั้น ใบหน้าพลันมืดคล้ำลงไปในทันที ก่อนจะยกมือขึ้นพร้อมทั้งอาศัยแรงลม ดีดลูกพุทราเข้าไปในปากของตู้เหิงในทันที
“ตู้เหิง ในเมื่อเจ้ามิอาจช่วยงานอันใดได้แล้ว เช่นนั้นก็อยู่รายงานสถานการณ์ต่อท่านอ๋องเสียเถิด” ลู่ซิวพลันขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะกล่าวกำชับว่า “จำไว้ว่าอย่าได้เอ่ยเรื่องไร้สาระอันใดออกมาอีก”
ตู้เหิงจับลำคอของตนเอง ก่อนใบหน้าจะเป็นสีเขียวคล้ำ “คุณชายลู่โหดเหี้ยมยิ่งนัก เมื่อครู่ข้าคิดว่าตนเองจักต้องตายเสียแล้ว”
ลู่ซิวหาได้สนใจตู้เหิงไม่ ก่อนจะอุ้มตัวไป๋โค้วขึ้นมาพลางหันหน้าไปมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ “พระชายายังพอเดินไหวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้าไม่เป็นอะไร” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ภายในใจพลันรู้สึกด้านชาขึ้น พร้อมทั้งทั่วร่างที่เย็นเยียบตั้งแต่หัวจรดเท้า
นางเงยหน้าขึ้นมองฝากฟ้า มองดูเกล็ดหิมะที่ทยอยตกลงมาในสภาพอากาศที่มืดมนเช่นนี้ ก่อนจะยื่นมือที่สั่นเทาออกไปจับเกล็ดหิมะเหล่านั้น พลางบ่นโอดครวญกับตนเอง “โอ้ หิมะตกแล้ว รสชาติเค็มยิ่งนัก”
ในยามนี้ ไม่ว่าลมจะแรงพายุจะกระหน่ำเข้ามาเพียงใด นางก็ไม่กลัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตงฟางหลีมาถึงนั้น เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ การแสดงออกไม่กี่อย่าง ก็ทำเอาหัวใจของนางตกสู่ขุมนรกไปในทันที
เฉกเช่น หิมะที่กำลังตกลงมานั้น ถึงแม้จักเห็นได้ชัดว่าเป็นเกล็ดหิมะ ทว่า มิต่างอันใดกับเกลือหนึ่งกำมือที่ตกลงมาโปรยลงบนแผลเป็น มันทั้งเยือกเย็นฝังลึกไปในกระดูก ทั้งเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน