“พวกเจ้าสองคน ปลุกเขาให้ตื่น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำหมัดแน่น
“พระชายา เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ เขาดื่มสุราจนเมามายปลุกไม่ตื่น ต้องรอให้สุราหมดฤทธิ์พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งกล่าว “พวกเราไปตามหาแม่นางเฟ่ยชุ่ยกันต่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเข้าไปยกน้ำเย็นจัดมาหนึ่งกะละมัง เอาแบบที่มีเศษน้ำแข็งด้วย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สั่งเสียงเย็นชา “สาดให้เขาตื่น”
“มิ มิได้เพคะ” เมื่อยายแก่ผู้เป็นหัวหน้าเห็นนางให้ผู้ชายแยกตัวออกไป ก็ตกใจจนหน้าซีดขาว “พระชายา สตรีเช่นพวกเราสองคนอยู่ที่นี่ตามลำพังมิได้นะเพคะ”
“คนผู้นี้ คนผู้นี้น่ากลัวมากเพคะ”
“สตรีเช่นพวกเราสองคน ควบคุมเขาไม่ได้หรอกเพคะ ถ้าหากจู่ ๆ เขาตื่นขึ้นมา เห็นพวกเราสองคน เกรงว่าพวกเรา...พวกเรา...อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นได้เพคะ”
ก้นบึ้งหัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์แน่นขึ้นทันที
ลางสังหรณ์ของนางถูกต้อง
ตาแก่จอมขี้เกียจคนนี้ เกรงว่าจะเป็นพวกคนไม่ดีที่เมื่อเห็นสตรีก็จะเกิดความคิดเลว ๆ ขึ้น
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำหมักแน่น เพลิงโกรธพลุ่งพล่านขึ้น ที่ก้นบึ้งของหัวใจ
คนของห้องครัว รังแกกันมากเกินไปแล้ว!
พวกเขาทราบดีว่าตาแก่ผู้นี้เป็นบุคคลที่เมื่อเห็นสตรีก็จะทำอันตราย ยังจงใจให้เฟ่ยชุ่ยมาที่นี่เพียงลำพังอีก เห็นได้ชัดว่าต้องการผลักนางเข้าไปในกองไฟ
“พวกเจ้ามัดตัวเขาเอาไว้ก่อนแล้วโยนลงไปในหิมะเพื่อให้สร่างเมา มัดให้แน่นหนาเสียหน่อยล่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยายามควบคุมจิตใจของตนเองให้สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้
หวังว่าเฟ่ยชุ่ยจะยังอยู่ภายในห้องนี้ หวังว่ายังไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
สถานที่ที่สามารถซ่อนคนได้ของห้องเลี้ยงนกพิราบมีไม่มาก อยากจะตามหาคนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
สายตาของนางไปหยุดที่บนเตียงเตา
ผ้าห่มสีดำสนิทบนเตียงเตา ราวกับไม่เคยถูกซักมาก่อน เป็นเงาแวววาวภายใต้เปลวไฟที่ริบหรี่ของตะเกียง ทำให้ผู้คนรู้สึกคลื่นเหียน
ด้านล่างผ้าห่ม ราวกับมีความเคลื่อนไหว
นางอดกลั้นความสะอิดสะเอียน เลิกผ้าห่มขึ้น
ผู้ที่อยู่ใต้ผ้าห่ม ก็คือเฟ่ยชุ่ย
“เอ่อ บ่าวมาถึงห้องเลี้ยงนกพิราบ ตะโกนเรียกอยู่นานก็ไม่มีผู้ใดตอบรับ บ่าวคิดว่าไม่มีคน คิดว่าอีกประเดี๋ยวค่อยมาใหม่” เฟ่ยชุ่ยพูดไป ดวงตาทั้งสองข้างฉายแววหวาดกลัว
นางตัวสั่นเทาไม่หยุด
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กอดนางแน่น นางถึงได้สงบลงเล็กน้อย
“ตอนที่บ่าวอยากจะออกไป ตาแก่เนื้อตัวสกปรกคนหนึ่งก็พุ่งออกมาแล้วกอดบ่าวเอาไว้ กำลังเขาเยอะมาก บ่าวดิ้นไม่หลุดเลยเพคะ เขานำตัวบ่าวลากมาที่ด้านในห้อง บ่าวพยายามขัดขืนร้องตะโกน เขาจึงทำร้ายบ่าวจนสลบไปเพคะ”
เฟ่ยชุ่ยเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้น “เมื่อตอนที่บ่าวฟื้นขึ้นมาด้านหน้าก็มีแต่ความมืด มือและเท้าก็ถูกมัดเอาไว้ บ่าวถูกกลิ่นเหม็นเน่านั่นอบเอาไว้จนรู้สึกทนไม่ไหว แรกเริ่มยังคิดที่จะดิ้นรน ตอนหลังเรี่ยวแรงยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ สติสัมปชัญญะก็เริ่มเลือนราง แล้วหลังจากนั้นพระนางก็มาถึงเพคะ”
“พระนาง บ่าว...บ่าว” เฟ่ยชุ่ยกัดริมฝีปากแน่น ก้มหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ไม่ต้องกลัว เจ้ายังบริสุทธิ์อยู่” หลังจากที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จับชีพจรให้นาง ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ชีพจรของเฟ่ยชุ่ยปกติ ไม่เหมือนกับคนที่ถูกล่วงเกิน
ความคิดของนางชัดเจน พูดจาเป็นระเบียบแบบแผน น่าจะเป็นเพราะตาแก่นั่นยังไม่ทันได้กระทำการป่าเถื่อน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน