เมื่อรู้ซึ้งถึงการมีอยู่ขององครักษ์จื่ออวี้นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกหนักใจยิ่งนัก
เดิมทีนางคิดไปเองว่าฮ่องเต้จักส่งคนมาคอยคุ้มครองนาง สอดส่องนาง ผู้ใดจักไปคิดเล่า ว่าพระองค์จักส่งยอดฝีมือเช่นนี้มา
“หากเจ้าเกิดพบเจอเหตุการณ์อันตรายขึ้นมา เช่นนี้ก็สามารถเรียกองครักษ์จื่ออวี้ออกมาได้” ตงฟางหลีเอ่ยปลอบนาง “ข้ากลับคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดี”
“เรื่องส่วนตัวของพวกเรา พวกเขาจักไม่ดู เสด็จพ่อมิใช่กล่าวว่าจักผลัดเปลี่ยนองครักษ์เหล่านี้เดือนละครั้งหรือ เจ้าคิดเสียว่าพวกเขาว่างมากหรือ เอาแต่จับตามองเจ้าทั้งวันได้?”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกโล่งใจยิ่งนักที่นางสามารถกิน ดื่มและทำธุระส่วนตัวของตนเองได้โดยมิต้องถูกจับตามอง
เมื่อมีไพ่ใบสุดท้ายเป็ฯยอดฝีมืออยู่ข้างตัวเช่นนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป เพียงแค่แต่งองค์ทรงเครื่องเล็กน้อย พร้อมออกเดินทางไปข้างนอกกับเหอเซียง
เหอเซียงมีนิสัยเงียบขรึม มิค่อยพูดไม่ค่อยจามากนัก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยถามนางหนึ่งคำ นางก็จักตอบกลับไปเพียงหนึ่งคำเท่านั้น บรรยากาศจึงดูน่าอึดอัดไปเล็กน้อย
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์มิอาจเอ่ยถามสิ่งใดออกมาได้ ทั้งยังคร้านที่จะเอ่ยถามออกไปอีก นางจึงได้แต่เปิดผ้าม่านหน้าต่างพร้อมเหม่อมองออกไปข้างนอกแทน
ยิ่งเดินทางไปเรื่อย ๆ ทิวทัศน์ก็ยิ่งแปลกตามากขึ้นเท่านั้น
“ตู้เหิง พวกเราไปผิดทางหรือเปล่า?” นางจำได้ว่าจวนอ๋องเจ็ดกับจวนท่านอ๋องหลูหยางอยู่ทิศตรงกันข้าม
ควรจักเดินไปยังทิศทางของตำหนักจื้ออู่ถึงจะถูก
“พระชายาอาจจะไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” ตู้เหิงเอ่ยอธิบายออกมาว่า “หากมิมีราชโองการหรือป้ายประจำตัวละก็ พวกเรามิอาจเดินทางไปยังตำหนักจื้ออู่ได้พ่ะย่ะค่ะ มิเพียงแต่ต้องเดินอ้อมบนถนนเส้นธรรมดาเท่านั้น”
“ถึงแม้ว่าจักมีป้ายประจำตัวก็ตาม ก็ยังมิอาจข้ามไปยังตำหนักจื้ออู่ตรง ๆ ได้อยู่ดี จักถือเป็นการไม่ให้เกียรติต่อฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ โดยปกติแล้ว จักต้องอ้อมเส้นทางเท่านั้น”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่าทิวทัศน์ที่นางมองเห็นในกรอบหน้าต่างของตนนั้นแคบยิ่งนัก นางจึงกำชับเสื้อคลุมขนสัตว์ของตนเอาไว้แน่น ก่อนจะออกไปนั่งด้านนอกรถม้า
“พระชายาอ๋องเจ็ดเพคะ อากาศข้างนอกหนาวยิ่งนัก พระองค์เข้ามานั่งด้านในจักดีกว่านะเพคะ” เหอเซียงกล่าวออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน