ศพถูกกู้ขึ้นมาจากแม่น้ำ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไรนัก
มีแม่น้ำสายหนึ่งที่ยาวมากอยู่ข้าง ๆ เมือง โดยปกติแล้วผู้คนจำนวนมากในเมืองนี้จะหาเลี้ยงชีพด้วยการหาปลาจากแม่น้ำสายนี้
พวกเขามักจะทอดแหทิ้งไว้ในตอนเช้า และเก็บแหในตอนเย็น
วันนี้พวกเขามาช้าเพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง ดังนั้นพวกเขาจึงมาเก็บแหช้ากว่าปกติไปสองชั่วโมง
เดิมทีพวกเขาคิดว่าวันนี้อาจจะต้องกลับบ้านมือเปล่า เพราะว่าปลาอาจจะว่ายหนีหลังจากที่ได้กินเหยื่อไปแล้ว
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาไปดึงแหขึ้นมาและพบว่ามันหนักมาก
ทุกคนต่างพากันดีใจยกใหญ่ และคิดว่าจะได้ลาภลอยแล้วในวันนี้
แต่เมื่อพยายามดึงแหขึ้นมามากเท่าไร พวกเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในแหไม่มีปลา แต่เป็นมือมนุษย์ที่โผล่ขึ้นมามาจากน้ำแทน
ทุกคนตกใจมากจึงพากันรีบแจ้งตำรวจ ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนร่วมมือกันดึงแหนั้นขึ้นมา
ไม่นานนักตำรวจก็มาถึงจุดเกิดเหตุ
หลังจากตรวจสอบแล้ว ก็พบว่าผู้ตายเป็นเด็กหญิงอายุประมาณสิบแปดปี สาเหตุการตายก็คือขาดอากาศหายใจเนื่องจากการจมน้ำ ไม่มีใครรู้จักเธอ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่คนในพื้นที่
เมื่อตำรวจกำลังจะพาร่างที่ไร้วิญญาณกลับไปชันสูตรศพ วิกกี้ก็เข้ามาเห็นศพนั้นเข้าพอดี
เธอตกตะลึง
ก่อนที่วินาทีถัดมา ใบหน้าของเธอจะเริ่มซีดเผือด
ดูเหมือนตำรวจจะรับรู้ได้ว่าสีหน้าของเธอผิดปกติไปจากเดิม พวกเขาจึงเดินเข้าไปถามว่า "คุณรู้จักเธอรึเปล่า?"
วิกกี้เพียงแค่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั่น และไม่ได้ตอบคำถามเป็นเวลานานพอสมควร
ปฏิกริยาของเธอทำให้ตัวเธอดูน่าสงสัยมากขึ้นไปอีก
ตำรวจมารวมตัวกันในทันที พวกเขามองดูเธออย่างระมัดระวัง
"คุณเป็นอะไรรึเปล่า?"
ในที่สุดวิกกี้ก็ตอบสนอง
เธอเงยหน้าขึ้นมามองพวกเขาด้วยความงุนงง ก่อนจะกระแอมในลำคอและพูดว่า "ฉันรู้จักเธอค่ะ"
สีหน้าของตำรวจเปลี่ยนไปในทันที
...
แน่นอน วิกกี้รู้จักกับผู้ตาย
เธอคือสาวใช้ที่เพิ่งถูกไล่ออกจากคฤหาสน์ เพราะไปขโมยกล่องรังนกในคฤหาสน์เมื่อไม่กี่วันก่อน
วิกกี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า หลังจากผ่านมาได้เพียงแค่สามวัน เธอจะกลายมาเป็นศพ
เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?
ณ เวลานี้ตามปกติแล้ว วิกกี้จะต้องกลับไปกับพวกเขาเพื่อช่วยในการสอบสวน
เธอไม่จำเป็นต้องปิดบังเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอจึงเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้พวกเขาฟังทั้งหมด
แม้ว่าเธอจะพูดในสิ่งที่เธอรู้ออกมาทั้งหมดแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าจิตใจของเธอยังคงตื่นตะหนกจากอาการตกใจอยู่
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เคยเดินผ่านหน้าของเธอไปเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้จะกลายมาเป็นศพที่ไร้ลมหายใจไปเสียแล้ว
จากผลการตรวจทางนิติเวชพบว่าเธอได้เสียชีวิตมาแล้วสองวัน
แต่เมื่อพิจารณาจากร่างที่เปื่อยของศพแล้ว เวลาที่แช่ในแม่น้ำไม่น่าจะเกินหนึ่งชั่วโมง
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธอถูกทำให้จมน้ำตายตั้งแต่แรก แล้วอีกสองวันต่อมา เธอก็ถูกโยนลงไปในแม่น้ำ
วิกกี้ขนลุกซู่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงรังนกสองสามกล่องนั่นขึ้นมา
สาวใช้เคยบอกกับเธอว่าได้เจอรังนกในสวน แต่หลังจากที่ได้ตรวจสอบในภายหลังแล้ว หลักฐานทั้งหมดก็พิสูจน์ออกมาว่าเธอกำลังโกหก
ทุกคนไม่ได้คิดอะไรมากในตอนนั้น พวกเขาคิดว่าเธอคงแค่กลัวจะโดนทำโทษ เธอจึงปฏิเสธที่จะยอมรับ
ในตอนนั้น แม้แต่วิกกี้เองก็ยังรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลก ๆ อยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรกับสาวใช้คนนั้น
เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเหตุการณ์นี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ วิกกี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
หลักฐานที่อยู่ของวิกกี้ในก่อนหน้านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เธอเพิ่งจะกลับมาที่นี่ในวันนี้ ดังนั้นตำรวจจึงไม่มีข้อสงสัยในตัวของเธอ
หลังจากบันทึกคำให้การของเธอแล้ว ตำรวจจึงปล่อยตัวเธอกลับบ้าน
อาจเป็นเพราะตำรวจสังเกตเห็นว่าเธอตัวคนเดียว ไม่ได้ขับรถมา และยังนั่งรถเข็นอีก ตำรวจจึงเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมือใหม่มาขับรถไปส่งเธอกลับบ้าน
วิกกี้นั่งเงียบมาตลอดทั้งทาง
ราวกับว่ามีการโต้เถียงเกิดขึ้นในหัวใจของเธอ เธอครุ่นคิดซ้ำ ๆ เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
อย่างแรกคือมีคนพยายามลอบสังหารเธอ แต่หลังจากที่แผนการของพวกเขาล้มเหลว เธอก็ถูกคนอื่นพาตัวไป
คนพวกนั้นดูเหมือนจะต้องการจับตัวเธอทั้งเป็น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทำร้ายเธอ
ทันทีหลังจากนั้น เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากเกรกอรี
ในช่วงพักฟื้น ทุกสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวก็แสนจะสงบ มีเพียงยูเลียนาเท่านั้นที่วัน ๆ พยายามแต่จะสร้างปัญหา
อยู่มาวันหนึ่งเรน่าสาวใช้ในครัวก็ถูกกล่าวหาว่าเธอแอบเปลี่ยนส่วนผสมของรังนก ดังนั้นวิกกี้จึงเข้าไปตรวจสอบ ก่อนจะพบว่าเรน่าไม่ได้แอบสับเปลี่ยนส่วนผสม แต่กลับเป็นสาวใช้อีกคนหนึ่ง
พ่อบ้านออสบอร์นได้บังคับให้สาวใช้คนนั้นออกไป แล้วเหตุการณ์วางยาพิษก็เกิดขึ้น
สาวใช้กำลังนำซุปเห็ดขาว และซุปเมล็ดบัวที่ถูกวางยาพิษไว้ด้วยสารหนูให้วิกกี้กิน ซึ่งยูเลียนาได้เข้ามาแย่งกินไปก่อน เลยทำให้ยูเลียนาเกือบตาย
ต่อมาวิกกี้กับเกรกอรีจึงได้วางแผนกัน ทำเหมือนกับว่าเธอถูกไล่ออกจากคฤหาสน์ และกลับมาที่บ้านเกิด ก่อนจะมาพบกับร่างไร้วิญญานของสาวใช้ที่นี่
ตอนนี้เหตุการณ์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของเธอแล้ว และดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้กลายเป็นเบาะแสที่อาจจะเชื่อมโยงถึงกันได้
แต่ทว่ามันยังมีบางสิ่งที่ขาดหายไป
มันคืออะไรกัน?
วิกกี้ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ในขณะนั้นเอง เสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มก็ดังขึ้นขึ้นมา
“ผมได้ยินมาว่าเธอเป็นคนรับใช้ในบ้านของคุณ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ของเธอบ้างไหม?”
วิกกี้กลับมามีสติอีกครั้ง
เธออึ้งไปครู่หนึ่ง
คำถามนี้ถูกถามที่สถานีตำรวจในก่อนหน้านี้แล้ว
เธอไม่รู้ว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั้งอยู่ข้างหน้าของเธอยังต้องถามอีกครั้ง แต่ว่าเธอก็ไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด เธอตอบตามความจริงว่า “ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ปกติเธอไม่ได้ทำงานในส่วนพื้นที่ของฉัน ฉันจึงไม่ค่อยได้พูดคุยกับเธอสักเท่าไร ฉันไม่รู้อะไรไปนอกจากชื่อของเธอ และข้อมูลส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”
เจ้าหน้าที่ตำรวจยิ้มออกมา…
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับคำตอบ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามอะไรต่อเพิ่มเติม
เขาเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างราบรื่น
“ผมได้ดูแฟ้มของคุณแล้ว คุณเคยมีประวัติอาชญากรรมหรือเปล่า?”
ดวงตาของวิกกี้หม่นหมองลง
เธอพยักหน้ารับเบา ๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเกาที่ศรีษะของเขาด้วยท่าทีเคอะเขิน
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ถ้าผมพูดถึงเรื่องนี้แล้วทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจ แต่ผมอยากรู้จริง ๆ เพราะคุณดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่เงียบ ๆ คนหนึ่งเท่านั้น คุณเคยก่อคดีอาชญากรรมอะไรเอาไว้เหรอครับ? ในใบประวัติของคุณมันก็ไม่ได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน…”
"ฆาตกรรม"
ก่อนที่เขาจะพูดจบ วิกกี้ก็ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา
"อะไรนะครับ?"
เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับผงะเมื่อได้ฟังคำตอบ ปากของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทางประหลาดใจ
จู่ ๆ วิกกี้ก็นึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา เธอเลิกคิ้วขึ้นมองเขาด้วยความประชดประชัน
“คุณแปลกใจเหรอคะ? ฉันดูไม่เหมือนฆาตกรหรอกเหรอ?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มส่ายหัวและพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่เลย คุณดูไม่เหมือนเลย”
“ฮะ!”
วิกกี้หัวเราะเยาะออกมา ก่อนจะหันหน้าไปทางหน้าต่าง และไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
รถวิ่งบนถนนด้วยความเงียบสงัด
วิกกี้มองผ่านกระจกมองหลัง และเห็นว่ามีไฟรถจาง ๆ คันหนึ่งขับตามอยู่ข้างหลัง
เธอรู้ว่าคนที่ขับตามมานั้น คือคนที่เกรกอรีส่งมาเพื่อปกป้องเธอ พวกเขาตามดูเธอมาตลอด
และเรื่องนี้... ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่นานรถก็แล่นมาถึงหน้าประตูบ้านหลังเก่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มลงจากรถก่อน เขายกรถเข็นลงจากท้ายรถ และช่วยประคองเธอออกมาจากเบาะหลังของรถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก