ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นความโกรธเคืองในสายตาของฮองเฮา นางมิกล้าเอ่ยอันใดออกมา หากแต่เดินก้าวออกไปข้างหน้า "ฮองเฮาเพคะ ได้โปรดอนุญาตให้หม่อมฉันเข้าไปดูอ๋องสิบด้วยเถิดเพคะ"
“หากอ๋องสิบตกตายขึ้นมาจริง ๆ เสด็จแม่ย่อมต้องเดือดร้อนมิใช่หรือ? ตราบใดที่ท่านยอมให้หม่อมฉันเข้าไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างใน ท่านสามารถลงโทษหม่อมฉันได้ในทันทีเลยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ใช้น้ำเสียงเบาที่มีเพียงคนสองคนได้ยินเท่านั้น "หม่อมฉันมีวิธีที่จะช่วยให้ฮองเฮาหลุดพ้นจากปัญหานี้เพคะ"
“เสด็จแม่เข้าใจหรือไม่ว่าหม่อมฉันหมายความว่าอันใด? ถึงอย่างไร ผู้คนในห้องโถงต่างก็เห็นการกระทำที่แม่นมทั้งสองคนทำไปแล้ว หากมิจัดการให้ดี เกรงว่าผลที่ตามมาอาจจะไม่ดีนัก”
ฮองเฮาพลันเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์อยู่พักหนึ่ง
นางต้องเหยียบปีนป่ายกองกระดูกมากมาย ทั้งยังใช้วิธีการมากมายเพื่อไต่เต้าให้มาถึงตำแหน่งฮองเฮา ข่าวลือการใส่ร้ายป้ายสีอันใดย่อมมิอาจมาทำร้ายนางได้
ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรนางจักต้องรักษาฐานะของตนในตำแหน่งฮองเฮาเอาไว้ให้ได้
วันนี้ยังมาเกิดเรื่องกับองค์หญิงเย่ว์ลู่ เจ้าสิบยังมาเกิดเรื่องอีก หากว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคิดมาก่อเรื่องอีกละก็ นับว่านางซวยซ้ำซวยซ้อนยิ่งนัก
เมื่อนางชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียดูแล้วนั้น จึงได้ตัดสินใจปล่อยให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้าไปด้านใน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางรีบโค้งกายคำนับ ก่อนจะรีบร้อนเข้าไปด้านในห้องในทันที
เมื่อเห็นสภาพของเด็กตรงหน้าแล้ว นางถึงกับตกใจยิ่งนัก
เมื่อครู่เด็กตรงหน้ายังมาแย้มยิ้มขอขนมกับนางอยู่เลย เหตุใดเพียงพริบตาเดียว ร่างตรงหน้ามีเพียงลมหายใจที่แผ่วเบา ที่คล้ายหมดลมหายใจมาได้ทุกเมื่อเช่นนี้
ใบหน้าที่แย้มยิ้มน่ารักนั้นบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีม่วงเขียว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่กล้ารั้งรออีกต่อไป เปิดเปลือกตาของเขา โชคดีที่ดวงตาของเขายังไม่พร่ามัว
พลางวางนิ้วจับชีพจรของตงฟางอิงเอาไว้ ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม
ชีพจรนี้ ไม่ใช่ชีพจรที่มีพิษ แต่เป็นชีพจรของการทำงานของร่างกายลดน้อยลง เนื่องจากการหายใจไม่ออกและขาดออกซิเจน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เปิดปากเขา แล้วดมกลิ่นมัน ไม่มีกลิ่นพิษใด กลับมีแต่กลิ่นของถั่วอัลมอนด์
แตกต่างจากรสกลิ่นของถั่วอัลมอนด์ในปากขององค์หญิงเย่ว์ลู่ รสชาติในปากของตงฟางอิงนั้นเข้มกว่ามาก
นางได้ข้อสรุปแทบจะในทันที

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน