มีแสงแดดอันสดใสเจิดจ้าสาดส่องเข้ามา ขจัดหมอกควันให้พ้นไป ละลายหิมะให้เป็นฤดูใบไม้ผลิ
“หม่อมฉันดูท่าทีของเสด็จพ่อแล้ว ไม่คล้ายกับต้องการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้เท่าใดนัก ไม่แน่ว่าพระองค์อาจจะกำลังรอให้พวกเราไปช่วยท่านดึงหนามที่แทงใจออกก็ได้นะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวต่อ “ตงฟางหลี พวกเราไปดูเด็กคนนั้นได้หรือไม่?”
ตงฟางหลีไร้การตอบกลับ
นางก้มหน้าลงอย่างงงงวย ก็เห็นเขาที่กำลังจ้องมองนางด้วยแววตาที่แปลกประหลาดอยู่
“ท่านกำลังมองอันใดอยู่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง จึงใช้มือปิดบังดวงตาของเขา “ใบหน้าหม่อมฉันมีดอกไม้ผลิบานอยู่หรือเพคะ?”
ตงฟางหลีจึงได้มีสติหวนกลับคืนมา
เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าจับจ้องนางมานานเกินไป จึงกระแอมออกมาเบา ๆ “เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไร?”
“หม่อมฉันอยากจะไปดูเด็กคนนั้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “น้องเก้าไร้มารดามาตั้งแต่เล็ก อีกทั้งเสด็จพ่อก็ยังไม่ไยดี หม่อมฉันมิอาจจินตนาการถึงสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ได้เลยเพคะ”
หากนางไม่รู้เช่นนั้นก็ช่างเถอะ
เมื่อนางรู้เรื่องนี้แล้ว เวลาเพียงหนึ่งเค่อก็มิอาจรอได้อีกต่อไป
นางแหวกผ้าม่านออก แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “พี่ชายที่ขับรถม้า กลับตำหนักจื่ออู่”
“น้องเก้ามิได้อยู่ในวังหลวง” ตงฟางหลีกล่าว
“มิได้อยู่ในวังหลวงหรอกหรือ?”
“เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น เสด็จพ่อย่อมมิปล่อยให้น้องเก้าอยู่ในวังหลวง น้องเก้าถูกจัดให้ไปอยู่ที่พระตำหนักที่อยู่ไกลจากวังหลวงกว่ายี่สิบลี้”
“อีกยี่สิบลี้ก็ยังมีพระตำหนักอยู่อีกหรือเพคะ?”
“อยู่รอบนอกสุดของวังหลวง ถึงจะบอกว่าเป็นพระตำหนัก แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่กลุ่มอาคารที่อยู่ในการดูแลของวังหลวงเท่านั้น” ตงฟางหลีกล่าว “ที่แห่งนั้นเปล่าเปลี่ยวเป็นอย่างยิ่ง”
“หากตั้งอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยว น่าจะไม่มีคนมาขวางพวกเรานะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน