บทที่252 เจอกันอีกแล้ว
เมื่อรอให้ลี่เสี้ยวพวกเขาเข้าไปด้านใน เฉินเกอกับสองแม่ลูกคู่นั้นก็ได้เริ่มต่อสู้กันแล้ว
ในขณะเดียวกันทั้งสามคนก็ตกใจ และรีบเข้าไปเกลี้ยกล่อมห้ามพวกเขาไม่ให้ต่อสู้
ค่อยยังดีที่ยังเกลี้ยกล่อมสำเร็จ
เพราะลี่เสี้ยวรู้ว่า ถ้าหากเฉินเกอใจร้อนขึ้นมาจริง ๆ ลงมือก็ค่อนข้างโหดเหี้ยมเช่นกัน
ดูสิ ใบหน้าของหญิงวัยกลางถูกตบจนบวมไปแล้วข้างหนึ่ง
ทั้งสองแม่ลูกตะโกนดุด่าจนถูกลี่เสี้ยวพวกเขาลากออกไป
โดยมีลี่เสี้ยวเป็นคนรับผิดชอบขับรถส่งพวกเขากลับไป
ส่วนซูถิงก็กังวลจนกระโดดเท้า สถานการณ์นี้มันอะไรกัน?
แต่เธอก็ขึ้นรถไปพร้อมกัน
ลี่เสี้ยวบอกว่า รอคืนนี้ไปทานข้าวที่เฉินเกอ แล้วทำความเข้าใจกับเขาหน่อยว่าทำไมถึงได้ต่อสู้กัน
เฉินเกอแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย นอกจากจะโดนตบเบาๆในตอนแรกเท่านั้น
ส่วนที่ว่าทำไมเฉินเกอถึงต้องหาเรื่องเพื่อระบายอารมณ์นั้น
ประการที่หนึ่ง ก็คือผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างที่จะน่ารำคาญและน่าตบมาก จนทำให้ตัวเองนั้นรนหาที่ตาย
ประการที่สองก็คือ สาวน้อยชาวจีนดี ๆคนหนึ่ง โดน**อันนั้นซะแล้ว ในใจของเฉินเกอก็ค่อนข้างรู้สึกอึดอัดมาก และก็โกรธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ดังนั้นทั้งหมดมารวมกัน คำพูดของเฉินเกอก็เลยรุนแรงเล็กน้อย จากนั้นก็เลยโต้ตอบกลับหลังจากที่โดนทุบตี
เพราะอย่างไงก็ไม่ใช่ญาติไม่ใช่สหาย และตอนนี้ตัวเองก็ไม่ใช่เด็กยากจนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ที่จะโดนผู้อื่นตบหน้าอย่างตามสบายน่ะหรอ?
เฉินเกอยืนอยู่ที่ล็อบบี้ และชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว สงสารอาหารและเครื่องที่เต็มโต๊ะนี้แล้ว
“เอ๊ะ?เฉินเกอทำไมคุณอยู่ที่นี่ล่ะ?บังเอิญจังเลย!”
เพิ่งชำระเงินเสร็จ เฉินเกอก็ได้ยินว่ามีคนเรียกตัวเองอยู่
พอหันศีรษะกลับมา เป็นสวี่ซินกับคุณแม่ของเธอและไม่รู้ว่ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่
“เฉินเกอ คุณก็มาทานข้าวเหมือนกันหรอ?”
สวี่ซินถาม
“ถือว่าใช่มั้ง!”เฉินเกอยิ้มอย่างลำบากใจ
“แล้วคุณทานแล้วหรือว่ายังไม่ทานล่ะ?”
“ถือว่าทานแล้วมั้ง!”
เฉินเกอกล่าว
“ฮ่า ๆ คุณพูดจาตลกจริง ๆ!”คำพูดตลกของเฉินเกอทำให้สวี่ซินตลกจนหัวเราะออกมา“งั้นพอดีเลย ถ้าหากคุณยังไม่ได้ทาน งั้นก็ทานพร้อมกับพวกเราเถอะ เมื่อกี้แม่ของฉันยังพูดอยู่เลย ว่าเมื่อไหร่จะได้พบคุณ จะเชิญคุณมาทานข้าวด้วยกันสักมื้อหนึ่ง ครั้งที่แล้วคุณยังเชิญฉันทานอาหารฝรั่งเศสเลย!”
“ใช่ไหมคะคุณแม่?”
สวี่ซินยิ้มและกล่าว
หลินเสี่ยวเฟิงมองไปที่เฉินเกอแล้วยิ้มและพยักหน้า:“ใช่แล้ว เพราะยังไงวันนี้คนที่แม่เชิญมาทานข้าวก็เป็นวัยรุ่นอย่างพวกคุณ เฉินเกอถ้าคุณไม่มีธุระอะไร ก็มาด้วยกันเถอะ……”
ก่อนหน้านี้หลินเสี่ยวเฟิงได้ยินถังหรานพูดอย่างนั้น
ก็รู้สึกเช่นกันว่าเฉินเกอเป็นคนยากจนคนหนึ่ง
ในตอนแรกคิดว่าไม่อยากให้ลูกสาวอยู่กับเขา
แต่สุดท้ายแล้ว เฉินเกอเขาถอนเงินสดจำนวน600,000หยวนจากธนาคารของเขาในครั้งเดียว
และหักหน้าของพวกเธออย่างจังเลย
หลินเสี่ยวเฟิงยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เพราะเธอมองออกว่า เฉินเกอเป็นคนที่สงบใจเย็น และเผชิญต่อคำเยาะเย้ยก็ยังคงความสงบอยู่ ดูแล้วไม่เหมือนคนธรรมดาเลย
ดังนั้นภายใต้การพิจารณาอย่างรอบด้าน ในใจของเธอจึงมีความอยากจะเป็นมิตรต่อเขา
เลยอยากให้สวี่ซินนัดเขาออกมาทานอาหารสักหนึ่งมื้อ
ในตอนเที่ยงของวันนี้ หลินเสี่ยวเฟิงอุตส่าห์ติดต่อได้กับความสัมพันธ์ที่ไม่ง่ายเลยความสัมพันธ์หนึ่ง ซึ่งเป็นหลานคนหนึ่งของเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิง สมัยตอนเรียนอยู่ชั้นอนุบาล บ้านของหลานเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก และเพื่อที่จะดึงลูกค้าคนนี้ได้
หลินเสี่ยวเฟิงก็ได้จัดโต๊ะโต๊ะหนึ่ง แม้ว่าพ่อของเขาไม่มีเวลาว่าง แต่ว่าชายหนุ่มที่ร่ำรวยคนนี้ว่างนิ และเธอก็คิดในใจว่าคนวัยรุ่นอยู่พูดคุยด้วยกันจะยิ่งมีความกระตือรือร้นมาก ก็เลยเรียกให้สวี่ซินมาด้วยกัน
และมาพบเจอกับเฉินเกออีก ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก!
ส่วนเหตุและผล ฮึๆ นั่นเป็นเพราะว่าก่อนสิ้นปีของปีนี้ ผู้อำนวยการก็จะเกษียณแล้ว และจะเลือกหนึ่งในรองผู้อำนวยการสองคนขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแทน
เธอกับถังหรานเลยกลายเป็นคู่แข่งกัน
“คุณดูสิคุณแม่ของฉันก็เรียกคุณแล้วนะ ไปเถอะ พวกเราไปทานข้าวด้วยกัน!”สวี่ซินกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...