ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก นิยาย บท 863

วิกกี้ดูหยกไปพร้อม ๆ กับเขาด้วย เธอเอนตัวเข้าไปใกล้เขา เพื่อให้มองเห็นหยกอาถรรพ์ได้ชัดขึ้น จนศีรษะเกือบจะชนกัน

สักพักเธอก็กระซิบกับเขาว่า “เห็นอะไรบ้างรึเปล่า?”

คิ้วที่คมเข็มของเกรกอรีย่นเข้าหากันเล็กน้อย ในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุมว่า “เมื่อสีปีที่แล้วมันไม่ใช่หยกชิ้นนี้?”

"อะไรนะ?"

วิกกี้มองเขาด้วยความประหลาดใจ

เกรกอรีวางหยกลง และเมื่อเขาหันหน้ากลับมา เขาก็สังเกตเห็นว่าเธอได้เอนตัวเข้ามาใกล้เขามากเต็มที

พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก จนทำให้เขาได้กลิ่นลาเวนเดอร์บนผมของเธอได้อย่างชัดเจน และมันก็ทำให้เขาอดที่จะกลั้นหายใจเอาไว้ไม่ได้

แต่เขาก็ทำราวกับว่าไม่ทันได้สังเกตระยะห่างระหว่างพวกเขา ก่อนจะเลิกทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ แล้วเอนตัวเข้าไปหาเธอแทน มันจึงทำให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

เขาถือหยกเอาไว้ในมือ พลางอธิบายกับเธอว่า “ดูการแกะสลักบนนี้สิ เมื่อสี่ปีที่แล้ว ฉันได้ตรวจดูสัญลักษณ์บนหยกอย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่พวกมันแตกต่างจากชิ้นนี้”

วิกกี้ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมา

แต่ทว่า ในตอนนั้นเธอไม่ได้ศึกษามันดีมากนัก ดังนั้นความทรงจำของเธอจึงค่อนข้างคลุมเครือ เธอจำได้แค่เลือนลางว่ามันดูแตกต่างกันแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เกรกอรีพูดต่อว่า “หยกชิ้นที่แล้ว การแกะสลักจะอยู่ในแนวนอน แต่ว่าชิ้นนี้อยู่ในแนวตั้ง รูปร่างของหยกก็ดูแตกต่างกันด้วย”

วิกกี้ขมวดคิ้ว

“นั้นคือเหตุผลที่นายบอกว่าหยกสองชิ้นนี้ไม่เหมือนกันใช่ไหม?”

เกรกอรีพยักหน้า

จากนั้นเขาก็วางหยกลง แล้วลุกขึ้นไปหยิบเครื่องคอมพิวเตอร์พกพามา

หลังจากที่เขาเอาคอมพิวเตอร์พกพาขึ้นมาแล้ว เขาก็เปิดข้อมูลที่เคยให้คนอื่นดูก่อนหน้านี้ออกมาให้เธอดู “จากที่ฉันได้ตรวจสอบมา หยกอาถรรณ์มีทั้งหมดสิบสองชิ้น และแต่ละชิ้นก็มีชื่อที่สอดคล้องกัน หยกชิ้นก่อนหน้านี้เรียกว่า 'หมาป่าละโมบ' ส่วนการแกะสลักและสัญลักษณ์บนชิ้นนี้ ฉันเดาว่า มันคงจะเป็น 'พรานพฤกษาสวรรค์’

วิกกี้ตกใจ

“พรานพฤกษาสวรรค์?”

“อืม”

เกรกอรีหันหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปทางเธอเพื่อที่เธอจะได้ดูใกล้ ๆ

วิกกี้ตรวจดูข้อมูลทั้งหมดแบบคร่าว ๆ ก่อนจะจำมันไว้ในใจของเธอ

“ถ้าอย่างงั้น ตระกูลฟลินเดอร์ก็ไม่ใช่ฝ่ายที่สร้างความขัดแย้งตั้งแต่แรกสินะ?”

คิ้วของเกรกอรีขมวดเข้าหากันแน่น "แต่มันก็ไม่แน่"

แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะรู้แล้วว่า หยกชิ้นนี้ไม่ใช่ชิ้นเดียวกันกับชิ้นที่หายไปเมื่อสี่ปีก่อน แต่เมื่อพิจารณาจากสัญชาตญาณของเขาแล้ว เขายังคงรู้สึกว่าตระกูลฟลินเดอร์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่บ้างแน่นอน

เมื่อวิกกี้เห็นแบบนี้ เธอก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก

เธอหยิบหยกขึ้นมาแล้วเอาไปส่องดูใต้แสงไฟ "นายคิดว่าสิ่งนี้มันทำให้คนเป็นอมตะได้ อย่างที่ในตำนานได้ว่าเอาไว้หรือเปล่า?"

เกรกอรีมองเธอด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า แล้วพูดว่า "เธอก็ลองดูสิ"

"อะไรนะ?"

วิกกี้หันหน้าไปมองเขาด้วยความสงสัย

เกรกอรีพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "ในตำนานไม่ได้บอกไว้ว่ามันสามารถทำให้คนเป็นอมตะได้จริงรึเปล่า ทำไมเธอไม่ลองใส่มันดูสักสิบปีละ? ถ้าเธอไม่แก่ขึ้น มันก็คงจะได้ผล"

ตอนนั้นเองที่วิกกี้รู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังล้อเลียนเธออยู่

ใบหน้าของเธอหม่นหมองลงทันที ตอนที่มองไปที่เขา "ไปให้พ้นเลยนะ"

เกรกอรีหัวเราะคิกคักออกมา

แต่ถึงยังไงเธอก็ยังคงรู้สึกสับสนอยู่ดี

“พวกเขาบอกว่ามันเป็นสมบัติอันล้ำค่า และตระกูลฟลินเดอร์เอง ก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินหนิ การที่พวกเขานำมันออกมาประมูลแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง?”

เกรกอรีส่ายหัว

อันที่จริง เขาก็ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของตระกูลฟลินเดอร์หรอก

หากพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อเงิน หรือเพื่อผลประโยชน์อื่น ๆ นั่นอาจหมายความว่าพวกเขาจะต้องมีแรงจูงใจบางอย่างที่กำลังปิดบังเอาไว้อยู่แน่ ๆ

ในขณะที่เขากำลังคิดแบบนี้ หัวใจของเขาก็ดับมืดลง

ท้ายที่สุด เขาก็พูดขึ้นมาว่า "เรามาค่อย ๆ เริ่มกันทีละเล็กทีละน้อยกันเลยดีกว่า ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะเอามันออกมาประมูล และยังคงไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ แต่ตราบใดที่พวกเขามีแรงจูงใจ พวกเขาจะต้องออกมาเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปหรอก เพราะในที่สุดพวกเขาก็จะเปิดเผยตัวในภายหลังเอง”

ในที่สุดวิกกี้ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะจ้องไปที่หยกในกล่อง

“แล้วตอนนี้เราจะเอายังไงหยกชิ้นนี้ดีล่ะ?”

เกรกอรีพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “ปล่อยมันไว้อย่างนี้ไปก่อน”

หลังจากหยุดนิ่งไปชั่วครู่ จู่ ๆ เขาก็มองมาที่เธอและถามว่า “ช่วงนี้ แดน ทินน์เพิลได้มาหาเธอหรือเปล่า?”

เมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ วิกกี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

เธอส่ายหัวแล้วตอบว่า "ไม่มา"

เกรกอรียังคงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันรู้สึกว่าการปรากฏตัวของเขาในครั้งนี้ มันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมูลที่ตระกูลฟลินเดอร์ได้จัดขึ้นอย่างแน่นอน”

วิกกี้ตกตะลึงมากจนต้องถามเขาว่า “นายหมายความว่ายังไง?”

"ฉันพูดออกมาไม่ได้จริง ๆ"

ผู้ชายคนนั้นถูขมับของเขาด้วยความเหนื่อยหน่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ก็เหมือนกับที่ผู้หญิงทุกคนเชื่อเรื่องลางสังหรณ์ไง ไม่ใช่เหรอ?”

หลังจากที่เขาพูดแบบนั้นออกมา เขาก็มองไปที่เธอด้วยรอยยิ้ม

วิกกี้หัวเราะคิกคัก ก่อนจะพูดว่า “ก็ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนไหม ที่เชื่อเรื่องแบบนั้น?”

เกรกอรีถามแบบหยั่งเชิง “เธอไม่เชื่อเรื่องลางสังหรณ์เหรอ?”

"ฉันไม่เชื่อเรื่องแบบนั้นหรอก"

เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายว่า “แทนที่จะเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าแบบนั้น ฉันเชื่อในสิ่งที่ฉันสามารถมองเห็นได้ด้วยตาของตัวเองจะดีกว่า”

ขณะที่เธอพูด เธอก็เอานิ้วชี้ไปที่ดวงตาของเธอไปด้วย

เกรกอรีคิดไตร่ตรองก่อนจะพูดว่า "แต่มันก็มีบางครั้งที่สายตาหลอกเราได้"

เมื่อเขาเห็นว่าวิกกี้กำลังตกตะลึง เขาจึงอธิบายต่อว่า “อย่างเช่นบางครั้ง สิ่งที่เธอได้เห็นอาจจะไม่เป็นความจริงเสมอไปก็ได้ ในโลกใบนี้ มีหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้ สิ่งที่สำคัญคือต้องรู้สึกด้วยหัวใจ และทำตามหัวใจ เพราะสิ่งที่รู้สึกข้างในจิตใจมันคือความจริง"

คำพูดของผู้ชายคนนั้นดังก้องอยู่ในหูของเธอ วิกกี้เงียบไปครู่หนึ่ง

สักพักเธอก็พูดขึ้นมาว่า "อาจจะเป็นไปได้"

เธอโบกมือให้เขา ราวกับว่าเธอไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อไปอีกแล้ว

“โอเค ฉันได้เห็นหยกนั้นแล้ว และตอนนี้เราก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม งั้นฉันขอตัวกลับไปที่ห้องของฉันก่อนนะ”

เกรกอรีพยักหน้า

จากนั้นวิกกี้ก็เดินออกมา

เธอไม่รู้ว่าตาของเธอฝาดไปหรือเปล่า เพราะตอนที่เธอกำลังเดินออกมา เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาอันเร่าร้อนกำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ตลอดเวลา

หลังจากกลับมาที่ห้องของเธอแล้ว วิกกี้ก็ล้มตัวลงนอนพักผ่อน

เมื่อเธอตื่นขึ้นมาหลังจากงีบหลับก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงครึ่งแล้ว

เธอลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย

วิกกี้เงยหน้าขึ้นมา และเห็นว่าข้างนอกนั้นแดดแรงมาก มันจึงไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกเวียนหัว

“แอนเดรีย!”

เธอตะโกนเรียกหาสาวใช้ของเธอ

แอนเดรียรีบเข้ามาจากด้านนอก และเห็นว่าเธอตื่นนอนแล้ว แววตาของเธอเป็นประกายไปด้วยความยินดี ขณะที่เอ่ยถามเจ้านายของเธอว่า “ตื่นแล้วเหรอคะ?”

วิกกี้พยักหน้า

วิกกี้นั่งอยู่บนเตียงแล้วก้มศีรษะลงต่ำ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังมีเรื่องน่าอึดอัดอยู่ภายในใจ

แอนเดรียเดินเข้าไปหาเธอ และรินน้ำยื่นให้เธอหนึ่งแก้ว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นอะไรไปรึเปล่าคะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”

วิกกี้ส่ายหัวปฏิเสธ

เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไม่รู้สิ สงสัยฉันนอนไม่ค่อยหลับ เลยรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย”

แอนเดรียครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า “ให้ฉันนวดตัวคุณด้วยน้ำมันหอมระเหยดูไหมคะ? เพื่อมันจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง”

วิกกี้มองหน้าเธอ และรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ

“เธอนวดเป็นด้วยเหรอ?”

แอนเดรียยิ้มออกมา “ก่อนหน้านี้ฉันเคยเรียนนวดมานิดหน่อยค่ะ แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยเก่งสักเท่าไร หวังว่าคุณคงจะไม่ว่าอะไรนะคะ”

วิกกี้คิดดูแล้วว่าเธอก็ไม่ได้มีอะไรต้องไปทำ และเธอก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจจริง ๆ เธอจึงให้แอนเดรียลองนวดเธอดู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก