หยางฮุยรู้ดีว่าเฉินเกอเป็นคนซื่อสัตย์มาก
เขาจะมีนิสัยฟุ่มเฟือยได้อย่างไร
หลังจากรอให้คนออกไป แล้วโทรศัพท์โกหกพวกเพื่อนๆที่หอพักผู้แสนดี
ทุกคนไม่เข้าใจว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น?
หรือว่าพี่เฉินจะสามารถทำให้ทุกคนไปที่วิลล่าเวินฉวนได้?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
หลังจากได้ยินข้อสงสัยของหยางฮุย เฉินเกอก็ได้แต่ยิ้ม
ความหมายก็คือ เดี๋ยวพวกนายก็รู้เอง!
“คุณลูกค้าคะ ขอรบกวนสักครู่ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะยังรับอาหารที่สั่งไปไหมคะ หรือว่า..?”
ในขณะนี้พนักงานสาวสวยของร้านคนหนึ่งเดินเข้ามาหาและถามพวกเขาอย่างสุภาพ
แม้ว่าจะสุภาพ แต่เธอก็ไม่สามารถซ่อนความรู้สึกดูถูกเล็กๆน้อยๆไว้ในใจได้
เธอรู้ดีว่าวันนี้ใครเป็นคนเลี้ยง
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เธอเห็นว่ามีทายาทเศรษฐีสองคนได้แย่งกลุ่มหญิงสาวพวกนั้นไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันคนอื่นๆที่กำลังรับประทานอาหารในล็อบบี้มองไปที่พวกเฉินเกอและหยางฮุยด้วยรอยยิ้มมีความหมาย
นี่มันน่าอายพอๆกับการถูกแย่งแฟนในที่สาธารณะ
ดังนั้นพนักงานสาวสวยจึงเดินเข้ามาสอบถามพวกเขาว่ายังรับอาหารอยู่ไหม ถ้าไม่รับก็จะได้รีบไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
“ไม่ต้องแล้ว แค่แพ็คอาหารให้เราและเดี๋ยวพวกเราจะไปกินที่วิลล่าเวินฉวน!”
ทำไมเฉินเกอจะดูไม่ออกว่าพวกเธอกำลังมองพวกเขาด้วยสายตาดูแคลน
เมื่อเห็นหยางฮุยเป็นเสียแบบนี้ ใครจะมีกระจิตกระใจกินลง
ทว่าอาหารที่ทำมาใหม่ๆยังคงทิ้งไว้อยู่เต็มโต๊ะ มันก็น่าเสียดายจริงๆ
และพนักงานสาวรวมไปถึงคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็แทบจะหัวเราะเมื่อได้ยินเฉินเกอพูดประโยคแบบนั้นออกมาเมื่อกี้
“ไอ้หมอนี่คงไม่ใช่คนโง่ใช่ไหม?”
“คิดว่าตัวเองเป็นใคร? กินอาหารมื้อเดียวก็จะห่อกลับ ทั้งยังคิดจะเอาไปกินที่วิลล่าเวินฉวนอีกหรือ?”
“ไม่รู้หรือไงว่าที่วิลล่าเวินฉวนมีอาหาร และต้องจองโต๊ะกันทั้งนั้น? ฮ่าฮ่า..”
“คิดว่ากลุ่มสาวๆเมื่อกี้ที่พวกเขาเลี้ยงข้าวโดนคนอื่นฉกไปแล้วล่ะสิ ก็เลยอยู่ที่นี่ไม่มีตัวตน นักศึกษาสมัยนี้เพื่อที่จะได้หน้า ก็ไม่สนแม้กระทั่งความน่าอับอาย รู้จักแต่โอ้อวด!”
ผู้คนที่อยู่รอบๆเริ่มซุบซิบนินทา
หยางฮุยและเพื่อนๆอดไม่ได้ที่จะเกาหัวของเขา เขาก้มหน้าไม่กล้าพูด
พนักงานสาวกลอกตามองเฉินเกอ “อย่างนี้...คุณลูกค้าท่านไหนจะเป็นคนชำระค่าอาหารคะ?”
“ฉันเองๆ!”
หยางฮุยรีบพูด
อย่าดูถูกโต๊ะนี้เพราะมีราคามากกว่า 800 หยวน
เป็นค่าครองชีพของหยางฮุยกว่าครึ่งเดือน
เฉินเกอหยิบถุงพลาสติกสองสามถุงและบรรจุอาหารที่นั่น
สำหรับการเยาะเย้ยของผู้อื่น เขากลายเป็นคนหูหนวก!
“ฮูฮูฮู...”
ในขณะนี้มีเสียงรถหรูสามคันผ่านหน้าประตู
และหยุดอยู่ตรงหน้าร้าน
“ว้าว! รถสามคันนี้คือโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมนี่นา!”
“ให้ตายเถอะ ใครกัน สุดยอดจริงๆเลย! คันหนึ่งตั้งหลายสิบล้าน”
"มันไม่ใช่แค่รถที่เจ๋ง แต่ดูป้ายทะเบียนสิ!"
“รถทั้งสามคันนี้มีป้ายทะเบียนเป็นหมายเลขประจำเครื่องห้าหลักติดต่อกันสามตัวเลข 689”
แค่ตัวเลขเพียงอย่างเดียวก็มีค่าถึงหนึ่งหรือสองล้าน!
ในขณะนี้คนที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในล็อบบี้ทั้งหมดก็มองออกไป
แม้แต่พนักงานเสิร์ฟยังตกใจ
หากเจ้าของรถมาทานอาหารที่ร้าน แล้วเธอรีบออกไปต้อนรับข้างหน้าจะได้รับความเอ็นดูหรือไม่?
เธอรีบจัดแจงเสื้อผ้าตัวเอง จากนั้นก็สาวเท้าไปที่หน้าประตู
เพื่อดูว่าจะมาทานอาหารที่ร้านหรือไม่
มีคนสามคนลงจากรถแยกกัน
ทั้งสามคนนี้แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำเป็นทางการ สวมแว่นกันแดดและชุดหูฟังสีดำ
ดูเหมือนบอดี้การ์ดที่คอยคุ้มกันคนใหญ่คนโตในทีวี
ออร่าแข็งแกร่งและเคร่งขรึม
“คุณผู้ชายทั้งสามท่าน รบกวนขอถามหน่อยค่ะว่า...”
พนักงานสาวสวยรีบไปต้อนรับ
แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาทั้งสามก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง และเดินตรงไปตรงหน้าเฉินเกอที่กำลังเก็บของ
“คุณชายเฉิน!!!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...