บทที่ 209 เห็นแก่หน้าฉัน แล้วปล่อยพวกเธอไป
“อะไรนะ โดนทำร้ายหรอ”
“เห้ย หาเรื่องแล้ว”
ผู้ชายและผู้หญิงในห้องนั้นต่างก็ตกใจขึ้นในทันที
และแม้กระทั่งหลินตงเองก็ตกใจเหมือนกัน
แต่ว่าเขาดูไม่กลัวแต่อย่างใด เลยพูดขึ้นว่า “ตกใจอะไรกัน ไปดูสิ ตามฉันมา ฉันเองอยากจะรู้นัก ใครกล้าทำกับเพื่อนของฉันอย่างนี้”
จากนั้น เขาก็กวักมือเรียก ผู้ชายคนที่เหลืออยู่ให้เดินตามออกไป
และพวกเขาต่างก็ได้ถือเอาขวดเหล้าติดมือไปด้วย ดูท่าเหมือนจะก่อเหตุทะเลาะกันขึ้นแล้ว
ส่วนเฉินเกอ ถึงแม้จะรู้ว่าหวังเจียหยุนนั้นจะมีอารมณ์โกรธเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ
แต่ว่า ก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะโดนคนอื่นนั้นตีเอา
เมื่อเหตุมันได้เกิดขึ้นแล้ว หากตัวเองยังนั่งดื่มเหล้าต่อ แล้วไม่ออกไปดูหน่อยมันก็ไม่ดี จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินตามคนอื่น ๆ ออกไป
อีกอย่าง ในตอนนั้นหวังเจียหยุนเองโดนคนจำนวนมากล้อมไว้ในห้องเพลงขนาดใหญ่
และเขาเองก็นอนขดอยู่กับพื้น ที่หัวเต็มไปด้วยเลือด
เพราะ รปภ สิบกว่าคนเพิ่งจะตีเขาเสร็จ
และพี่หง ก็ยืนกอดอกดูหวังเจียหยุน แล้วพูดขึ้นว่า
“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน ฉันไว้หน้านายแล้ว นายกลับไม่เอา กล้าดียังไงมาดึงผมแม่มึง ฉันว่าแกคงไม่อยากมีชีวิตแล้วล่ะสิ แกรู้ไหมว่าที่นี่มันเป็นถิ่นของใคร เชื่อไหมว่าพี่ต้าเฟยจะตอนเจ้าทิ้งเสีย ชิบหาย”
เมื่อพี่หงด่าเสร็จ
และเมื่อได้ยินชื่อ พี่ต้าเฟย คนที่ยืนล้อมดูอยู่ข้าง ๆ สีหน้ากลับซีดเผือดไปตาม ๆ กัน
ในตอนนี้ก็รู้สึกสงสารหวังเจียหยุนที่นอนขดอยู่ที่พื้น
เมื่อครู่ หวังเจียหยุนยังตะโกนร้องเรียกพี่หง แล้วก็เดินเข้ามาในห้อง พยายามตื้อที่จะให้เธอไปดื่มเหล้ากับตัวเองให้ได้ ซึ่งพี่หงคนนั้นก็ไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย
ที่จริงแล้ว ลูกค้าใน KTV แห่งนี้ที่จะให้เธอร่วมวงดื่มเหล้าด้วยนั้นมีไม่มากจริง ๆ
แต่หวังเจียหยุนคนนี้ไม่เชื่อ วู่วามจนเกิดเรื่อง เพราะกล้ามากที่ดึงผมของเธอ และดูเหมือนว่าเธอไม่สั่งสอนหน่อยคงไม่ได้แล้ว
และสุดท้าย ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ
และคนที่อยู่ในห้องเพลงนี้ เมื่อเห็นมีคนเดินเข้ามาด้วยเจตนาไม่ดี แถมยังมาดึงผมของพี่หงคนนี้ด้วยแล้ว
เมื่อคนในห้องเพลงห้องเห็นนั้นดังนั้น จึงกวักมือโบกขึ้น ทันใด ผู้ชายร่างกำยำจำนวนเจ็ดแปดคนก็กระโจนเข้าไป
ยกกระบองขึ้น แค่พริบตาเดียวก็ทำเอาหวังเจียหยุนลงไปหมอบอยู่ที่พื้นแล้ว
ถือว่าเป็นการสั่งสอน
ประจวบเหมาะกับที่ผู้หญิงคนหนึ่งออกจากห้องน้ำมาเจอเข้าพอดี เธอจึงได้รีบวิ่งกลับไปบอกเพื่อนให้มาดู
“พี่สาวครับ ไอ้เด็กคนนี้เดี๋ยวให้ผมจัดการเอง ยังมีแขกโต๊ะนั้นที่ยังรอพี่อยู่นะครับ”
ข้าง ๆ ของพี่หง ในเวลานั้นมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่
มีใบหน้าที่ดุดันเหมือนกับอันธพาล แต่ดูจากลักษณะแล้ว เหมือนกับคนมีเงินไม่มีความกลัวต่ออะไร
“ฉันรู้จักคุณชายหลิว เดี๋ยวให้ฉันระบายอารมณ์สักหน่อยก่อนได้ไหม นายดูสิ เมื่อครู่มันยังดึงผมของฉันเลย”
พี่หงพูดขึ้น
“ฮ่า ๆ ไม่มีปัญหา ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็นำตัวมันเข้ามาในห้องเพลงของฉัน เมื่อครู่ที่ห้องประตูห้องเพลงของพวกเรา ยังมาตะโกนหาเรื่องพี่อยู่เลย ซึ่งเป็นการไม่ไว้หน้าหลิงลี้อย่างฉันจริง ๆ แม่ง วันนี้ฉันจะขอระบาย ๆ สักหน่อย ดูว่าไอ้เด็กคนนี้มันยังจะมีอะไรดี”
พอหลิงลี้ยกมือขึ้น แล้วก็มี รปภ หลายคนรับคำสั่ง จากนั้นก็นำหวังเจียหยุนลุกขึ้น แล้วลากเข้าไปในห้องเพลง
และเมื่อกำลังจะเข้าไปนั้น
“หยุดก่อน แฟร์หน่อยสิ วางเพื่อนฉันลง”
ในเวลานี้ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
ก็เห็นหลินตงที่มือข้างหนึ่งล้วงที่กระเป๋ากางเกง ที่กำลังนำคนจำนวนมากเดินเข้ามา
ด้วยอารมณ์ที่ห้าวหาญ ไม่เกรงกล้าผู้ใด
โครตจะเก่ง
“แม่ง เริ่มจะสนุกแล้วสิ ยังจะมีคนมาแก้แค้นด้วย ให้ฉันดูหน่อยว่าเป็นใคร ทำไมถึงได้เก่งกาจอย่างนี้”
และหลิงลี้เองก็มีท่าทีและสีหน้าที่ไม่ได้สนใจแล้วเดินเข้าประตูห้องเพลงไป แถมยังบอกให้ รปภ เปิดประตูออก ให้พวกเขาเข้ามาด้วย
หลินตงและคนอื่น ๆ ยังคิดว่าไอ้คนนั่นมันเริ่มกลัวตัวเอง จากนั้นก็เลยฮึกเหิมขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เมื่อฝูงคนเข้าไปในนั้นแล้ว
แต่ว่า เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างในห้องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหลินตง หรือแม้นกระทั่งคนที่ถือขวดเหล้าตามเข้าไปในภายหลัง ต่างก็เกิดความรู้สึกตกใจ
“คุณชายหลิว เป็นคุณหรอกหรือ พี่จาง หู่เย๋ ซื้อเย๋พวกคุณก็อยู่ที่นี่หรือ”
หลินตงตาค้างโต ความฮึกเหิมที่มี ทันใดก็มลายหายไป
และผู้หญิงที่เหลือนั้น ตอนแรกที่ว่าจะอาศัยความกล้าของหลินตงทำให้ตัวเองมีผลงานหน่อย แต่ตอนนี้เห็นหลินตงเหี่ยวลงแล้ว ต่างก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อดี
“ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายทุกคนก็ดื่มไปคนละขวด ต้องดื่มทุกคนเลยนะ แล้วเรื่องนี้ฉันถึงจะปล่อยผ่านไป”
จากนั้นหลิงลี้ก็มองไปยังผู้หญิงที่ดูมีอาการหวาดกลัว แล้วพูดขึ้น
“แต่ว่าฉันมีเงื่อนไข ดื่มเบียร์คงไม่ได้ ต้องใช้เหล้าขาวเท่านั้น ทุกคน ๆ ละขวด เมื่อดื่มหมด เรื่องก็จะจบลงเอง และยังมีพวกเธอ สาว ๆ ที่เดินเข้ามาด้วย”
“อะไรนะ เหล้าขาวหรอ”
หลินตงเองก็ตะลึงไป
“ทำไมล่ะ จะไม่ไว้หน้าหลิงลี้หน่อยหรอ”
สีหน้าของหลิงลี้พูดขึ้นด้วยความจริงจัง
เมื่อสิ้นเสียงพูดลง รปภ ก็ได้ยกลังเหล้าขาวเข้ามา
และหลินตงเองได้แต่กัดฟันเอาไว้ แล้วทำเป็นตัวอย่างให้แก่คนอื่น ๆ ได้ดู
บีบจมูกเอาไว้ ทำเหมือนกับดื่มน้ำเปล่า กระดกกลืนลงไปอย่างกับคนกระหายน้ำ
ผู้ชายคนอื่นต่างก็ได้ทำตามบ้าง ไม่ทันไร เหล้าขาวต่อคน คนละหนึ่งขวดก็หมดลงไป
“เป๊ะ ๆ ๆ!”
หลิงลี้ชื่นชมจนต้องปรบมือให้ ในขณะนั้นเขาก็มองไปยังเจียงหรานหรานและผู้หญิงคนอื่น ๆ “สาว ๆ พวกเธอเองก็ต้องดื่มนะ หากไม่ดื่มล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากประตูนี้ไป”
“สำหรับพวกแก ไสหัวออกไปได้แล้ว”
หลิงลี้ชี้ไปยังหลินตงและพูด
“คุณชายหลิว เธอเป็นแฟนของฉันเอง ให้ฉันดื่มแทนเธอได้ไหม ขอร้องล่ะ เห็นแก่หน้าฉันหน่อย”
ต่อให้จะโง่แค่ไหน ก็รู้ว่าหลิงลี้นั้นต้องการที่จะทำอะไร ในขณะที่หลินตงพูดนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างกุมที่หน้าท้อง
“เกรงว่าจะไม่ได้ แกอยู่ที่นี่ ไม่มีหน้าให้ฉันไว้หรอก อีกอย่างหากยังไม่ไสหัวไป แกเองก็จะกลับไปไม่ได้เหมือนกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้ชายทั้งหลายต่างก็รู้สึกกลัว และพากันหลบออกไป
และหลินตงเองได้แต่กัดฟัน และก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไป เพราะหลิงลี้นั้นก็เป็นคนโหดเหี้ยมคนหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ก้มหน้าแล้วเดินออกไปยังข้างนอก
สำหรับเจียงหรานหรานกับสวี่ซินและคนอื่น ๆ นั้น ตอนนี้ยังโดน รปภ ควบคุมตัวเอาไว้
และในขณะที่เจียงหรานหรานตกใจจนแทบจะร้องไห้ออกมานั้น
“คุณชายหลิวใช่ไหม เห็นแก่หน้าฉันเถอะ ปล่อยพวกเธอกลับไปเถอะ ……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...