“เฮ้ย! ล้อมมันไว้!”
สวีเว้ยโบกมือเป็นสัญญาณ จากนั้นบอดี้การ์ดนับสิบคนก็กระโจมกันเข้ามาล้อมรอบเฉินเกอ
ที่ด้านหลังเฉินเกอมีชายร่างกำยำอายุประมาณยี่สิปลายๆยืนอยู่ เขาสวมแว่นกันแดดสีดำ ยืนอยู่เงียบๆตั้งแต่ต้นจนจบ
ชายคนนั้นยืนจับไหล่ ใบหน้าครึ่งเสี้ยวมีรอยแผลน้ำร้อนลวก แค่เห็นก็สัมผัสได้ถึงความดุร้าย
เขาน่าจะเป็นบอร์ดาร์ดประจำตัวของสวีเว้ย
“เหอะ โลกนี้มันช่างแคบอะไรแบบนี้ คิดไม่ถึงละสิ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน เจอกันอีกแล้วนะ!”
เหลียวหงคล้องแขนสวีเว้ยเดินเข้ามา ดวงตาของเธอทั้งแค้นทั้งเป็นสีแดง ถ้าใช้สายตาฆ่าคนได้ คาดว่าป่านนี้เฉินเกอคงโดนเชือดเป็นล้านๆครั้ง
ใช่แล้ว ถ้าถามว่าเหลียวหงอยากสับใครเป็นชิ้นๆมากที่สุด แน่นอนว่าคนนั้นคือเฉินเกอ
ตั้งแต่เด็กจนโต เธอถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงม ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
อย่าพูดไปถึงเรื่องถูกตีเลย
แต่เธอถูกตีแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่ถูกไอ้บ้านี่ตีต่อหน้าฝูงชน แต่มันยังใช้สายไฟฟาดเธอ
เธออายเกินกว่าจะพูดถึงเหตุการณ์ที่ร้านอาหารฝรั่งวันนั้น ตัวเองแทบจะอั้นฉี่ไว้ไม่อยู่!
ทุกความอัปยศอดสูล้วนมาตกอยู่บนหัวเธอหมดแล้ว
ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะไอเฮงซวยนี่คนเดียว!
“มันหรอที่ฟาดเธอ? หึ ไอเด็กเปรต บังอาจมาทำร้ายผู้หญิงของสวีเว้ยอย่างฉัน วันนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้ซึ้งที่ผลลัพธ์ที่ต้องเจอ เฮ้ย จัดการตัดแขนขามันก่อน จากนั้นค่อยคิดบัญชียกครัว!”
สวีเวยพูดมาคำหนึ่ง
หลังผ่านไปเหตุการณ์นั้นไป สวีเว้ยก็ไปเที่ยวที่ประเทศMอยู่หลายวัน แต่เพราะได้ยินว่าแฟนตัวเองถูกตีตอนนั้นจึงรีบกลับมา
ใครก็ตามที่ถูกสวีเว้ยหมายหัว วิธีแก้แค้นแบบฉบับของเขาไม่ใช่ชกต่อยสองสามทีแล้วจบง่ายๆ
แต่จะต้องถูกเล่นงานทั้งโคตร
พูดง่ายๆก็คือครอบครัวของเฉินเกอก็จะต้องซวยไปด้วย
พูดๆอยู่ ก็มีบอดี้การ์ดสองคนพุ่งเข้ามาหวังจะจับไหล่ของเฉินเกอ
แต่ว่า ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงลมวูบนึ่งพัดผ่านข้างกาย
“อ้ะ!”
ก่อนจะพบว่าภายในเสี้ยววินาทีร่างของบอดี้การ์ดสองคนนั้นปลิวออกไปความเร็วเหมือนสายฟ้าฟาด
เป็นฝีมือของบอดี้การ์ดสองคนที่ชื่อบอดิการด์เทียนหลงตี้หูซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเฉินเกอ
พวกเขาลงมือเร็วมากจนเฉินเกอแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาขยับตัวตอนไหน
ส่วนลุงคังนะหรอ เพียงแค่ดูภาพตรงหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปดูกับเฉินเกอ
“น้องชาย นี่ศัตรูนายหรอ?”
เฉินเกอพยักหน้า “ใช่ครับ! เคยมีเรื่องกันนิดหน่อย แหะๆ!”
ตอนนี้เขาไม่กลัวสวีเว้ยกับเหลียวหงอีกต่อไปแล้ว
“งั้นก็ดี ในเมื่อเป็นศัตรูของคนขับรถคุณชายเฉิน ก็เท่ากับเป็นศัตรูของคุณชายเฉิน นั่นก็นับว่าเป็นศัตรูของพวกเราด้วยบอดิการด์เทียนหลงตี้หูยกให้พวกนายจัดการแล้วกัน!”
ลุงคังผงกศีรษะเป็นสัญญาณ จากนั้นยืนยิ้ม
ส่วนโต๋วโต๋วที่ยืนอยู่ข้างๆ มีท่าทางมั่นใจสุดๆ
“วุ้ว นานแล้วแฮะที่ไม่ได้เห็นสองพี่น้องบอดิการด์เทียนหลงตี้หูออกบู๊ จริงไหมคะคุณปู่?”
โต๋วโต๋วพูด
“เขาสองคนดูท่าทางจะเทพมากเลยนะครับ!”
ส่วนเฉินเกอที่ยืนดูทั้งสองคนโลดแล่นอยู่บนสนามประลอง ก็อดนับถือในใจไม่ได้
“ต้องเทพอยู่แล้วล่ะ! พวกเขาสองคนน่ะมีดีกรีเป็นถึงราชาทหารในสนามรบระดับโลกเชียว ยิ่งเทียนหลงนะ ได้ยินว่าสงครามแถบตะวันตกไม่มีสนามไหนที่เขาไม่เคยเข้าร่วม! ฮึ ไม่เคยเห็นมาก่อนล่ะสิ?”
โต๋วโต๋วพูดอย่างภูมิใจ
“ตระกูลเฉินมีบุญคุณกับพวกเขา หลังเกษียณจากสนามรบ สองพี่น้องก็เลยกลับมาตอบแทนบุญคุณ! แต่พวกเขาน่ะได้รับคำสั่งจากคุณท่าน จากคุณหนูใหญ่มาที่นี่เพื่อรับใช้คุณชายเฉินแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!”
ลุงคังที่ยืนอยู่ข้างๆก็อดเล่าต่อไม่ได้
เฉินเกอเบิกตาโตไม่รู้ตัว
ที่แท้เป็นราชาทหารศึกที่ครอบครัวส่งมาเพื่อรับใช้เขา
เดิมทีเขาคิดว่าหลี่เฟยหงกับไป๋หลางบอดี้การ์ดสองคนนั้นเก่งสุดๆแล้วซะอีก
คิดไม่ถึงว่าสองคนนี้เกินกว่าที่เขาจินตการได้ซะอีก
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร มากันกี่คน แต่สีหน้าของบอดิการด์เทียนหลงตี้หูก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทุกหมัดทุกขาเตะล้วนตรงเข้าจุดอันตรายอย่างแม่นยำ
นี่สินะที่เขาเรียกว่ากังฟูในหนึ่งวิ ผ่านไปเพียงพริบตาเดียว บอดี้การ์ดนับสิบคนก็ลงไปนอนกองกับพื้น
“อะไรกัน?”
สวีเว้ยและเหลียวหงที่ทำตัวผยองเมื่อสักครู่อึ้งไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...