ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้ว พลางเงยหน้าขึ้นมองรูปลักษณ์ของเขา
ครั้งนี้ไม่มีความรู้สึกของการถูกพรากวิญญาณ
บุรุษที่อยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ทว่าเมื่อเทียบกับตงฟางหลีแล้วยังดูห่างกว่าเล็กน้อย เมื่อนางไม่ได้ถูกพรากวิญญาณและถูกควบคุมจิตใจ อีกทั้งหัวใจของนางก็สงบไร้คลื่น น้ำเสียงก็แผ่วเบาเช่นกัน “ขอโทษ ข้ารีบน่ะ ไม่รบกวนแล้ว”
“ท่านต้องการไปแล้วหรือ?” เสื้อผ้าของซูเตี่ยนซวงขาดวิ่นอย่างน่าอับอาย บนใบหน้าก็มีรอยขีดข่วน เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ น้ำเสียงก็เฉียบคม
“เจ้าพอได้แล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ็ดใส่ “เรื่องตลกขบขันนี้จบลงได้แล้ว”
หน้ากากของซูเตี่ยนซวงถูกฉีกออก มีคนไม่น้อยที่จำนางได้
เหตุการณ์วุ่นวายในครั้งนี้อยู่นอกเหนือการควบคุม ไม่สามารถทำให้เลวร้ายต่อไปได้
เห็นได้ชัดว่าประมุขหอไม่ได้คาดคิดว่านางจะปฏิเสธอย่างเย็นชาเช่นนี้ เขาเงียบไปสักพัก “ฮัวซู่ ใช้ยาบำรุงที่ดีที่สุดนั่นมาให้แม่นางผู้นั้นรักษาอาการบาดเจ็บ”
เขาหันไปหาฉินเหยี่ยนเย่ว์อีกครั้งพลางเอ่ยเบา ๆ “ข้าน้อยมีบางเรื่องจะพูดกับแม่นาง แม่นางสามารถขึ้นไปชั้นบนเพื่อพูดคุยกันสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”
ครั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์อยากปฏิเสธ ทว่ารู้สึกถึงสายตาอันน่าสะพรึงกลัวที่ด้านหลัง
สายตาที่ราวกับหมาป่าเหล่านั้น หวังจะกินนางทั้งเป็น
นางมีความรู้สึกว่าหากปฏิเสธชายผู้นี้ นางกลัวว่าไม่สามารถเดินออกจากหอหมิงเย่ว์แห่งนี้ได้
หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตัดสินใจขึ้นไปหามูลเหตุ
“แม่นางสามารถปีติยินดีต่อเกียรติยศนี้ เป็นความโชคดีทั้งสามชาติ เชิญ” ประมุขหอเดินนำหน้า และเมื่อไปถึงสุดบันไดก็หันหลังกลับ ส่งรอยยิ้มให้ทุกคนอย่างล้ำเสน่ห์ “พวกท่านทุกคนล้วนงดงาม ได้โปรดอย่าทำลงมือกันอีกเลย”
ทุกคนตกใจมากกับรอยยิ้มนี้จนดอกเหมยบานสะพรั่ง ต่างพากันพร่ำรับปาก
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ผู้ดูแลหญิงจึงมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่พวกนาง
ซูเตี่ยนซวงเป็นคนที่เสียเปรียบมากที่สุด นางยังเด็กและมีนิสัยฉุนเฉียว ยามนี้โกรธจนใบหน้าซีดเผือด อยากจะฉีกทุกคนเป็นชิ้น ๆ อย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน
ผู้ที่สามารถมาที่ชั้นสองนี้ได้ ถ้าไม่ร่ำรวยก็ต้องมีบรรดาศักดิ์ แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถเปรียบเทียบกับสกุลซูได้เลย
ทุกคนได้พบหน้าประมุขหอต่างสมความปรารถนา และก็รู้ด้วยว่าประมุขหอจะไม่ปรากฏขึ้นอีก และหากยังอยู่ต่อมีความเป็นไปได้ที่จะถูกซูเตี่ยนซวงแว้งกัดได้ หลังจากได้ยาทาผิวหยกแล้วจึงจากไปทีละคน
เสียงของนางเย็นชา “ประมุขหอไป๋ ท่านหมายถึงอันใดหรือ?”
“โอ้?” ไป๋หลินยวนเลิกคิ้ว “แม่นางฉินหมายถึงอะไร?”
“ที่นี่มีเพียงพวกเราสองคน ท่านก็อย่าอ้อมค้อมเลย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ข้าไม่อยากวกไปวนมา แล้วก็ไม่อยากทดสอบกันและกันด้วย หากท่านมีอะไรจะพูดก็เชิญพูดมาโดยตรง ท่านเรียกข้าขึ้นมา คิดจะทำอะไร?”
ไป๋หลินยวนหรี่ตาลง
ตั้งแต่วินาทีที่นางเริ่มใช้ผงคัน เขาก็รู้สึกว่านางไม่ธรรมดาแล้ว
ไม่คิดว่า ปฏิกิริยาของนางเกินความคาดหมายของเขาไปมาก
เขานั่งข้าง ๆ อย่างเกียจคร้าน “ข้าไม่เข้าใจว่าแม่นางฉินหมายถึงอะไร?”
“ข้าไม่ควรก่อความวุ่นวาย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวต่อ “แต่ปัญหานี้มิใช่ข้าก่อ ข้าแค่โยนความผิดไปยังผู้ริเริ่ม อยุติธรรมย่อมมีผู้กระทำ หนี้ย่อมมีเจ้าของ ถ้าประมุขหออยากตามความรับผิดชอบ ยังต้องสอบสวนให้ชัดเจนจะดีกว่า”
“เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ข้าไม่เคยใส่ใจเลย” เสียงของไป๋หลินยวนเต็มไปด้วยเสน่ห์มิรู้จบ “แม่นางฉลาดมาก มิสู้เดาดูล่ะ ว่าไยข้าถึงเชิญท่านขึ้นมาชั้นบน?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน