เฉินเกอหันกลับไปมอง เป็นซูมู่หาน
“เธอก็มาฝึกขับรถเหรอ?”
เฉินเกอยิ้ม
“อืมๆ พรุ่งนี้ฉันต้องไปสอนวิชาที่สอง จริงสิ พรุ่งนี้แกสอนวิชาที่สามใช่ไหม?”เพราะครั้งที่แล้วซูมู่หานมีเรื่องนั้นเกิดขึ้น ยังไม่ทันสอบวิชาที่สองก็วิ่งออกมาซะก่อน
แน่นอนว่าก็ต้องสอบใหม่
เฉินเกอพยักหน้า
“งั้นดีเลย พรุ่งนี้ไว้พวกเราไปด้วยกัน หวังว่าพวกเราจะสอบผ่านทั้งคู่!”
“ไม่มีปัญหา!ไปกันเถอะ ไปสนามฝึกซ้อมด้วยกัน!”
พออยู่ต่อหน้าซูมู่หาน เฉินเกอก็รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง
ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ที่มีสีหน้าอึดอัดและตื่นเต้น
ถ้าบอกว่าต้องเจอกับงานใหญ่ คนใหญ่คนโตจะต้องมีประโยชน์แน่
ประสบการณ์ของแต่ละคนจะต้องมีประโยชน์มากแน่
หลังจากฝึกขับรถมาได้ครึ่งวัน พอถึงวันที่สอง ทั้งสองต่างก็เข้าไปสอบในห้องสอบของตัวเอง
เฉินเกอสอบได้อย่างราบรื่น เรื่องทักษะครั้งเดียวผ่าน ข้อเขียนเองก็ผ่านในครั้งเดียว
แค่สองวันก็จะได้ใบขับขี่แล้ว
ได้นัดกับซูมู่หานไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจะมาเจอกันอีกทีที่หน้าทางเข้าของสนามสอบ จากนั้นก็ไปกินข้าวเที่ยวด้วยกัน
เฉินเกอต้องสอบสองวิชา แน่นอนจึงช้ากว่าซูมู่หาน
ตอนที่เฉินเกอออกมา แน่นอนก็เห็นซูมู่หานรออยู่ข้างนอกแล้ว
เพียงแต่ว่า คนที่ยืนด้วยกันกับซูมู่หาน ยังมีชายหญิงวัยรุ่นหนึ่งคู่ กำลังพูดคุยกับซูมู่หาน
เฉินเกอเดินเข้าไปหาช้าๆ ทั้งสามพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ได้สังเกตเห็นเฉินเกอแม้แต่น้อย
“มู่หาน พูดถึงเราสองคนนอกจากจะได้เจอกันในวันร่วมญาติแล้ว ปกติพวกเราไม่ค่อยจะได้เจอหน้ากันเลยเน้อ ทำไม เธอถึงมาที่นี่ตัวเดียว?”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าแม้จะกำลังยิ้มอยู่ แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่มีอะไรแอบแฝง คำพูด ยังแฝงน้ำเสียงที่ถากถางอยู่ด้วย
“ใช่แล้วซูหยิ่งปกติพวกเราก็ไม่ค่อยจะติดต่อกันจริงๆ แต่ฉันนับถือเธอจริงๆ ทำไม นี่เธอเปลี่ยนแฟนใหม่อีกแล้วเหรอ?”
ซูมู่หานพูดคุยกับเธอ น้ำเสียงเองก็มีความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ราวกับว่าทั้งสองเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติก่อน พอเจอหน้ากัน ต่างก็มองด้วยความโกรธแค้น!
ทั้งสองโจมตีกันทางสายตา!
และประโยคนี้ ก็ทำให้หนุ่มหล่อที่อยู่ข้างๆซูหยิ่งเริ่มมีสีหน้าที่รู้สึกร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย
“มู่หาน ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เกิดก่อนเธอหลายเดือน ถ้านับจะความอาวุธโส เธอควรจะเรียกฉันว่าพี่ เวลาเธอพูด ทำไมถึงไม่มีความเคารพกันเลย?”
ซูหยิ่งพยายามสงบสติอารมณ์
ถูกแล้ว ทั้งสองต่างก็เป็นคนของบ้านซู พ่อของซูหยิ่งก็คือลุงแท้ๆของซูมู่หาน
บวกกับซูฉี ทั้งสามต่างก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
เพียงแต่ว่า วัยเดียวกันก็มีข้อดีของมัน แน่นอนว่าก็ต้องมีข้อเสียของวัยเดียวกันอยู่ด้วย
ตั้งแต่เล็กจนโต เพราะว่าซูหยิ่งและซูมู่หานเรียนห้องเดียวกันมาโดยตลอด
เพราะงั้น หญิงสาวทั้งสาวจึงมักจะแข่งขันกันอยู่เสมอ
แข่งกันตั้งแต่ยังเล็ก
ซูมู่หานไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน หรือแม้แต่การมีมนุษย์สัมพันธ์ มักจะอยู่เหนือซูหยิ่งอยู่ตลอด
ปกติเวลานัดรวมญาติกัน
พวกผู้ใหญ่มักจะพูดประโยคนี้ว่า เสี่ยวหยิ่ง เธอเองก็หักเรียนรู้เหมือนกับน้องสาวเธอบ้างนะ!
นี่แทบจะเป็นสิ่งที่ตามหลอกหลอนซูหยิ่งในวัยเด็ก
เพราะงั้น ซูหยิ่งกับซูมู่หานจึงเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่เด็ก แถมยังชอบแข่งขันกัน
ตอนนี้ถึงแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ว่า สิ่งที่ถูกเอามาเปรียบเทียบในวัยเด็กยังคงเหลืออยู่
ดังนั้นเวลาพูด จึงเปลี่ยนไปเช่นกัน!
“ฮ่าๆ ฉันรู้ดี มู่หานตั้งแต่เด็กเธอก็มักจะทำตัวสูงส่ง แถมยังมีรสนิยมที่สูง แต่แล้วยังไง จนถึงตอนนี้ ยังหาแฟนไม่ได้แม้แต่คนเดียว เธอจะรู้ไหมว่าเวลาถูกผู้ชายเอาใจ มันเป็นความรู้สึกยังไง?”
ซูหยิ่งกอดแขนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้แต่มาสอบใบขับขี่ ยังต้องมาด้วยตัวคนเดียว ไม่เหมือนกับเจี่ยนหนานของฉันเลย ห่างจากฉันไม่ได้แม้แต่น้อย ต้องมาอยู่ข้างๆเสมอ!”
หลี่เจี่ยนหนานยิ้มเฮ้เฮ้ แล้วก็โอบเอวของซูหยิ่งเบาๆ
ช่วยแฟนของตัวเองต่อกรกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ ไม่ว่าถ้าเกิดซูหยิ่งอารมณ์ดี อาจจะยอมมอบร่างกายให้กับตัวเองก็ได้!
ส่วนซูมู่หานที่ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกรับไม่ค่อยได้
หลายปีมานี้ เธอโสดมาด้วยตลอด ใครใช้ให้เวลามีคนมาจีบเธอ แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ
แต่นึกไม่ถึงว่า วันนี้มาสอบใบขับขี่ กลับต้องมาเจอกับลูกพี่ลูกน้องซูหยิ่งของตัวเองที่มาสอบเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...