“คิดอันใดอยู่?” ตงฟางหลีเอ่ยถาม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอนกายพิงพนักพิงไม่แยแสต่อคำถามของเขา
ตงฟางหลีเห็นสีหน้าของนางผิดไปจากปกติ ดวงตาก็เป็นประกายวาบ และใช้น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้น “นางหาได้ใช่นางไม่”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินไม่ชัด
เมื่อก้มหน้าลง เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหนื่อยล้าของตงฟางหลี ก็คร้านจะถาม จึงหลับตาลงเพื่อพักสายตา
รถม้าเคลื่อนตัวไปบนหิมะหนาทึบอย่างช้า ๆ เมื่อผ่านพระตำหนักที่ทั้งโออ่าและสูงตระหง่านไปแล้ว หนทางก็เปล่าเปลี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ รถม้าจึงโคลงเคลงเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านอ๋อง พระชายา” เสียงคนขับรถม้าดังขึ้น “ถนนข้างหน้าเดินทางได้ลำบากยิ่ง พวกท่านนั่งให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืดกายออกไปดู
หิมะที่ตกหนักเมื่อไม่กี่วันก่อนยังไม่ทันละลาย อีกทั้งยังโดนหิมะที่โปรยลงมาอย่างหนักของเมื่อวานทับถม เมื่อมองออกไปแล้ว เป็นเพียงสีขาวบริสุทธิ์ผืนหนึ่ง
ถนนถูกหิมะทับถมจนหนาตัวปกคุลม รถม้าจึงเคลื่อนตัวได้ยากลำบาก
ตรอกก็คับแคบ รองรับรถม้าขนาดกลางผ่านได้เพียงหนึ่งคัน
“เช่นนั้นก็จอดรถม้าไว้ข้างนอกเถิด” ตงฟางหลีกล่าว “เดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ผูกเสื้อคลุมขนสัตว์เรียบร้อยแล้ว ก็กระโดดลงจากรถม้า
บนพื้นผิวถนนขรุขระ นางบังเอิญเหยียบลงตรงที่เป็นหลุมเป็นบ่อเข้าพอดี ฝ่าเท้าจึงเกิดลื่น และโซเซ เอนตัวไปทางด้านหลัง
มือข้างหนึ่งก็ได้ดึงนางกลับเข้ามา
ขณะที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่งจะหายจากอาการตกใจ มือข้างนั้นก็ใช้แรงมหาศาลดึงนางเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน
จมูกของนางชนเข้ากับหน้าอกที่แข็งแกร่ง พลันรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหล
“พระชายารีบร้อนเข้าสู่อ้อมกอดของข้าถึงเพียงนี้เชียว” ตงฟางหลียิ้มราวกับสุนัขจิ้งจอกออกมา “กลางวันแสก ๆ เจ้ามิรีบร้อนเกินไปหรอกรึ?”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กุมจมูกที่กลายเป็นสีแดงเอาไว้ แล้วจับจ้องไปยังตงฟางหลีที่มีรอยยิ้มเปี่ยมด้วยความขบขันท่ามกลางแสงหิมะ
ตงฟางหลีก้มหน้าลง แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับนาง “ซุ่มซ่าม”
ตงฟางหลีหัวเราะเบา ๆ
ยิ่งเข้าไปลึก ตรอกก็ยิ่งแคบลง และถนนก็เดินได้ลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ
กำแพงเปรอะเปื้อนเป็นรอยดำรอยด่าง กำแพงที่พังทลายลงมาถูกปกคลุมด้วยหิมะที่หลงเหลืออยู่เพิ่มความอ้างว้างขึ้นมาหลายส่วน
สถานที่ใหญ่โตแห่งนี้ ไม่เห็นผู้คนแม้แต่เพียงผู้เดียว
เดินต่อไปข้างหน้าเป็นเวลานาน ถึงได้มองเห็นประตูเล็ก ๆ บานหนึ่ง เหนือประตูเล็ก ๆ นั้นแขวนป้ายไว้หนึ่งแผ่น บนป้ายที่สกปรกแผ่นนั้น ยังพอจะมองเห็นคำว่าพระตำหนักชิงสุ่ยสามคำ
“ที่นี่ล่ะ” ตงฟางหลีเคาะประตู
เนิ่นนานผ่านไป ไร้คนมาเปิดประตู
จนกระทั่งฉินเหยี่ยนเย่ว์รอจนทนรอไม่ได้คิดจะถีบประตูนั้น ประตูเก่า ๆ พลันมีเสียงเปิดประตูดังเอี๊ยดอาดขึ้น
ขันที่ที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นสุราคละคลุ้งผู้หนึ่งยื่นศีรษะออกมา
“ผู้ใด? มาทำอันใด?” ดวงตาเมามายของเขามองสำรวจพวกเขา ก่อนจะใช้น้ำเสียงไม่เป็นมิตรเอ่ยขึ้น “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าที่แห่งนี้เป็นที่ใด?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน