อยู่มาวันหนึ่ง ในที่สุดนักสืบที่เคธี่จ้างมาก็ได้ข้อมูลกลับมาใหม่
นักสืบกล่าวว่า พวกเขาได้เห็นฌอร์นเข้าไปในคฤหาสน์ของแซลลี่ด้วยตาของพวกเขาเอง พวกเขายังบอกให้เคธี่นำกล้องไป และซุ่มดูเหตุการณ์ด้วยเธอตัวเอง
ดังนั้นเคธี่จึงขับรถไปที่คฤหาสน์ของแซลลี่อย่างเร่งรีบ
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อรถของเธอเสียการควบคุม ทั้ง ๆ ที่ก่อนที่เธอจะออกเดินทาง รถของเธอไม่ได้มีปัญหาใด ๆ แต่จู่ ๆ รถของเธอก็เสียการควบคุมเมื่อเธอไปถึงที่สะพาน จากนั้นเธอก็ชนเข้ากับรั้วและตกลงไปในแม่น้ำ
เป็นที่รู้กันดีว่าแม่น้ำสายที่อยู่ใต้สะพานนั้นเป็นแม่น้ำที่ไหลเร็วที่สุดในจินเฉิง และยังเป็นแม่น้ำที่โด่งดังในเรื่องของความอันตรายที่สุดในจินเฉิงอีกด้วย
และในวันนั้นก็เป็นช่วงฤดูมรสุม เมื่อรถได้ตกลงไปในแม่น้ำในขณะที่น้ำขึ้นสูงเช่นนั้น จะมีใครรอดจากสถานการณ์เช่นนั้นไปได้?
รถพังยับเยินและเคธี่ก็หายตัวไปเช่นกัน
เนลล์ได้รับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้น
ฌอนเล่าถึงเหตุการณ์ด้วยท่าทางที่สงบ จากนั้นเขาก็อธิบายต่อว่า “หลังจากนั้นเราก็ได้รู้ความจริงว่านักสืบได้ให้ข้อมูลเท็จแก่เคธี่ เพราะฌอร์นได้ซื้อตัวพวกเขาไปแล้ว และเขาก็เป็นคนที่วางแผนในการทำให้รถของเธอเสียการทรงตัว ทั้งหมดจึงกลายเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนอย่างไม่คาดคิด”
จีนตกตะลึงเมื่อได้ฟังทุกอย่าง จากนั้นเธอก็ถามด้วยความสงสัย “แล้วเธอรอดมาได้ยังไง? ใครช่วยเธอเอาไว้?”
ฌอนพูดอย่างใจเย็น “ผมเอง”
เขามองไปที่เนลล์ “ในตอนนั้น ผมเพียงแค่ลองเสี่ยงโชคชะตาดู ผมเดินไปตามแม่น้ำด้านล่างและได้พบกับเคธี่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ถึงแม้ว่าฌอร์นจะเรียกตำรวจเพื่อค้นหาเธอ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครจริงจังกับการค้นหาและกู้ภัย อันที่จริงพวกเขาจงใจยื้อเวลาในการค้นหาอยู่นานเพื่อทำให้แน่ใจว่าเธอตายไปแล้ว แต่ถ้าพวกเขาไม่ทำเช่นนั้น ผมก็คงจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปช่วยเคธี่ขึ้นมาเหมือนกัน”
ใบหน้าของเนลล์เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอกำลังกำหมัดแน่น คนอื่นก็คงจะคิดว่าเธอไม่ได้สนใจเรื่องราวของเคธี่
ฌอนกล่าวต่อว่า “ถึงแม้ว่าเคธี่จะรอดมาได้ในตอนนั้น แต่เธอก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะเธอหนีออกจากรถของเธอด้วยกำลังสุดท้ายที่เหลืออยู่ ผมกลัวว่าการพักที่จินเฉิงจะทำให้เกิดความสงสัย เพราะผู้คนมากมายในเมืองนั้นต่างก็จำเคธี่ได้ ถ้าหากมีใครรายงานเรื่องนี้กับตระกูลเจนนิงส์ เธอก็อาจจะต้องตายอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้ผมจึงพาเธอออกจากจินเฉิงหลังจากที่ช่วยเธอแล้ว เราเดินทางไปเมืองอื่นเพื่อรอให้เธอหายจากอาการบาดเจ็บ และหลังจากนั้นเราก็เดินทางไปทะเลทรายและอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างสงบสุขจนถึงตอนนี้”
นิ้วมือของเนลล์สั่นเทา ไม่นานเธอก็ถามขึ้นว่า “ทำไมคุณไม่บอกฉัน?”
ฌอนถอนหายใจ
ดวงตาของเนลล์แดงก่ำ ในขณะที่น้ำตาไหล
“คุณรู้ไหมว่าฉันคิดถึงเธอมากแค่ไหน? คุณรู้ไหมว่าฉันหวังให้เธอยังมีชีวิตอยู่มากแค่ไหน? อีกอย่างหนึ่งคุณก็ควรจะรู้ว่าฉันจะไม่บอกใครว่าเธอยังมีชีวิตอยู่แน่นอน แต่ทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกฉัน?”
ฌอนก้มหน้าลงจากความรู้สึกผิด
ในที่สุด เคธี่ก็ยอมเปิดปากพูด
เธอจับแขนเสื้อของฌอน และพยายามควบคุมเสียงที่สั่นเทาของเธอ “อย่า…ตำหนิเขาเลย ฉันเองที่เป็นคนขอให้เขาเก็บทุกอย่างเป็นความลับ”
เนลล์ตกใจมาก เธอมองไปที่เคธี่อย่างไม่เชื่อสายตา
เคธี่กัดริมฝีปาก
เธอไม่ต้องการเอ่ยถึงอดีต แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องรับมือกับมันหลังจากที่เธอถูกเนลล์กดดัน
เธอรวบรวมความกล้าและเงยหน้าขึ้น จากนั้นเธอก็มองไปที่เนลล์อย่างสงบ
“เมื่อฉันตื่นขึ้นมา ฌอนเป็นคนเดียวที่อยู่เคียงข้างฉัน ฉันตกลงไปในแม่น้ำได้ยังไงฉันเองก็จำไม่ได้ รวมถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ฉันก็จำอะไรเกี่ยวกับสามีและลูกสาวไม่ได้เลย ราวกับว่าฉันถูกกำหนดให้เริ่มต้นใหม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก