ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก นิยาย บท 834

วิกกี้กล่าวขอบคุณด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนรถเข็น

เจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะสังเกตเห็นขาทั้งสองข้างของเธอ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เธอก็รับรู้ได้ว่ามีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผ่านออกมาจากแววตาของเขา

เขาคงจินตนาการถึงเรื่องราวที่น่าสลดใจมากมายที่เกิดขึ้นกับเธอ แต่เธอไม่รู้

วิกกี้ไม่ได้รบกวนเขาต่อ หลังจากบอกลาเขาแล้ว เธอก็ลากข้าวของสัมภาระที่วางอยู่ที่มุมประตูเข้าไปในบ้าน

ไม่มีใครอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่านี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว

สนามหญ้าเต็มไปด้วยวัชพืช และใยแมงมุมที่บางตัวก็ห้อยอยู่ตรงมุมกำแพง ต้นไม้สูงใหญ่แต่กลับไร้ใบเพราะขาดคนดูแล จะมีใครรู้ว่าใครเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้

วิกกี้บังคับวีลแชร์ให้เลื่อนไปข้างหน้า

โชคดีที่หน้าบ้านไม่มีบันได เธอจึงไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก เธอตรงเข้าไปที่ประตู และหยิบกุญแจออกมาเปิดประตู ก่อนจะเข็นรถตรงเข้าไปข้างในบ้าน

ภายในบ้านมีแต่ความมืดมิด

มันถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน จึงมีกลิ่นของฝุ่นและความชื้นกระจายไปทั่วบ้าน

วิกกี้ควานหาสวิตช์ตามทิศทางในความทรงจำของเธอเพื่อเปิดไฟ และบ้านก็สว่างขึ้นมาในทันที

วิกกี้ยกมือขึ้นบังตาของเธอเอาไว้

สักพักเธอก็เอามือลงอย่างช้า ๆ

เธอมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าตัวบ้านยังดูเหมือนในความทรงจำของเธอไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง หรือสไตล์ก็ยังเหมือนเดิม

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ มีฝุ่นหนาแน่นอยู่ทุกหนทุกแห่ง โซฟาขนาดใหญ่ตรงกลางห้องนั่งเล่นถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีขาว วิกกี้เดินไปดึงผ้าสีขาวออก จนทำให้ฝุ่นที่เกาะกับผ้าลอยฟุ้งขึ้นมาในทันใด

เธอปัดฝุ่นที่กำลังฟุ้งกระจายไปทั่วจนไอออกมา จากนั้นเธอก็ทำความสะอาดบ้านด้วยความเร่งรีบ

บ้านหลังนี้ใหญ่มาก เด็ก ๆ หลายคนที่ไม่ได้อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนั้น พวกเขาได้อาศัยอยู่กับผู้อำนวยการเกลนที่นี่

บ้านหลังนี้บรรพบุรุษของผู้อำนวยการเกลนได้ทิ้งเอาไว้ให้ ดังนั้นเขาจึงได้เป็นผู้ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่แห่งนี้ ในเวลานั้น ผู้อำนวยการเกลนได้เรียกเธอให้เข้าไปหาที่เตียงก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และมอบบ้านหลังนี้ให้กับเธอ โดยเขาให้เหตุผลว่า เขาคงไม่สามารถอยู่จนถึงวันที่เธอแต่งงานได้ เขาจึงยกบ้านหลังนี้ให้เป็นสินสอดทองหมั้นล่วงหน้า และบอกให้เธอจงมีชีวิตที่ดีในอนาคต

เขาไม่ใช่บิดาผู้ให้กำเนิด หรือคุณปู่ของเธอ แต่เขาสนิทสนมกับเธอมากกว่าบิดาผู้ให้กำเนิดเธอเสียอีก

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ วิกกี้ก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกในครั้งนั้น

หลังจากที่เธอทำความสะอาดเสร็จแล้ว เธอก็ไม่ได้ไปยังห้องอื่นต่อ เธอแค่ไปยังห้องที่เธอเคยพักอยู่

ห้องนั้นอยู่ที่ชั้นหนึ่ง มันจึงเป็นเรื่องดีที่เธอไม่ต้องพยายามปีนบันไดขึ้นไป หลังจากที่เก็บกวาดห้องเรียบร้อยแล้ว เธอก็เปิดกระเป๋าเดินทาง และหยิบชุดนอนออกมาใส่แล้วเข้านอน

วันนี้วิกกี้รู้สึกเหนื่อยมาก เธอผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมายหลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ

เดิมทีเธอคิดที่จะงีบนอนแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อที่เธอจะได้รู้สึกตื่นตัว และระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ เธอเหนื่อยเกินไปจนผล็อยหลับไปในทันทีที่เธอล้มตัวลงนอน

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเธอตื่นขึ้น

เธอลืมตาขึ้นมาเห็นแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางรอยแตกที่ขอบหน้าต่าง ขณะนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว

วิกกี้พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง

เธอมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอรู้ดีว่ามันเป็นเพราะเธอไม่ได้นอนบนเตียงไม้ที่บ้านหลังนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว อาการปวดจึงเกิดจากแผ่นรองเตียงที่แข็งเกินไป

เมื่อคืนวิกกี้รีบเร่งทำความสะอาดบ้าน เธอจึงขี้เกียจหาที่นอนสะอาด ๆ มานอน เธอจึงตัดสินใจนอนตรงนั้นไปเลย

ตามแผนการของเธอและเกรกอรี กลุ่มคนพวกนั้นไม่สามารถจัดการเธอได้ในครั้งแรก ดังนั้นพวกเขาคงจะเริ่มลงมือครั้งที่สองในไม่ช้า

เพราะฉะนั้น เมื่อคืนเธอจึงรอให้พวกเขาเข้ามาหาเธอ

แต่หลังจากที่นอนหลับสนิทมาตลอดทั้งคืนก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น?

พวกเขามีความอดทนมาก จนไม่ลงมือทำอะไรได้เลยเหรอ?

วิกกี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา

แต่ทว่าการแสดงได้เริ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถล้มเลิกกลางคันได้

วิกกี้ดึงผ้าห่มออก พลางลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะลูบไปตรงไหล่ที่เจ็บ แล้วเข็นรถเข็นไปล้างหน้า

เมื่อไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่ น้ำก็เลยไม่ไหล แต่โชคดีที่ยังมีบ่อน้ำอยู่ในสวนด้านหลัง และน้ำในบ่อก็ยังไม่แห้งเหือด

เธอโยนถังน้ำลงไปในบ่อและตักมันขึ้นมาครึ่งหนึ่ง ก่อนจะก้มลงล้างหน้าแปรงฟัน หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ เธอก็กลับเข้าไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกจากบ้านไปด้วยรถเข็นของเธอ

เมื่อเธอออกจากบ้านมา เธอก็เห็นว่าแถว ๆ นั้นมีตลาดอยู่ด้วย

ที่ตลาดดูคึกคักมาก แม้ว่าจะเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ ที่เทียบกับเมืองใหญ่ไม่ได้เลย แต่บนท้องถนนกลับเต็มไปด้วยแผงขายของมากมาย

เสียงตะโกนพูดคุย และเสียงเด็ก ๆ ไล่ตามหลังจนเกิดเป็นเสียงประสานเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดสถานที่ที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และความคึกครื้นของผู้คน

วิกกี้เข็นรถเข็นเข้าไปที่แผงค้าเล็ก ๆ เพื่อซื้อแพนเค้ก ต้นหอม และนมถั่วเหลือง

เมื่อเธอหันหลังกลับมา เธอก็เห็นร่าง ๆ หนึ่งอยู่ข้างหน้าของเธอ

เธอตกใจในทันที

แต่ในวินาทีต่อมา ร่างนั้นก็ปะปนเข้าไปในฝูงชนที่หนาแน่น และหายไปอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของวิกกี้เริ่มเปลี่ยนไป เธอรีบเข็นรถเข็นไล่ตามร่างนั้นไป

แต่ทว่าอีกฝ่ายนั้นเร็วเกินไป มันใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้น เธอไล่ตามมันไปติด ๆ แต่กลับเจอแต่ความว่างเปล่า เงาของบุคคลนั้นหายไปไหนได้ยังไง?

สีหน้าเธอเปลี่ยนไปอีกครั้ง

มันอาจจะเป็นแค่เพียงแวบตาเดียวเท่านั้น แต่เธอก็เชื่อว่าเธอไม่ได้ตาฝาดไปอย่างแน่นอน

บุคคลนั้นเป็นผู้อาวุโสจากองค์กรนกหงส์หยก เธอรู้จักและคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี เขาคือ แดน ทินน์เพิล

เขาตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วเขามาโผล่ที่นี่ได้ยังไง?

วิกกี้ตอบสนองกับสิ่งนี้อย่างรวดเร็ว

ใช่แล้ว จากข้อมูลที่เกรกอรีได้พบก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่าผู้คนเหล่านี้ได้ตายไปแล้วจริง ๆ

แต่มันเป็นแค่เพียงการแกล้งตายเพื่อที่จะได้หลบหนีเท่านั้น ก่อนที่ต่อมาพวกเขาได้เปลี่ยนจากองค์กรนกหงส์หยกที่ล่มสลาย ไปเป็นองค์กรจีนแทน

สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่หลังจากที่เธอหยุดเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็หันหลังกลับไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

เธอกลับไปที่ลานกว้างหน้าบ้าน ความตื่นตาตื่นใจและความเจริญรุ่งเรืองจากภายนอก ถูกปิดตายไว้โดยประตู

เธอมองขึ้นไปและเห็นว่าประตูได้ถูกเปิดทิ้งเอาไว้อยู่ ร่างที่เธอแสนจะคุ้นเคย ตอนนี้ได้นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แววตาของเธอดูเย็นชาเล็กน้อย

เธอเข็นรถของเธอเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว

“พี่ใหญ่คะ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

แดนเงยหน้าขึ้น เมื่อเขาได้ยินเสียงที่เย็นชาของเธอ

มันเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย อ่อนโยนราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ในอดีตเมื่อวิกกี้รู้สึกแย่ ความทุกข์ใจทั้งหมดของเธอจะถูกเขาเป็นคนปัดเป่าให้มันหายไป

ตอนนี้เธอรู้สึกหนาวสั่นด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อได้เห็นใบหน้านี้อีกครั้ง

แดนยิ้มออกมาเล็กน้อย

“น้องเล็ก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยแปลกใจเลยที่ได้เห็นหน้าฉัน”

วิกกี้หัวเราะเยาะออกมา ก่อนจะบังคับวีลแชร์ให้เข้าไปในบ้าน แล้ววางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ

เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “พี่ใหญ่พาคนกลุ่มหนึ่งมาเพื่อจะปลิดชีวิตของฉันหลายต่อหลายครั้งแล้ว จะให้ฉันรู้สึกแปลกใจได้ยังไงล่ะคะ แต่ต่อให้ฉันรู้สึกแปลกใจขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะก็ ฉันก็คงจะแปลกใจว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงได้เพิ่งมา"

พอพูดจบเธอก็ปิดประตูลง

แดนดูการเคลื่อนไหวของเธอและยืนนิ่ง

ไม่มีแม้แต่คำพูดบอกใบ้ของการหลบเลี่ยง หรือว่าจะทำอะไรกับเธอต่อไป

เขาเพียงแค่นั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะ สำหรับคนที่ไม่รู้อะไรเลยถ้าได้มาเห็นภาพนี้ คงคิดว่าพวกเขาเป็นแค่เพื่อนเก่าธรรมดา ๆ สองคนที่กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องราวในอดีตเท่านั้น

แต่ทว่าวิกกี้รู้ดีว่าในอดีตนั้นไม่มีอะไรให้น่าพูดถึง

ในที่สุดสิ่งที่เรียกว่าอดีต ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าแผนการที่พวกเขาได้วางกันเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก