“พระชายา ท่านเป็นอันใดไปเพคะ?” สาวใช้ที่ได้ยินเสียง ก็รีบเดินเข้ามา
ใบหน้าฉินเสวี่ยเย่ว์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ชี้ไปที่คันฉ่อง “เจ้าดูสิว่ามีอะไรอยู่ข้างในคันฉ่อง?”
ยามที่นางยื่นมือออกมานั้น คนในคันฉ่องก็ยื่นออกมาเช่นเดียวกัน บนนิ้วยังสวมแหวนที่คล้ายกับของนางทุกประการ
“เจ้าดูสิ นางกำลังเลียนแบบข้า! ข้าทำอันใดนางก็ทำอันนั้นด้วย”
สาวใช้มองเข้าไปในคันฉ่อง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความสนเท่ห์ “พระชายา ท่านกำลังกล่าวอันใดอยู่หรือเพคะ? ในคันฉ่องก็คือท่าน ท่านทำท่าทางแบบใด ท่านที่อยู่ในคันฉ่องก็ย่อมทำท่าทางแบบเดียวกันอย่างไรเล่าเพคะ”
“เป็นข้างั้นรึ?” ฉินเสวี่ยเย่ว์ชะงักไปชั่วครู่
ใบหน้าที่ทั้งอัปลักษณ์และเหี้ยมโหดในคันฉ่องนั่น เป็นนางเช่นนั้นหรือ?”
“มิใช่ข้า ข้ามิได้มีหน้าตาเช่นนี้ จะเป็นข้าไปได้เยี่ยงไร?” นางเอามือกุมใบหน้า “เจ้าพูดเหลวไหว ผีอัปลักษณ์นี่มิใช่ข้า!”
นางหาคันฉ่องอีกบานมา
ในคันฉ่องนั้น ยังคงเป็นใบหน้าที่เกือบจะบิดเบี้ยวเช่นเคย
“เป็นไปไม่ได้!” ฉินเสวี่ยเย่ว์ขว้างคันฉ่องลงบนพื้นอย่างรุนแรง “มิใช่ข้า อ้าอ้าอ้า”
นางกรีดร้องเสียงสูงด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“เป็นไห่ถัง จะต้องเป็นนางแน่ ๆ เป็นนางที่กลับมาเอาชีวิตแล้ว” นางกล่าวขณะเดียวกันก็กวาดของทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งโยนลงบนพื้นราวกับคนเสียสติ
“พระชายา ท่านอย่าทำให้ตนเองตกใจเลยเพคะ เป็นท่านเองที่ไม่กินไม่นอนมาหลายวันติดกัน จึงดูซีดเซียวไปบ้างเท่านั้นเองเพคะ” สาวใช้พูดปลอบใจ “พักผ่อนสักหน่อยก็จะสามารถฟื้นฟูราศีขึ้นมาได้แล้ว ท่านอ๋องย่อมไม่ใส่ใจอย่างแน่นอนเพคะ”
หากสาวใช้ไม่พูดประโยคนี้ยังดี เมื่อพูดประโยคนี้ขึ้นมาแล้ว ในใจฉินเสวี่ยเย่ว์พลันเกิดเพลิงโทสะไร้ที่สิ้นสุดขึ้นมา
นับตั้งแต่ไห่ถังตายไป นางก็ฝันถึงวิญญาณที่เนื้อตัวเปียกโชกหน้าตาดุร้ายมาเอาชีวิตอยู่แทบจะทุกคืน ต้องอาศัยกินยาถึงจะสามารถหลับได้
ในหนึ่งคืนนอนหลับได้สองชั่วยามก็นับว่าดีแล้ว
นางฟังพระชายาที่ด่าว่าอย่างดุดันมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ขอบตาแดงก่ำ “พระชายากล่าวเช่นนี้ได้อย่างไรเพคะ? หงเซียวคิดว่าตนเองปรนนิบัติท่านอ๋องและพระชายาอย่างสุดความสามารถ มิเคยมีความคิดเช่นนั้นมาก่อนเลยเพคะ”
“สุดความสามารถ? เจ้ากำลังปีนขึ้นเตียงอย่างสุดความสามารถเช่นนั้นรึ?” ฉินเสวี่ยเย่ว์ขว้างเครื่องประดับปะการังแดงไปหานาง
“นางแพศยาที่ยั่วยวนบุรุษ เจ้ารีบไปตายเสีย อย่ามาขวางหูขวางตาที่นี่”
เครื่องประดับชิ้นนั้นมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ และมีน้ำหนักไม่น้อย
ฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ถูกความโกรธเข้าครอบงำขว้างของเข้ามาอย่างรุนแรง โดนเข้าที่หัวของหงเซียวพอดี
หน้าผากมีเลือดสด ๆ ไหลออกมา ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีแดงเข้ม
“พระชายา” หงเซียวไม่กล้าเชื่อ “บ่าวทำผิดอันใดหรือเพคะ? ท่านไม่เพียงแต่ด่าบ่าว ยังทำร้ายบ่าวด้วย”
“เจ้าไม่รู้อยู่แก่ใจเจ้าหรือ?” ฉินเสวี่ยเย่ว์กรีดร้องเสียงสูง “เจ้าอย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ความคิดสกปรกของเจ้า เจ้าคิดจะยั่วยวนท่านอ๋องมิใช่รึ? ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วก็มีโทสะยิ่งนัก ไยเจ้าจึงไม่ตายไปเลยเสียเล่า เจ้ารีบตายไปเสีย”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน