เมื่อเห็นแบบนี้แอนเดรียก็ยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
“มันได้รับการพิสูจน์แล้วหนิคะว่า เป็นคนอื่นที่วางยาพิษในซุปนั่น คุณจะดื่มมันเข้าไปไหม? เห็น ๆ กันอยู่ว่ามีคนวางแผนที่จะทำร้ายคุณ แต่ทำไมนายน้อยถึงคิดว่าเป็นคุณที่วางยาพิษเพื่อทำร้ายยูเลียนา?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ วิกกี้ก็ถูหน้าผากของเธอเองราวกับว่าเธอกำลังปวดหัวอยู่
เธอพูดอย่างใจเย็นว่า “บางที… เขาอาจจะกำลังสับสน และไม่แม้แต่จะเชื่อในหลักฐานที่วางอยู่ต่อหน้าของเขาเลยด้วยซ้ำ เขาเลือกที่จะเชื่อคำพูดของยูเลียนาแทน แล้วฉันจะไปทำอะไรได้?
เธอพูดพลางถอนหายใจออกมา
“ฉันไม่ควรจะไปคาดหวังอะไรกับเขาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม? จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ฉันตกลงไปในน้ำ ฉันควรจะรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่ได้สำคัญอะไรเลย เขาแค่เกลียดฉัน และเขาจะมีความสุขมากเวลาที่ได้เห็นฉันเดือดร้อน”
“แล้วความจริงที่ว่ามันจะไปสำคัญได้ยังไง? เพราะสำหรับเขา การได้ทำให้ฉันเจ็บปวดคือสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว”
พอพูดจบเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความเศร้าสร้อย
“ฉันไม่อยากจะยึดติดกับเขาอีกต่อไปแล้ว แอนเดรียถ้าฉันไปจากที่นี่แล้ว ดูแลตัวเองให้ดีนะ ยูเลียนาเกลียดฉัน และเธอก็อยู่เคียงข้างฉันมานานมาก ดังนั้นเธออาจจะหาเรื่องเธอตอนที่ฉันไม่อยู่ และถ้ามันไม่ไหวที่จะทนจริง ๆ ก็ลาออกแล้วหางานอื่นทำนะ โลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าที่เธอคิด ดังนั้นจึงไม่มีที่ไหนที่เธอไม่สามารถไปได้หรอกนะ”
เห็นได้จากแววตาของแอนเดรียว่าตอนนี้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก
“คุณโทมัสคะ...”
วิกกี้โบกมือ “ไม่ต้องพูดอะไรต่อแล้ว ฉันตัดสินใจดีแล้ว”
แอนเดรียยังคงอดไม่ได้ที่จะถามต่อว่า “แล้วคุณมีเพลนจะไปที่ไหนเหรอคะ?”
วิกกี้คิดเกี่ยวกับคำถามของเธอ ก่อนจะพูดว่า “มีคนต้องการจะทำร้ายฉันข้างนอกนั้น ฉันคิดว่าฉันคงจะไม่ปลอดภัยถ้าจะไปที่อื่น ฉันจึงคิดว่าจะกลับไปที่บ้านเกิดของฉันสักพัก แม้ว่าเจ้าของบ้านคนเก่าอย่างเกลนจะตายไปแล้ว แต่บ้านก็ยังคงอยู่ที่นั่น ฉันเชื่อว่าคงไม่มีใครว่าอะไรหรอก ถ้าฉันจะอยู่ที่นั่นสักพัก”
แอนเดรียพยักหน้ารับ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ระวังตัวไว้ด้วยนะคะ”
วิกกี้พยักหน้า "ฉันรู้น่า"
ทั้งสองคนคุยกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่แอนเดรียจะไปเก็บข้าวของให้วิกกี้อย่างไม่เต็มใจ
สี่โมงเย็น
วิกกี้นั่งอยู่ในรถที่กำลังมุ่งหน้าออกจากประตูคฤหาสน์คนเดียว
แน่นอนว่าด้วยสภาพร่างกายที่บาดเจ็บของเธอ จึงทำให้เธอไม่สามารถเดินออกไปเองได้
ดังนั้นเกรกอรีที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีจิตใจดีจึงได้จัดเตรียมรถมาไว้ให้กับเธอ แน่นอนว่ารถคันนี้ไม่ได้หรูหราสักเท่าไหร่ เป็นเพียงแค่รถออดี้ธรรมดา ๆ เท่านั้น
และคนขับรถก็ไม่ใช่คนขับรถคนเดิม ไม่ใช่ฮาโรลด์ หรือคนอื่น ๆ ที่มีความสามารถที่อยู่รอบตัวเขา
คน ๆ นี้เป็นแค่คนขับรถธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
รถค่อย ๆ แล่นออกจากประตูคฤหาสน์อย่างช้า ๆ ที่ด้านหลังของเธอ ยูเลียนากำลังยืนยิ้มอย่างคนมีชัย
ส่วนเกรกอรี แววตาของเขามีแต่ความมืดมน เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่รถกำลังจะออกไป และยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานพอสมควร
ภายในรถ
วิกกี้อยู่ในอารมณ์ที่สงบ
ซึ่งคราวนี้เธอกับเกรกอรีได้แอบตกลงแผนการในครั้งนี้เอาไว้แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อย
เธอต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่าหลังจากที่เธอไปแล้ว เธอจะไม่มีวันกลับมาที่นี่อีก ดังนั้นเมื่อเธอกำลังจะจากไป เธอจึงได้ขอให้แอนเดรียช่วยจัดเตรียมข้าวของให้ และวิกกี้ก็ไม่ได้ห้ามเธอ เมื่อเห็นว่าแอนเดรียกำลังเก็บข้าวของที่เธอใช้เป็นประจำมาด้วย
จากเหตุการณ์วางยาพิษที่เกิดขึ้น เธอรู้ได้ทันทีเลยว่าต้องมีคนของอีกฝ่ายแฝงตัวเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ยิ่งการแสดงของพวกเขาสมจริงมากเท่าไร อีกฝ่ายก็จะยิ่งเชื่อว่าเธอเหลือตัวคนเดียวแล้วมากเท่านั้น
และพวกเขาก็จะได้เริ่มแผนการชั่วร้ายของพวกเขาเสียที
เดิมทีวิกกี้ต้องการแสดงเป็นคู่รักที่กำลังกลับมาคืนดีกันกับเกรกอรี และพากันไปสวีทที่งานเทศกาลโคมไฟวันวาเลนไทน์จีน
แต่บังเอิญว่าความคิดนี้ก็ดันไปใกล้เคียงกับความคิดของเกรกอรีเช่นกัน
แต่เมื่อเธอเจอเกรกอรี และเขาผลักเธอให้กลับเข้าไปในห้อง ความคิดของเธอก็เปลี่ยนไปในทันใด
เธอคิดว่าระหว่างไปงานเทศกาลโคมไฟกับเกรกอรีอย่างคู่รัก คงจะไม่น่าเชื่อมากกว่าที่เธอทะเลาะกับเขา และให้เขาทิ้งเธอไว้คนเดียว
ท้ายที่สุด ยาพิษที่ยูเลียนาได้กินเข้าไป ก็ทำให้พวกเขานึกแผนดี ๆ ออก
ในขณะนั้นมีผู้คนจำนวนมากภายในอาคารเสริม และแม้ว่าผู้คนเหล่านั้นจะตั้งใจฟังพวกเขา เพื่อวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์การวางยาพิษในครั้งนี้ แต่พวกเขาทุกคนก็ยังคงรู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดี
ในท้ายที่สุดหลังจากที่ได้สอบสวนทุกคนแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าใครเป็นคนวางยาพิษ
ทันทีที่เกรกอรีได้ส่งคนไปสอบสวน เขาก็จะทำเป็นว่าหลักฐานทั้งหมดได้ชี้ตัวไปที่วิกกี้
เพื่อที่เขาจะได้มีเหตุผลโกรธเธอ และจากนั้นพวกเขาก็จะแสร้งทำเป็นว่าทะเลาะกัน ก่อนที่เกรกอรีจะโมโหและไล่เธอออกไป
วิธีนี้จะทำให้อีกฝ่ายจะคิดว่าเธอกับเกรกอรีเลิกรากันเพราะมีบุคคลที่สาม และพวกเขาจะไม่คิดอะไรอย่างอื่นอีก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ วิกกี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง
พวกเขาคงจะลงมือวันนี้อย่างแน่นอน!
เธอรอเพราะเธอเชื่อว่าพวกเขาจะต้องมาหาเธอแน่ ๆ และเธอเองก็จะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปอย่างเด็ดขาด
รถแล่นออกจากประตู
วิกกี้รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เธอจึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อนในรถสักครู่
เมื่อเธอมาถึงในเมืองก็เป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว
เธอลืมตาขึ้นและพบว่ารถกำลังจอดอยู่ริมถนน
คนขับเหลียวหน้ามองเธอแล้วถามว่า “คุณโทมัสครับ เรามาถึงที่อยู่ที่คุณให้ไว้แล้วครับ ใช่ที่นี่หรือเปล่าครับ?”
เธอหันหน้าไปมองอาคารสีเทาหลังเล็ก ๆ ตรงหน้าของเธอ ซึ่งครั้งหนึ่งเจ้าของบ้านคนเก่าอย่างเกลนเคยอาศัยอยู่ที่นี่
เธอพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่แล้วแหละ”
หลังจากพูดจบเธอก็เปิดประตูลงจากรถด้วยความตึงเครียด
เมื่อเห็นแบบนี้ คนขับจึงรีบดึงเก้าอี้รถเข็นออกมาจากท้ายรถ และประคองเธอขึ้นมานั่งบนนั้น ก่อนจะเอาข้าวของสัมภาระลงให้เธอ
แม้ว่าเธอจะนำสิ่งของที่เธอใช้เป็นประจำทุกวันมาทั้งหมด แต่วิกกี้ก็ไม่ได้มีสัมภาระมากมายนัก เธอมีกระเป๋าเดินทางแค่เพียงสองใบเท่านั้น
เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดว่า “ขอบคุณนะคะ”
คนขับมองไปที่บ้านเก่าทรุดโทรมสีเทาที่อยู่ตรงหน้าของเขา ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ให้ผมเข้าไปส่งคุณข้างในไหมครับ?”
วิกกี้ส่ายหัว “ไม่เป็นไร คุณกลับไปได้แล้ว ฉันจะเข้าไปข้างในเอง”
เมื่อคนขับได้ฟังแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก ดังนั้นเขาจึงขึ้นรถและขับออกไป
วิกกี้ไม่ได้รีบเข้าไปในบ้านแต่อย่างใด เธอยังคงเฝ้ามองดูรถที่กำลังแล่นออกไป จากนั้นเธอก็มองลงไปที่กระเป๋าสัมภาระที่กองอยู่ใกล้ ๆ เท้าของเธอ
ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากฝั่งตรงข้ามของถนน
หลังจากนั้น ทุกคนก็รีบวิ่งไปทางนั้นทันที
เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าทุกคนบนท้องถนนกำลังวิ่งไปทางต้นเสียงนั้น เธอจึงรีบยกมือขึ้นคว้าชายคนหนึ่งเอาไว้ แล้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?"
เธอไม่ได้อยู่ในเมืองแห่งนี้มานานมาก ผู้คนในละแวกนี้จึงจำเธอไม่ได้ พวกเขาเห็นเธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ทุพพลภาพที่นั่งรถเข็นอยู่แค่นั้น
คน ๆ นั้นอธิบายให้เธอฟังอย่างสุภาพว่า “มีคนตายอยู่ตรงนั้น ว่ากันว่ามีศพถูกขุดขึ้นมา ทุกคนจึงไปที่นั่นเพื่อตรวจดู สาวน้อย เธอควรกลับเข้าไปในบ้านตอนนี้เลย ระวังมันอาจจะทำให้เธอตกใจ อย่าเผลอไปดูมันเชียวนะ”
พูดจบ เขาก็ดึงแขนเสื้อของเขาออกจากมือของเธอ แล้วเดินออกไป
วิกกี้ตกใจเล็กน้อย
มีคนตาย? ศพ?
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ลางสังหรณ์ไม่ดีได้ผุดขึ้นมาในใจเธอ
มันไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวกับเธอ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงทิ้งสัมภาระไว้ที่มุมประตู ก่อนจะเข็นรถเข็นของเธอตามเขาไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก