ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่งจะมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมา นางลูบเส้นผมบนศีรษะของเขาจนติดใจ
ชั่วจังหวะหนึ่งนั้น นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาเล็กน้อย จึงรีบปล่อยเส้นผมของเขาออก “เหตุใดวันนี้ท่านถึงไม่ปักปิ่นเล่า?”
“พวกเรามารับโทษ จักต้องสวมเสื้อผ้าสีเรียบและห้ามปักปิ่น กระทั่งจุดนี้เจ้ายังไม่สังเกตอีกหรือ?” ตงฟางหลีลืมตาขึ้นมาครึ่งหนึ่งมองนางราวกับมองคนปัญญาอ่อนก็มิปาน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มมองอาภรณ์ตนเอง
ยามปกตินางก็แต่งกายเช่นนี้อยู่แล้ว ไม่เคยแยแสเสียด้วยซ้ำว่านี่คือการแต่งกายมารับโทษ
“หม่อมฉันไม่เคยสังเกตเลย”
“โง่” ตงฟางหลีแค่นเสียงเหอะ ๆ สองครั้ง พลันได้กลิ่นหอมที่แผ่กำจายออกมาจากร่างกายของนาง ก็ผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัว
ครั้นผ่อนคลายลงแล้ว ความเหนื่อยล้าก็พรั่งพรูเข้ามา
เขาเอียงตัวเข้าหาอ้อมแขนของนางด้วยท่าทางที่สบาย ก่อนจะเอ่ยขึ้นราวกับฝันกลางวัน “เรื่องที่เจ้าเป็นศิษย์ของนักพรตเต๋าเทียนหลิง ข้าเป็นคนจัดการเอง”
“หม่อมฉันทราบเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์น้ำเสียงจริงจังขึ้นมา “ตงฟางหลี ขอบพระทัยที่ท่านจัดการเรื่องพวกนี้แทนหม่อมฉัน”
“เจ้าไม่โทษข้าหรือ?”
“เหตุใดหม่อมฉันต้องโทษท่านด้วย?” นางกล่าว “แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่รู้เจตนาของท่าน แต่ว่าท่านช่วยให้หม่อมฉันได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ จากนี้หม่อมฉันก็จะได้ทำงานอย่างสง่าผ่าเผยเสียที หม่อมฉันควรขอบคุณท่านจึงจะถูกต้อง”
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ความรู้สึกทางฐานะและความรู้สึกที่ได้รับการยอมรับเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
“เมื่อก่อนหม่อมฉันคิดเสมอว่าตนเองเป็นคนไร้ครอบครัว ทำสิ่งใดล้วนต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง จนเกิดความกลัวขึ้นมาว่าคงมีสักวันที่จะถูกไฟเผาจนตาย ในที่สุดวันนี้ก็ได้ใบอนุญาตพำนักแล้วก็บัตรประชาชนมาเสียที นับว่าได้ฐานะที่ถูกกฎหมายมาแล้ว”
ตงฟางหลีคิ้วขมวดแน่น
เขาไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดสิ่งใดอยู่
“วันนี้ก็ถือเสียว่าได้รับความตกใจแต่ก็หาได้มีอันตรายไม่” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หัวเราะออกมาเบา ๆ “ยามที่ถูกฮองเฮาเผชิญหน้ากับตัวตนของหม่อมฉัน หม่อมฉันรู้สึกถึงไอสังหารจากเสด็จพ่อได้อย่างชัดเจน น่ากลัวมากจริง ๆ เพคะ”
หากมิใช่เป็นเพราะตงฟางหลีอยู่ด้วย มิต้องพูดถึงเรื่องการยอมรับอย่างเป็นทางการเลย ชีวิตน้อย ๆ จะรักษาไว้ได้หรือไม่นั้นก็ต้องพูดกันอีก
“แล้วเจ้าตอบไปว่าอย่างไร?”
“เรื่องสายเลือดราชวงศ์ หม่อมฉันไม่กล้าพูดมาก” นางกล่าว “หม่อมฉันทูลกับเสด็จพ่อเพียงแค่ว่า การหยดเลือดเพื่อทดสอบความเป็นสายเลือดนั้นไม่น่าเชื่อถือ หากต้องการยืนยันการเป็นพ่อลูกกัน สามารถระบุได้จากลายมือ เปลือกตา ความยาวของนิ้วมือและอื่น ๆ ได้อีก”
ตงฟางหลีนัยน์ตามืดครึ้ม “หมายความว่าอย่างไร?”
“เรื่องนี้อธิบายได้ยากยิ่งนัก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวพลางยื่นฝ่ามือออกมา “ท่านลองมองเส้นสามเส้นตรงกลางฝ่ามือของหม่อมฉันดูสิเพคะ”
“แม้จะพูดว่าลายมือของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ว่า ลายมือเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น อย่างเช่น เส้นชีวิตและเส้นสมองของหลาย ๆ คนจะตัดกันที่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง แต่เส้นสองเส้นนี้ของหม่อมฉันกลับแยกกัน หม่อมฉันจึงเดาว่า สองเส้นนี้ของบิดาหรือมารดาของหม่อมฉันก็น่าจะแยกกัน” นางชี้ที่เส้นสองเส้นกลางฝ่ามือ
“บิดามารดามีตาชั้นเดียวทั้งสองฝ่าย หากเป็นสถานการณ์ปกติแล้ว จะมิอาจให้กำเนิดเด็กที่มีตาสองชั้นได้ แล้วก็ยังมีความยาวของนิ้วมือ ขนาดของนิ้วเท้า สีผม สีตาแล้วก็อย่างอื่นอีก ระหว่างพ่อลูกหรือว่าแม่ลูกด้วยกัน จะต้องมีลักษณะเด่นที่เหมือนกันเพคะ
ตงฟางหลีที่ได้ยินดังนั้น นิ้วก็บิดที่เอวของนางโดยที่ไม่รู้ตัว ร่างจะสั่นเทาเล็กน้อย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังตัวสั่น
“ท่านเป็นอะไรหรือ?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน