“เฉินเกอนายเสแสร้งอะไรกัน?” หยางเสว่พูดด้วยความดูถูก
แต่ว่า หลังจากที่พนักงานจางหรูเห็นเฉินเกอล้วงบัตรสีดำทองออกมาเช่นนั้น นิ่งไปครู่หนึ่ง
บัตรระดับลูกค้าพรีเมียมที่ใช้ในร้านแบรนด์เนมได้ทั่วโลกมีเพียงครอบครัวใหญ่เท่านั้นที่มีในครอบครอง
ไม่มีอะไรสงสัย ผู้ที่มีในครอบครองจริงเป็นคนร่ำรวยที่แท้จริง!
ส่วนหวังเสี่ยวเฟยที่อยู่ข้างๆ หยิบเครื่องรูดบัตรมาแล้ว
เฉินเกอกดรหัสบัตรที่เป็นวันเกิดตัวเอง แสดงว่าบัตรรูดสำเร็จ จริงๆ
เสร็จสิ้นการทำธุรกรรม!
“ตึ้ง!”
ทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างก็ตกตะลึงกันหมด
“ให้ตายเถอะ แอร์เมสราคา3แสน6หมื่นเลยนะ! ร่ำรวยเหลือเกิน!”
“หรือว่าคนๆนี้จะเป็นทายาทเศรษฐีที่ซ่อนตัวไว้?”
สายตาของผู้หญิงหนึ่งกลุ่มที่มองไปยังเฉินเกอเต็มไปด้วยความร้อนแรงเล็กน้อย
ลู่หยางเบิกตากว้างยิ่งพูดอะไรไม่ออก
คนจนนี้ ทำไมถึงมีเงินขนาดนี้? เขารู้สึกว่าเจ็บที่ใบหน้าของตัวเองนิดหน่อย
เมื่อครู่นี้ตัวเองยังโชว์ความรู้ของสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายแบบที่อยู่ในนี้
ดูท่าแล้วตอนนี้ ก็เหมือนกับตัวตลก!
สีหน้าที่แสดงความตื่นเต้นมากที่สุดก็ยังเทียบไม่ได้กับหยางเสว่ในตอนนี้แล้ว
“นาย......นาย...... เฉินเกอ บัตรนี้นายเอามาจากไหน?”
กระเป๋าใบละ3แสน6หมื่นเลยนะ จะซื้อก็ซื้อเลย และเฉินเกอยังมีบัตรช๊อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมทั่วโลกระดับพรีเมียม แค่บัตรนี้ ก็มีมูลค่าที่มากแล้ว!!!
ถ้าหากกระเป๋านี้ซื้อให้ตัวเอง
นาทีนี้ ก็จะทำให้ทุกคนมองมาด้วยสายตาที่เคารพไม่ใช่เหรอ
เฉินเกอมองไปที่หยางเสว่หนึ่งครั้ง เขาขี้เกียจตอบ
แต่รู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย คิดในใจว่า: พี่สาวก็เกินไป ให้บัตรช๊อปปิ้งมาทั้งที ให้มาจำกัดวงเงินขั้นต่ำ3แสน!
“คุณผู้ชายที่เคารพ ฉันเอาไปห่อให้ท่านก่อน ! ขอให้ท่านนั่งรอสักครึ่งชั่วโมง!”
นี่เป็นสินค้าแบนรด์เนม การห่อก็จะต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ
และเมื่อเฉินเกอมองดูนักศึกษาชายหญิงกลุ่มหนึ่งมองมาที่ตัวเองด้วยความตกตะลึง รู้สึกเขินอายมาก
จึงพูดไปว่าไม่เป็นไร แล้วหยิบกระเป๋าเดินออกไปเลย!
“รอก่อน! นายหยุดเลยนะ!”
ลู่หยางที่มีสีหน้าดูไม่ดีทันใดนั้นเดินไปดักหน้าเฉินเกอเอาไว้
“นายมีธุระอะไร?” เฉินเกอพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ลู่หยางยิ้มฮึๆขึ้นมา ชี้ไปยังบัตรสีดำทองที่อยู่ในมือ เฉินเกอ: “ผมสงสัยว่าบัตรสีดำทองของนายนี้ขโมยมา ปัจจุบัน การขโมยรหัสผ่านของคนอื่นไม่ใช่เรื่องยากแล้ว!”
พูดจบก็มองที่จางหรูที่ยืนอยู่ข้างๆ: “พี่จางหรู ผมแนะนำให้คุณติดต่อไปที่ผู้บังคับบัญชาของพวกคุณ เมื่อเรื่องแบบนี้ถูกเปิดเผยออกไป จะส่งผลกระทบที่รุนแรงกับชื่อเสียงของทางร้านนะ!”
หยางเสว่ก็ได้สติกลับคืนมา: “ถูกต้องพี่จางหรู คนจนขนาดนี้จะมีปัญญาซื้อกระเป๋าที่แพงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ทั้งยังมีบัตรระดับพรีเมียมแบบนี้อีก!”
หยางเสว่ไม่อยากยอมรับความจริงนี้เลยจริงๆ
เมื่อจางหรูได้ฟัง เหมือนจะสมเหตุสมผลนะ
ทันใดนั้น เธอก็หันไปบอกกับเฉินเกอว่า “นายรออยู่ตรงนี้สักครู่ ผู้จัดการของพวกเราใกล้จะมาถึงแล้ว!”
เมื่อพูดจบก็เหมือนกับป้องกันโจร กั้นเส้นทางเดินออกของเฉินเกอเอาไว้!
เฉินเกอคาดไม่ถึงว่าตัวเองมาซื้อกระเป๋าหนึ่งใบก็สามารถทำให้เกิดความวุ่นวายมากมายขนาดนี้ขึ้นมาได้
ดูท่าแบบนี้แล้ว แม้อยากจะออกไปก็ไม่สามารถออกไปได้
ทำได้เพียงรอผู้จัดการของพวกเขาอย่างเงียบๆ
ไม่นานนัก ผู้หญิงสวมชุดฟอร์มอายุ30กว่า หน้าตาสวยงาม บุคลิกท่าทางสง่างามมากเดินเข้ามา
จางหรูรีบเล่าเรื่องที่สงสัยว่าเฉินเกอเป็นคนขโมยบัตรให้ผู้จัดการฟัง
ผู้จัดการมองดูเฉินเกอแวบหนึ่ง จากนั้นยิ้มแบบมืออาชีพ : “คุณคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ พวกเราขอตรวจสอบบัตรใบนี้ของคุณได้ไหมคะ?”
เธอให้ความเคารพอย่างมาก ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ผู้จัดการคนนี้ก็ไม่ใช้แววตาที่มีความคิดส่วนตัวในการมองคนอื่น
เฉินเกอลำบากใจมาก จึงทำได้เพียงยื่นบัตรสีดำทองให้เธอ
เห็นผู้จัดการหญิงหยิบเครื่องสำหรับอ่านบัตรโดยเฉพาะออกมา
จากนั้นวางบัตรไว้ข้างในด้วยความชำนาญการ
“คุณคะนามสกุลอะไรคะ? ขอบัตรประชาชนด้วยได้ไหมคะ”
ผู้จัดการหญิงถาม
“ผมชื่อเฉินเกอพี่สาวของผมชื่อเฉินเสี่ยว!”
แม้ว่ารหัสบัตรจะเป็นวันเกิดของตัวเอง แต่เฉินเกอไม่แน่ใจว่าใช้ชื่อพี่สาวในการทำบัตรหรือเปล่า ทันใดนั้น หยิบบัตรประชาชนของตัวเองออกมาให้เธอด้วย
จางหรูตอนนี้ก็หันไปที่เฉินเกอยิ้มแล้วโค้งคำนับเล็กน้อย “คุณเฉินขอโทษค่ะ!”
เธอเสียใจแทบแย่ อันที่จริงคนนี้เป็นลูกค้าของเขา!
เฉินเกอทำเหมือนไม่ได้ยิน หันไปยิ้มกับหวังเสี่ยวเฟยแล้วพูดว่า: “พี่ วันนี้รบกวนเธอแล้ว แต่ว่าไม่ต้องห่อนะ ผมยังมีธุระอีก ลาก่อน!”
การเผชิญหน้ากับการถูกสายตาร้อนแรงของนักศึกษาผู้หญิงทั้งหมดที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุมองมาที่ตัวเอง เฉินเกอเดินลงไปด้วยความรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก
นี้เป็นครั้งแรกที่เขาใช้เงินอย่างบ้าคลั่ง
ที่จริงไม่สอดคล้องกับนิสัยของเขาเลย โดดเด่นด้วยความหรูหรา คิดว่าก็มีเพียงพี่สาวเท่านั้นที่ทำได้
เฉินเกอเขา หวังเพียงตัวเองสามารถเป็นคนธรรมดาที่ไม่ต้องกังวลเพราะเงินก็พอแล้ว!
เดินออกจากร้าน โทรศัพท์ของเฉินเกอก็ดังขึ้น ครั้งนี้หม่าเสี่ยวหนานโทรมา
เมื่อรับสายขึ้นมาก็ได้ยินเสียงรีบร้อนของหม่าเสี่ยวหนาน: “เฉินเกอรีบมาสิ ฉันจะบอกนายนะ ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองนายอย่างไร อย่างไรก็ตามนายเป็นเพื่อนสนิทของฉัน วันเกิดของฉัน นายจะต้องมา! คนในหอพักของนายก็มาหมดแล้ว!”
เฉินเกอยิ้มพยักหน้า: “ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”
“ใช่แล้วใช่แล้ว แต่งกายดูดีหน่อยนะ วันนี้ฉันจะแนะนำสาวคนหนึ่งให้นายรู้จักสักหน่อย!”
หม่าเสี่ยวหนานย้ำเฉินเกอหนึ่งประโยค
เฉินเกอตอบกลับด้วยความลำบากใจ กระเป๋าห้ามถือไปแบบนี้ เฉินเกอไปซื้อถุงพลาสติกขนาดใหญ่สีแดงราคา2เหมา ในตลาดที่อยู่ข้างๆเพื่อใส่กระเป๋าเข้าไป
รีบนั่งรถแท็กซี่ไปที่ภัตตาคารหรูยี่
ตอนนี้ ในห้องอาหารของภัตตาคารหรูยี่
หม่าเสี่ยวหนานวางโทรศัพท์ ยิ้มและพูดกับผู้หญิงผมยาวที่ถือได้ว่าเป็นระดับเทพธิดาที่นั่งอยู่ข้างเธอว่า: “ยีฟาน เฉินเกอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน นิสัยดีมาก และตั้งใจเรียนมาก เดี๋ยวเขามาถึง พวกเธอรู้จักกันสักหน่อย!”
จ้าวยีฟานใส่หูฟัง ยกขาขนาดเล็กที่ขาวผ่องขึ้นมา แกว่งไปมา
สดใสสวยงามมาก
“โอเค!”
จ้าวยีฟานกับหม่าเสี่ยวหนานรู้จักกันตั้งแต่เด็ก และเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ไม่ได้เรียนคณะเดียวกัน
วันนี้ฉลองวันเกิดของหม่าเสี่ยวหนาน หม่าเสี่ยวหนานก็ชวนเพื่อนในหอพักของจ้าวยีฟาน แล้วก็เพื่อนในหอพักของเฉินเกอมาร่วมด้วยกันทั้งหมด
คล้ายกับการเชื่อมความสัมพันธ์ในหอพัก!
ในขณะเดียวกันหม่าเสี่ยวหนานรู้ว่า ช่วงนี้ จ้าวยีฟานเทพธิดาที่อยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่มัธยมปลาย กำลังจะหาแฟนหนึ่งคน
จ้าวยีฟานดื่มน้ำผลไม้อย่างสง่า ทันใดนั้น
ห้องอาหารถูกเปิดออก......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...