“คนที่ห้องสมุดเยอะมาก ผมไม่อยากไป เลยอ่านที่ห้องสมุด!”
เฉินเกอตอบไปหนึ่งประโยค
“อ้อ อย่างนั้นต่อไปพวกเราสองคนก็รีบไปได้นะ ใครมาเช้า ก็จองที่ให้อีกคนก่อนดีไหม……”
“อืออือ ผมยังมีธุระ เดี๋ยวกลับมาคุยกัน!”
หลังจากเฉินเกอตอบข้อความเสร็จ ก็เอาโทรศัพท์วางไว้ข้างๆ
กำลังหลบฉินหยาอยู่แน่นอน ที่จริงแล้ว ตั้งแต่ที่ดีกับซูมู่หานแล้ว เฉินเกอก็จงใจรักษาระยะห่างกับผู้หญิง
ส่วนฉินหยา ยังไงครั้งนี้สอบเสร็จ เปิดเทอมอีกที สาขาของพวกเฉินเกออาจจอยู่ตอบข้อโต้แย้งของวิทยานพนธ์อีกสามเดือน
ส่วนสาขาของพวกฉินหยา น่าจะออกไปฝึกงาน
และก็คงไม่เจอกันอีก
ที่สำคัญคือสังคมของฉินหยา เฉินเกอคิดว่าตัวเองปรับเข้าไปไม่ได้
และก็ไม่คิดอะไรให้วุ่นวายซ้ำซ้อนแล้ว
จึงเป็นแบบนี้ ผ่านไปอีกสองวัน
ในสองวันนี้ แทบจะทั้งเช้าและบ่ายฉินหยาเอาแต่ถามหาเฉินเกอ บอกว่าจองที่นั่งดีๆให้เฉินเกอแล้ว รอเฉินเกอไปอ่านหนังสือ
เฉินเกอก็ข้ออ้างเลื่อนไป
ฉินหยาก็ยังอยากเลี้ยงข้าวเฉินเกอตลอด บอกว่าเป็นการขอบคุณ และยังรู้ว่าเฉินเกอกับพวกจ้าวถงถงอยู่ด้วยกันอึดอัด ดังนั้นมีครั้งหนึ่งก็เลยบอกว่ามีแค่ตัวเอง ให้เฉินเกอออกมา
เฉินเกอยังคงหาเหตุผลเลื่อนออกไป
จนวันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้าถัดมา สามวันติดผ่านไป ฉินหยาไม่ได้ชวนเฉินเกอคุยอีก
ก็เหมือนกับหายไปเลย
เฉินเกอก็ไม่คิดว่ามีอะไร ทุกวันนอกจากตัวเองจะเรียนและทบทวนบทเรียนแล้ว ก็คุยกับซูมู่หานเกี่ยวกับสถานการณ์ช่วงนี้ของเธอ
ทุกอย่างต่างปกติมาก
ช่วงบ่ายของวันนี้เอง เฉินเกอมาจากหลี่เจิ้นกั๋วกลับมาที่โรงเรียน ที่ร้านชานมหน้าประตูโรงเรียน เตรียมสั่งเครื่องดื่มกลับไปให้พวกหยางฮุย
“เฉินเกอ?”
ตอนนี้เอง เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็เรียกเขาไว้
หันไปมอง ก็เป็นจ้าวถงถง เธอก็มาซื้อชานมด้วย ในเวลานี้เห็นเฉินเกออยู่ ในขณะที่เธอไม่คาดคิดเล็กน้อย การแสดงออกบนใบหน้าก็ดูแย่มาก
เมื่อก่อนเธอเห็นเฉินเกอ ก็มักจะขำและเยาะเย้ยเฉินเกอสักนิด
ตอนนี้เห็นเฉินเกอ ก็ดูไม่ชอบหน่อยๆ
เฉินเกอก็ไม่แคร์ ตอนนี้ชานมเสร็จพอดี เฉินเกอพูดขำๆ:“บวกของสาวสวยคนนี้ด้วย ผมจ่ายรวมเลย!”
“โอเค!”
ผู้ชายที่ขายชานมยิ้มตอบไป
“ไม่ต้องๆ ใครให้คุณจ่ายเหรอ ต้องการให้คุณมายุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งด้วยเหรอไง!”
จ้าวถงถงจ้องมองเฉินเกออย่างดูถูก
“ผม……เพื่อนนักเรียนถงถง ผมทำไมเหรอ?”
เฉินเกอพูดอย่างสงสัย
“คุณทำอะไรไปไม่รู้ตัวเลยหรือไง?หึ คุณรู้ใช่ไหม คุณผิดนัดเสี่ยวหยามากี่ครั้งแล้ว?”
จ้าวถงถงขมวดคิ้ว พูดอย่างโกรธๆ
แค่กๆ
เฉินเกอก็คิดเรื่องนี้ได้
จ้าวถงถงพูดอีก:“คุณรู้ไหม ช่วงก่อนหน้านี้เสี่ยวหยา ตื่นเร็วกว่าเมื่อก่อนยี่สิบนาทีทุกวัน วิ่งไปจองที่ที่ห้องสมุด พวกเราถามเธอทำไมถึงตื่นเช้าขนาดนี้ เธอก็บอก ต่อไปเฉินเกอจะไปอ่านหนังสือกับพวกเรา แล้วไงล่ะ พอทุกวันหลังจากไปจองที่ คุณก็เอาแต่บอกว่ามีธุระมาไม่ได้!”
“อีกอย่าง บ่ายวันนั้น เสี่ยวหยาก็นัดกับคุณดีแล้ว อีกอย่างยังซื้อผลไม้ให้คุณด้วย บอกว่าคุยกับคุณแล้ว ตอนบ่ายไปห้องสมุดด้วยกัน สุดท้ายล่ะ คุณก็ไม่ไป!”
“ติดกันสองวันเลยนะพี่ชาย แล้วก็อย่าพูดถึงเรื่องที่เธอจะเลี้ยงคุณกินข้าวเลย เธอกลัวคุณจะไม่ชินที่ออกไปกิน ก็เลยสั่งข้าวให้คุณที่โรงอาหาร อยากเลี้ยงคุณกินข้าวเที่ยง และยังกลัวพวกเราจะเยาะเย้ยคุณ แม้แต่พวกเราเธอก็ไม่ให้ไป บัดซบ สุดท้ายคุณก็ยังผิดนัดเธอ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...