เนลล์เห็นมันชัดเจนและเธอก็พูดถูก
ชายสองคนนั้นกำลังติดตามพวกเธออยู่
สัมผัสที่หกของเนลล์รู้สึกได้ดีกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ชายคนนั้นยกปืนขึ้นด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย เนลล์ตกใจและพยายามหลบหลีกตามสัญชาตญาณ
ในเวลาเดียวกัน ร่างที่มืดมิดก็เคลื่อนตัวผ่านไป
ขณะที่ได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’ ชายคนนั้นถูกเตะและล้มลงกับพื้นในทันที
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องของแนนซี่ “เนลลี่ มานี่!”
เนลล์ตกใจ! เธอวิ่งเข้าหาไปหล่อน
พวกเธอไม่รู้ว่าทำไมชายสองคนนี้ถึงต้องการจัดการกับพวกเธอ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ทำการหาข้อมูลที่เหมาะสมเกี่ยวกับผู้หญิง พวกเขาถือว่าเนลล์และแนนซี่เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาสองคน
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คาดคิดว่าแนนซี่จะว่องไวและแข็งแรง
เห็นได้ชัดว่าชายสองคนนี้เป็นมือสังหารรับจ้างจากใครบางคน
อย่างไรก็ตาม พวกเขานำชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดบนเครื่องมาเสี่ยงเพียงเพื่อต้องการฆ่าพวกเธอ สิ่งนี้ทำให้เนลล์โกรธมาก
ผู้หญิงสองคนรีบไปที่ทางออกและเตรียมร่มชูชีพให้พร้อม ทันใดนั้นเครื่องบินก็บินไปทางพวกเธอ
เสียงประกาศดังก้องในอากาศผ่านลำโพงออกมา
“ผู้โดยสารทุกท่านที่อยู่บนเครื่องบินที่อยู่ข้างหน้าของเราโปรดทราบ เรามาที่นี่เพื่อช่วยคุณหากว่าคุณยินดีที่จะส่งมอบคนสองคนมาให้กับเรา เราจะจัดหาเครื่องบินที่ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์เพื่อรับคุณและส่งคุณไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย แต่ถ้าหากว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือก็อย่าโทษเราที่ไร้ความปรานี”
เนลล์ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ป้ายผ้าสองใบถูกกางออกจากเครื่องบิน รูปภาพของเนลล์และแนนซี่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น และตีพิมพ์ลงบนผืนธง
ผู้โดยสารเห็นรูปภาพนั้นจากทางหน้าต่าง
ทันใดนั้นมีคนตะโกนขึ้นมาว่า “ฉันเห็นพวกเธอ พวกเธออยู่ตรงนั้น”
เขาชี้ไปที่เนลล์และแนนซี่ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า
ทั้งสองคนทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้
ในตอนแรกพวกเขาไม่ได้สนใจชีวิตของผู้คนที่อยู่บนเครื่องบิน แต่ว่าตอนนี้พวกเขาทำให้ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ต่อต้านพวกเธอ
ขณะที่พวกเธอมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเธอ ผู้หญิงทั้งสองคนก็ตระหนักว่าไม่มีเวลาให้เสียแล้ว
แนนซี่จับแขนของเนลล์แล้วพูดว่า “กระโดด!”
จากนั้นแนนซี่ก็ผลักเนลล์ออกจากเครื่องบินและกระโดดตามออกไป
เสียงปืนดังก้องไปในอากาศ
แต่เนื่องจากกระแสลมแรงมาก กระสุนจึงไม่โดนพวกเธอ
เนลล์สัมผัสได้ถึงลมหนาวที่ปะทะเข้ากับใบหน้าของเธอ มันรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเธอถูกลมฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
เธอหลับตาลง ในสถานการณ์แบบนี้เธอคิดอะไรไม่ออก และเธอก็ไม่รู้ว่าแนนซี่อยู่ที่ไหน
ร่มชูชีพบนหลังของเธอกางออกพร้อมกับเสียง "หวืด” แต่เนื่องจากกระแสลมแรง และขาดอากาศออกซิเจน เธอจึงไม่สามารถพาตัวเองไปโฟกัสและควบคุมร่มชูชีพของเธอได้
ในท้ายที่สุด เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังพันรอบศีรษะของเธอจนแน่น เธอปวดหัวจนแทบจะระเบิดออกมา
เธอล้มลงและหมดสติไป
…
เมื่อเนลล์ตื่นขึ้นมาเธอก็เห็นแสงระยิบระยับมาแต่ไกล
เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา และรับรู้ว่าเธอกำลังนอนอยู่ในบ้านหลังเก่าทรุดโทรมแห่งหนึ่ง
ตัวบ้านทำด้วยดินเหนียวและหิน ที่นอนที่เธอนอนอยู่ก็ดูเก่ามาก แถมยังมีกลิ่นเหม็นอับ
เธอบิดตัวไปมาเล็กน้อยและลุกขึ้นนั่ง เธอรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วร่างกายของเธอ จนทำให้เธอหมดเรี่ยวแรง
เธอกระพริบตาตามสัญชาตญาณ
ที่นี่คือที่ไหน?
และตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?
เสียงพูดคุยของผู้คนดังมาจากข้างนอก เสียงของผู้คนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความสุข เนลล์ไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกันอยู่ เพราะว่าพวกเขาพูดภาษาบ้านเกิดของพวกเขาเอง แต่เธอก็สามารถรับรู้ได้ว่าพวกเขามีความสุขกันมาก
ทันใดนั้นมีแสงสว่างส่องเข้ามาในห้องพร้อมกับที่มีคนเดินเข้ามาในห้อง
มีหญิงวัยกลางคนและอีกสองสามคนเดินตามหลังของเธอเข้ามา มีชาวบ้านทั้งชายและหญิงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาและถือคบเพลิงไว้ในมือ
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้ากลุ่มเบิกตากว้างเมื่อเห็นเนลล์นอนอยู่ที่นั่น
เธออุทานออกมา “เอ๊ะ” และเดินเข้าหาคนที่นอนอยู่ตรงนั้นอย่างร่าเริง "ตื่นแล้วเหรอ?"
เนลล์รู้สึกสับสน
เธอไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเธออยู่ที่ไหนหรือคนเหล่านี้เป็นใคร
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะออกมา “คุณมีร่มชูชีพขนาดใหญ่อยู่ข้างหลังและตกลงไปในลำธารที่อยู่ใกล้ ๆ ฉันออกไปซักเสื้อผ้าในตอนกลางวันและเจอคุณเข้า ก็เลยพาคุณกลับมาที่นี่ ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
ตอนนี้เนลล์รู้แล้วว่าพวกเขาคือคนที่ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้
เธอฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งตัวตรงและกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ว่าคุณเห็นเพื่อนของฉันหรือเปล่าคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกประหลาดใจ "เพื่อนเหรอ? คุณมีเพื่อนมาด้วยเหรอ?"
เนลล์พยักหน้า
เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “เธอเป็นผู้หญิงที่อายุประมาณฉัน และน่าจะอยู่ใกล้ ๆ กับฉัน คุณเห็นเธอรึเปล่าคะ?"
ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าเธอพลางส่ายหัวปฎิเสธ
จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังว่า “พวกเธอเคยเห็นเพื่อนของผู้หญิงคนนี้รึเปล่า?”
พวกชาวบ้านก็ส่ายหัว
เมื่อความผิดหวังคืบคลานเข้ามาหาเนลล์ เด็กวัยรุ่นร่างกายผอมแห้งที่มีใบหน้าตอบก็ก้าวขึ้นมา
เขาพูดว่า “อ้อ ฉันรู้ ฉันกลับมาจากที่ลุงเฟร็ดและเพื่อนของเขา พวกเขาบอกว่าได้ช่วยชีวิตหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้ด้วย ไม่รู้จะว่าใช่เพื่อนของคุณรึเปล่า?”
ผู้หญิงคนนั้นมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“เป็นไปไม่ได้ เฟร็ดอาศัยอยู่ห่างไกลจากเรามากกว่าสิบกิโลเมตร ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะบอกว่าเพื่อนของเธออยู่ใกล้ ๆ กับเธอ แล้วเพื่อนของเธอจะไปไกลขนาดนั้นได้ยังไง?”
แต่ทว่าดวงตาของเนลล์กลับเป็นประกายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ใช่ ต้องเป็นเธอแน่ ๆ”
อันที่จริงเธอก็ไม่ได้แน่ใจนัก เพราะว่าพวกเธอกระโดดลงจากเครื่องบินพร้อมกับร่มชูชีพ โดยไม่ได้เจาะจงทิศทางใดเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่พวกเขาจะตกลงไปในพื้นที่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะตกลงในที่เดียวกัน
หญิงสาวได้ฟังดังนั้นแล้วก็รู้สึกตกใจ
ทันใดนั้นเธอก็พยักหน้าขึ้นมา “โอเค ถ้างั้นคงจะเป็นเพื่อนของคุณนั้นแหละ แต่คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เพราะว่าเพื่อนของคุณได้รับการช่วยเหลือจากลุงเฟร็ด ลุงของลิตเติ้ลซิกส์ เธอไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอก คุณนอนพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ แล้วฉันจะพาคุณไปหาเพื่อนของคุณ”
เนลล์รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเธอมาก และกล่าวขอบคุณเธออย่างล้นเหลือ "ขอบคุณมากนะคะ"
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะออกมาจนเห็นฟันเหลืองของเธอ "ยินดีเป็นอย่างยิ่ง"
หลังจากนั้นเธอก็หันหน้าไปทางกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังและประกาศว่า “เอาล่ะ ทุกคนดูมาพอแล้ว ได้เวลาออกเดินทาง”
ชาวบ้านที่นี่มองเนลล์ด้วยท่าทางแปลก ๆ และค่อนข้างอึดอัด
เนื่องจากความมืดและไร้แสงไฟ เนลล์จึงไม่ได้มองพวกเขาได้ไม่ชัด
ทันทีที่กลุ่มคนจากไป ผู้หญิงคนนั้นก็เดินกลับมาหาเนลล์และส่งยิ้มให้กับเธอ “สาวน้อย คุณหิวไหม? อยากให้ฉันทำอะไรให้ทานรึเปล่า?”
ถ้าเธอไม่พูดเรื่องของอาหารขึ้นมามันคงจะดีกว่านี้ แต่เมื่อเธอได้พูดออกมาแล้ว มันจึงให้เนลล์รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก