ชิม่อนไม่สามารถลบล้างความสับสนวุ่นวายที่เขากำลังเผชิญได้ แต่เขารู้ดีว่าตระกูลฟลินเดอร์ที่มีอำนาจมากมานเช่นนี้ย่อมชิงบัลลังก์กลับมาได้อย่างง่ายดาย
มันอาจจะฟังดูไม่เข้าท่าไม่ว่าชิม่อนจะคิดทบทวนมากแค่ไหนก็ตาม
เจฟฟ์อ่านใจเขาได้
จากนั้นเขาก็ถามอย่างจริงจังว่า “นายจำชื่อหัวหน้าตระกูลคนแรกของตระกูลฟลินเดอร์ได้หรือไม่?”
ชิม่อนงุนงง
ถ้าหากเขาจำไม่ผิด ดูเหมือนผู้นำคนแรกของตระกูลฟลินเดอร์จะมีชื่อว่า...เจฟเฟอร์สัน ฟลินเดอร์!
ใช่แล้ว นั่นคือชื่อของเขา
ชิม่อนถูกทิ้งให้อยู่ในความตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เขาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
เจฟฟ์ยกมุมปากขึ้นโดยไม่พูดอะไร
ชิม่อนมองเห็นความมั่นคงในสายตาของเจฟฟ์ และการปรากฏตัวที่สง่างามซึ่งมาพร้อมกับอำนาจสูงสุดในตระกูล
ชิม่อนกำลังล่องลอย
หลุยส์พูดขึ้นในทันใด “กล่าวทักทายท่านฟลินเดอร์สิ!”
ใบหน้าของชิม่อนถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อ
เขาส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อและพึมพำ “มัน เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นไปได้ยังไง...”
แท้จริงแล้ว เขาเพียงแค่ปฏิเสธที่จะเชื่อว่าจะมีใครที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นับพันปีบนโลกใบนี้จริง ๆ!
นานนับสหัสวรรษ! กระดูกของเขาควรจะกลายเป็นเถ้าถ่านหรือหินไปแล้ว แต่เขายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
ชิม่อนมองดูเจฟฟ์ด้วยความตกตะลึง
เจฟฟ์ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเมื่อเขาได้เห็นท่าทางและมุมมองของชิม่อนที่มีต่อเขา เพราะมันคงจะแปลกถ้าหากว่าเขาสามารถยอมรับและเชื่อว่าเจฟฟ์มาจากห้วงเวลาหนึ่งพันปีได้อย่างง่ายดาย
เจฟฟ์ยิ้มบาง ๆ เขาหยิบถ้วยชาบนโต๊ะแล้วจิบโดยไม่รีบร้อน
หลังจากวางถ้วยชาลง เขาก็พูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะฟังดูเพ้อฝัน แต่ปาฏิหาริย์มักจะมีอยู่บนโลกใบนี้เสมอ จริงหรือเปล่า?”
หลุยส์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ให้การสนับสนุนนายท่านของเขา “ใช่ครับ นายท่าน คุณพูดถูกแล้ว”
เขาได้รับการคัดเลือกจากเจฟฟ์ให้เข้ามาเป็นผู้นำของตระกูล ในวันที่เขาได้พบกับเจฟฟ์
ในตอนแรกหลุยส์เองก็รู้สึกไม่สบายใจที่เขาได้รับรู้ว่ายังมีผู้ที่มีอำนาจอยู่เหนือกว่าเขา
แต่แล้วไม่นานเขาก็เข้าใจและยอมรับว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขา มีทรัพย์สิน อำนาจและความสามารถที่อยู่เหนือกว่าเขามากยิ่งนัก
และถ้าหากว่าหลุยส์ไม่ฟังคำสั่งเขา หลุยส์จะไม่เพียงแต่สูญเสียตำแหน่งในฐานะผู้เฒ่าไปเท่านั้น แต่เขาจะต้องสูญเสียชีวิตของตัวเองไปด้วย
และหากเทียบกับความลึกลับและความแข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหลังของชายผู้นี้แล้ว หลุยส์เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
หลุยส์ค่อย ๆ ละทิ้งความไม่พอใจที่ทำให้เขาขุ่นเคืองไปได้
ถึงแม้ว่าเจฟฟ์จะมีอำนาจเหนือกว่าเขา แต่เจฟฟ์ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับธุรกิจและผลประโยชน์ของตระกูลมากนัก
ในสายตาของเขา ความมั่งคั่งและทรัพย์สินเป็นเพียงแค่วัตถุภายนอก
เขาใช้ชีวิตอย่างไม่ฟุ่มเฟือย
เพื่อเป็นการเอาอกเอาใจเจฟฟ์ หลุยส์ได้นำสมบัติล้ำค่าที่หายากมากมายมามอบให้ แต่เจฟฟ์กลับมองดูพวกมันด้วยความเฉยชา
เจฟฟ์บอกเขาด้วยท่าทางที่เย็นชาว่าให้เขานำสมบัติเหล่านี้กลับไป และอย่านำของแบบนี้มาให้เขาอีก
หลุยส์จึงตระหนักได้ว่าชายผู้นี้ไม่ได้สนใจความร่ำรวย
ตระกูลฟลินเดอร์เป็นของเขา และอาจจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่สร้างตระกูลนี้ขึ้นมาเพียงลำพัง เรื่องนี้พิสูจน์ได้ว่าเจฟฟ์จะสามารถได้รับทุกอย่างที่เขาต้องการ แล้วเขาจะสนใจสมบัติเหล่านั้นไปทำไม?
การเคลื่อนไหวหรือแม้แต่ท่าทางการยืนขึ้นเพื่อชี้แจงตัวตนของเจฟฟ์นั้นทำให้เขาไม่จำเป็นต้องชี้แจงตัวเองเพื่อให้คนอื่นเชื่อในตัวตนของเขา
บนโลกใบนี้ย่อมมีคนที่ไม่เชื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก