วิกกี้ดูหยกไปพร้อม ๆ กับเขาด้วย เธอเอนตัวเข้าไปใกล้เขา เพื่อให้มองเห็นหยกอาถรรพ์ได้ชัดขึ้น จนศีรษะเกือบจะชนกัน
สักพักเธอก็กระซิบกับเขาว่า “เห็นอะไรบ้างรึเปล่า?”
คิ้วที่คมเข็มของเกรกอรีย่นเข้าหากันเล็กน้อย ในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุมว่า “เมื่อสีปีที่แล้วมันไม่ใช่หยกชิ้นนี้?”
"อะไรนะ?"
วิกกี้มองเขาด้วยความประหลาดใจ
เกรกอรีวางหยกลง และเมื่อเขาหันหน้ากลับมา เขาก็สังเกตเห็นว่าเธอได้เอนตัวเข้ามาใกล้เขามากเต็มที
พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก จนทำให้เขาได้กลิ่นลาเวนเดอร์บนผมของเธอได้อย่างชัดเจน และมันก็ทำให้เขาอดที่จะกลั้นหายใจเอาไว้ไม่ได้
แต่เขาก็ทำราวกับว่าไม่ทันได้สังเกตระยะห่างระหว่างพวกเขา ก่อนจะเลิกทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ แล้วเอนตัวเข้าไปหาเธอแทน มันจึงทำให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
เขาถือหยกเอาไว้ในมือ พลางอธิบายกับเธอว่า “ดูการแกะสลักบนนี้สิ เมื่อสี่ปีที่แล้ว ฉันได้ตรวจดูสัญลักษณ์บนหยกอย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่พวกมันแตกต่างจากชิ้นนี้”
วิกกี้ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมา
แต่ทว่า ในตอนนั้นเธอไม่ได้ศึกษามันดีมากนัก ดังนั้นความทรงจำของเธอจึงค่อนข้างคลุมเครือ เธอจำได้แค่เลือนลางว่ามันดูแตกต่างกันแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เกรกอรีพูดต่อว่า “หยกชิ้นที่แล้ว การแกะสลักจะอยู่ในแนวนอน แต่ว่าชิ้นนี้อยู่ในแนวตั้ง รูปร่างของหยกก็ดูแตกต่างกันด้วย”
วิกกี้ขมวดคิ้ว
“นั้นคือเหตุผลที่นายบอกว่าหยกสองชิ้นนี้ไม่เหมือนกันใช่ไหม?”
เกรกอรีพยักหน้า
จากนั้นเขาก็วางหยกลง แล้วลุกขึ้นไปหยิบเครื่องคอมพิวเตอร์พกพามา
หลังจากที่เขาเอาคอมพิวเตอร์พกพาขึ้นมาแล้ว เขาก็เปิดข้อมูลที่เคยให้คนอื่นดูก่อนหน้านี้ออกมาให้เธอดู “จากที่ฉันได้ตรวจสอบมา หยกอาถรรณ์มีทั้งหมดสิบสองชิ้น และแต่ละชิ้นก็มีชื่อที่สอดคล้องกัน หยกชิ้นก่อนหน้านี้เรียกว่า 'หมาป่าละโมบ' ส่วนการแกะสลักและสัญลักษณ์บนชิ้นนี้ ฉันเดาว่า มันคงจะเป็น 'พรานพฤกษาสวรรค์’
วิกกี้ตกใจ
“พรานพฤกษาสวรรค์?”
“อืม”
เกรกอรีหันหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปทางเธอเพื่อที่เธอจะได้ดูใกล้ ๆ
วิกกี้ตรวจดูข้อมูลทั้งหมดแบบคร่าว ๆ ก่อนจะจำมันไว้ในใจของเธอ
“ถ้าอย่างงั้น ตระกูลฟลินเดอร์ก็ไม่ใช่ฝ่ายที่สร้างความขัดแย้งตั้งแต่แรกสินะ?”
คิ้วของเกรกอรีขมวดเข้าหากันแน่น "แต่มันก็ไม่แน่"
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะรู้แล้วว่า หยกชิ้นนี้ไม่ใช่ชิ้นเดียวกันกับชิ้นที่หายไปเมื่อสี่ปีก่อน แต่เมื่อพิจารณาจากสัญชาตญาณของเขาแล้ว เขายังคงรู้สึกว่าตระกูลฟลินเดอร์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่บ้างแน่นอน
เมื่อวิกกี้เห็นแบบนี้ เธอก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก
เธอหยิบหยกขึ้นมาแล้วเอาไปส่องดูใต้แสงไฟ "นายคิดว่าสิ่งนี้มันทำให้คนเป็นอมตะได้ อย่างที่ในตำนานได้ว่าเอาไว้หรือเปล่า?"
เกรกอรีมองเธอด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า แล้วพูดว่า "เธอก็ลองดูสิ"
"อะไรนะ?"
วิกกี้หันหน้าไปมองเขาด้วยความสงสัย
เกรกอรีพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "ในตำนานไม่ได้บอกไว้ว่ามันสามารถทำให้คนเป็นอมตะได้จริงรึเปล่า ทำไมเธอไม่ลองใส่มันดูสักสิบปีละ? ถ้าเธอไม่แก่ขึ้น มันก็คงจะได้ผล"
ตอนนั้นเองที่วิกกี้รู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังล้อเลียนเธออยู่
ใบหน้าของเธอหม่นหมองลงทันที ตอนที่มองไปที่เขา "ไปให้พ้นเลยนะ"
เกรกอรีหัวเราะคิกคักออกมา
แต่ถึงยังไงเธอก็ยังคงรู้สึกสับสนอยู่ดี
“พวกเขาบอกว่ามันเป็นสมบัติอันล้ำค่า และตระกูลฟลินเดอร์เอง ก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินหนิ การที่พวกเขานำมันออกมาประมูลแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง?”
เกรกอรีส่ายหัว
อันที่จริง เขาก็ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของตระกูลฟลินเดอร์หรอก
หากพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อเงิน หรือเพื่อผลประโยชน์อื่น ๆ นั่นอาจหมายความว่าพวกเขาจะต้องมีแรงจูงใจบางอย่างที่กำลังปิดบังเอาไว้อยู่แน่ ๆ
ในขณะที่เขากำลังคิดแบบนี้ หัวใจของเขาก็ดับมืดลง
ท้ายที่สุด เขาก็พูดขึ้นมาว่า "เรามาค่อย ๆ เริ่มกันทีละเล็กทีละน้อยกันเลยดีกว่า ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะเอามันออกมาประมูล และยังคงไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ แต่ตราบใดที่พวกเขามีแรงจูงใจ พวกเขาจะต้องออกมาเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปหรอก เพราะในที่สุดพวกเขาก็จะเปิดเผยตัวในภายหลังเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก