"เด็กน้อย" ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่ถอนหายใจออกมา "มีบางอย่างที่เจ้ายังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ ดังนั้นอย่านึกฝืนตัวเองเลย การเติบโตขึ้นถือเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดสำหรับเจ้า"
ตงฟางอิงที่มีท่าทีโศกเศร้าเช่นนี้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าจะปลอบเขาอย่างไรดี
หลังจากมารดาของตนเองสิ้นใจเขากลับต้องมาอาศัยอยู่กับมารดาผู้อื่น แม้ว่าจะได้รับยศเป็นถึงท่านอ๋อง หากแต่ตงฟางอิงหาได้ใช้ชีวิตง่ายดายไม่
“ภายภาคหน้าเจ้าต้องระมัดระวัง ห้ามเจ้ากินขนมของผู้ใดอีก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว
ตงฟางอิงพยักหน้า "ครั้งหน้า ท่านจะเอาขนมมาให้ข้าอีกหรือไม่?"
"ค่อยว่ากันอีกที"
“ข้าอยากกินรสไก่” ตงฟางอิงพลันดึงแขนเสื้อนางเอาไว้ ใบหน้าพลันแดงก่ำมิรู้ว่าเด็กตัวน้อยคิดเรื่องอันใดอยู่“ถ้าพี่เจ็ดไม่ต้องการท่านแล้ว ท่านแต่งกับข้าได้หรือไม่?”
"หา?" ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วขึ้น
“ข้ารู้ว่าท่านจุมพิตข้าเมื่อครู่” ตงฟางอิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“ฉันทำลายความบริสุทธิ์ของท่าน ข้าต้องรับผิดชอบท่าน”
"..." มุมปากของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกระตุกขึ้นสองสามครั้ง "ข้าอยากแต่งฮูหยินตั้งแต่ฟันยังขึ้นไม่ครบเช่นนี้หรือ อีกทั้งวิธีการเมื่ครู่หาใช่เรียกว่าการจุมพิตไม่ แต่เรียกว่าการหายใจ"
“อย่างไรก็ตามท่าจุมพิตข้าแล้ว” ตงฟางอิงเอาผ้าห่มคลุมหัว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ข้าจะรับผิดชอบท่านเอง”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่ามันตลกยิ่งนัก
นางดึงเขาออกมาจากผ้าห่มก่อนจะอธิบายว่า "ทำเช่นนี้จักทำให้หายใจไม่ออกเอา เจ้านอนพักผ่อนให้เพียงพอเสีย อย่าไปคิดอันใดให้มากความ"
"อื้ม"
“เจ้าพักผ่อนเสีย ข้าจะออกไปข้างนอกแล้ว”
“ข้าอยากกินขนมรสไก่” ตงฟางอิงพลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขนมรสไก่ที่ท่านแม่เคยทำให้ข้าอร่อยที่สุด”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันตะลึงไปในทันที “คราวหน้าข้าจะลองดู”
“ใช่แล้ว” ตงฟางอิงพลางหยิบจี้หยกออกมา

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน