เมื่อประตูรถถูกเปิดออก
ผู้หญิงทั้งสี่คนก็อึ้งไป
what?
รถหรูคันนี้ เป็นรถของเฉินเกอเหรอ?
เขาเป็นคนที่จนที่สุดในสาขาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงขับรถที่สวยหรูขนาดนี้ล่ะ?
สายตาที่ผู้หญิงทั้งสี่คนใช้มองไปทางเฉินเกออีกครั้งนั้น ดูเปลี่ยนไปทันที
แค่รถคันนี้ ก็ดูดีกว่ารถออดี้ของพี่หยางเป็นหลายเท่าแล้ว ถุยพี่หยางอะไรกัน ดูดีกว่ารถของหวังหยางเป็นหลายเท่าต่างหาก!
แลมโบกีนี เท่มากเลย
สีหน้าของผู้หญิงที่ยืนเป็นคนแรกขาวซีดไปหมด แต่ก็วิ่งเข้าไปช้าๆแล้วพูดอย่างตื่นเต้น: “พี่เฉิน พี่เฉิน รถคันนี้เป็นรถของพี่เหรอคะ? เป็นของพี่จริงๆเหรอคะ?”
“ถ้าไม่ใช่ของฉันแล้วจะเป็นของเธอเหรอ?”
เฉินเกอรู้สึกคุ้นชินกับผู้หญิงแบบนี้ตั้งนานแล้ว จึงได้พูดไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ว้าว! รถคันนี้เท่มากเลยค่ะ ราคาน่าจะสิบถึงยี่สิบล้านใช่ไหมคะ?”
ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็มายืนใกล้รถทันที ดูเธอจะชอบรถหรูคันนี้มาก แค่เธอได้นั่งรถคันนี้ดูสักครั้ง เธอก็ยอมตายแล้ว!
ส่วนผู้หญิงอีกสามคนก็วิ่งเข้ามาเหมือนกัน และสายตาที่พวกเธอใช้มองเฉินเกอนั้นเต็มไปด้วยความเคารพ
“สิบแปดล้านมั้ง!”
ทันทีที่เฉินเกอสตาร์ทรถ ก็มีเสียงรถที่เซ็กซี่ดังขึ้นมา
“ว้าว! เท่จริงๆเลย พี่เฉินคะ พี่จะไปที่ไหนเหรอคะ ให้พวกฉันไปนั่งด้วยได้ไหม?”
หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้ม
“ไสหัวออกไป!”
แต่เฉินเกอเลือกด่ากลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
จริงๆแล้ว ผู้หญิงพวกนี้ค่อนข้างสวย แต่สวยก็ส่วนสวย เพราะเมื่อสักครู่ยังช่วยหวังหยางทำร้ายเขาอยู่เลย และตอนนี้อยากให้เขาพาพวกเธอไป มันจะมีเรื่องดีๆแบบนี้ที่ไหนกัน?
หลังจากด่าเสร็จ เฉินเกอเคลื่อนรถออกไปทันที
“พี่เฉินพี่เฉิน! พี่พี่พี่......”
เมื่อพวกเธอไม่ได้รับความสนใจจากเขา ก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ
พวกเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจริงๆแล้วเฉินเกอเป็นคนมีฐานะ
พวกเธอก็รู้สึกราวกับว่าพวกเธอสูญเสียอะไรบางอย่างไป พวกเธอทำเพื่อคนอย่างหวังหยาง จนทำผิดต่อคนรวยอย่างเฉินเกอ มันไม่คุ้มเลยจริงๆ!
มาพูดถึงเฉินเกออีกครั้ง
หลังจากด่าพวกเธอเสร็จ เฉินเกอก็ขับตรงมาที่งานจนมาจอดอยู่นอกงาน
ถึงแม้เขาจะมาเช้าไปหน่อย แต่ว่าเหลียงไป๋เชิงและผู้นำอีกหลายคนก็มาถึงกันแล้ว
ในงานแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการประชุมเกี่ยวกับการสร้างโรงเรียนเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ส่วนนี้ต้องให้เฉินเกอและกลุ่มผู้นำทำการประชุมในห้องประชุมแยกต่างหาก
การสร้างโรงเรียนปฐมเพื่อเด็กยากไร้ในครั้งนี้เฉินเกอเป็นคนลงทุนเอง ซึ่งมีการสร้างประมาณ 20 ถึง30แห่ง และจุดประสงค์ในการสร้างก็เพื่อจัดสรรสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ให้กับลูกหลานของแรงงานข้ามชาติ
เรียกได้ว่าเป็นการคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่
และแน่นอนว่าต้องได้รับความสนใจจากคนภายนอกเป็นอย่างมาก
ในส่วนที่สอง ก็คือการประชุมกับกลุ่มคนที่มาสมัครงานในห้องประชุมใหญ่
ยังเหลืออีกสองเดือนทางโรงเรียนก็จะสามารถเปิดทำการรับสมัครนักเรียนได้แล้ว ส่วนเรื่องบุคลากรในโรงเรียนต้องคัดเลือกและผ่านการอบรมก่อน และต้องใส่ตารางเวลาไว้ล่วงหน้าทุกคน
ประชุมแรกเฉินเกอไม่เข้าร่วมไม่ได้ จึงได้ฟังเหลียงไป๋เชิงพูดโน้นพูดนี้ราวๆแล้วสองชั่วโมง
และสำหรับการประชุมกับกลุ่มคนที่มาสมัครงาน เฉินเกอก็ไม่คิดที่จะเข้าร่วมอยู่แล้ว
เพราะว่าการประชุมนี้ไม่มีอะไรที่เขาจำเป็นต้องขึ้นไปพูด
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เวลาเขาอยู่กับกลุ่มคนที่เป็นครู เฉินเกอจะรู้สึกกดดันมา พูดคุยกันก็ไม่ใช่ระดับเดียวกัน ความรู้เยอะ ทำให้เฉินเกอรู้สึกบรรยากาศมันอึดอัด
เมื่อมีเวลาเหลือหนึ่งชั่วโมง เฉินเกอกำลังคิดอยู่ว่าตัวเองใช้หนึ่งชั่วโมงนี้ไปดูโรงเรียนปฐมเพื่อเด็กยากไร้ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานที่จัดงาน!
เพราะยังไงซะนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ตัวเองทำและมีความหมายมากๆ
เฉินเกอไม่ได้ขับรถไป แต่กลับเดินไปที่โรงเรียนปฐมเพื่อเด็กยากไร้เอง
สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ แค่ตอนที่เริ่มสร้างใหม่นั้นก็เสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ยังไม่ถึงสองเดือน ก็ถึงขั้นตอนของการปรับปรุงและตกแต่งแล้ว และสีเขียวของทั้งโรงเรียนก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ต้องพูดเลยว่า การลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างโรงเรียนประถมนั้น สภาพแวดล้อมมันจะดีแบบนี้นี่เอง
เขาเพิ่งจะถ่ายรูปได้สองรูป แล้วกำลังจะส่งไปให้พี่สาวของเขาดู
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพบรรยากาศในโรงเรียนไม่รู้เหรอ? มองไม่เห็นคำเตือนบนป้ายหรือยังไงกัน?”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา
จนทำให้เฉินเกอรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที
พอหันหน้ากลับไปมอง ก็เจอป้ายที่เขียนไว้ว่าห้ามถ่ายรูป
“ขอโทษทีครับ พอดีผมไม่ทันได้สังเกตนะครับ ผมจะลบออกเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
ถึงแม้เขาจะเป็นคนสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมา แต่เฉินเกอก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องมีสิทธิพิเศษอะไร
เขาจึงเตรียมให้ความร่วมมือและลบภาพที่เขาถ่ายไว้เมื่อสักครู่
“เออ? นายคือ......เฉินเกอ?”
ไม่คิดว่า หลังจากเฉินเกอหันหน้ามา ผู้หญิงใส่ชุดเครื่องแบบสีดำที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเขา และมัดผมหางม้าไว้ เธอจะรู้จักเขาด้วย?
“เฉินหลิน เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ?”
ข้างๆของผู้หญิงที่ชื่อเฉินหลิน ก็มีผู้หญิงสองคนและผู้ชายหนึ่งคนยืนอยู่ และถามเฉินหลินด้วยความประหลาดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...