คนที่ลุกขึ้นมา คือสวีเสีย
เวลานี้ในใจเธอซับซ้อนมาก
เธอรู้แค่ว่าเฉินเกอเป็นพี่น้องที่ดีของหยางฮุย
แต่ว่า เธอคิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจริงๆแล้วจะลึกลับซับซ้อนมากขนาดนี้ หรือพูดอีกแบบหนึ่งคือหลอกลวงพวกเธอมานานขนาดนี้
ดังนั้น เธอจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องพูดเรื่องหนึ่งที่ตัวเองรู้ออกมา
และเรื่องนี้ หยางฮุยก็เป็นคนบอกเธอเอง
"มีผู้หญิงคนหนึ่งซื้อเสื้อผ้าให้เฉินเกอ และใช้เงินไปหลายแสน ชุดที่ฉันสวมในวันนี้ ก็เป็นผู้หญิงคนนั้นมอบให้เฉินเกอ แล้วเฉินเกอก็มอบให้หยางฮุย!"
"สวีเสียคุณพูดอะไรน่ะ!"
หยางฮุยรีบร้อนเล็กน้อย
พูดตามตรง เมื่อก่อนมีครั้งหนึ่งที่หยางฮุยเคยอำสวีเสียเรื่องดังกล่าว
บอกว่าพี่น้องของฉันเฉินเกอที่จริงแล้วมีผู้หญิงเปย์ อยากได้อะไรก็ซื้อให้ โดยไม่กะพริบตาเลยด้วยซ้ำ เหอะๆ หรือว่าเฉินเกอจะถูกเลี้ยงดู ฉันก็อยากถูกเลี้ยงดูเหมือนกัน
นายกล้าเหรอ ถ้าหากว่ามีผู้หญิงปฏิบัติต่อนายดีขนาดนั้น ฉันจะตอนนายซะ!
ตอนนั้นสวีเสียดุด่าด้วยความโกรธ
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องล้อเล่น ไม่มีใครจริงจัง
แต่ตอนนี้ล่ะ เมื่อรวบรวมเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา รวมกับตอนนี้ที่หลินเจียวได้เห็นบางอย่างด้วยตาตัวเอง สวีเสียจึงเชื่อจริงๆแล้วว่า
เฉินเกอถูกเลี้ยงดู!
หยางฮุยที่ยังกลัวว่าเฉินเกอจะกลายเป็นเป้าสาธารณะ จึงรีบห้ามสวีเสีย ไม่ให้พูดจาไร้สาระ!
“หึ ๆ ยีฟาน ฉันไม่ได้โกหกคุณสินะ ใช้เงินเหมือนโคลนตั้งหลายแสน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเฉินเกอยังเคยรูดซื้อกระเป๋าใบละ 360,000 มาก่อน ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนให้เขาอีก!”
“แล้วนี่เฉินเกอใช้เงินพวกนี้ไปทำอะไรล่ะ? นั่นก็คือคิดจะตกคุณจ้าวยีฟานเขาอยากให้คุณเทพธิดายีฟานตามจีบเขา! สุดท้ายก็ให้คุณมอบตัวเองออกไปให้เขาด้วยความเต็มใจ!”
หลินเจียวพูดเสียงเย็น
หากว่าไม่ใช่เพราะวันนั้นได้เห็นเจิ้งยวี่ปฏิบัติดีต่อเขาขนาดนั้นด้วยตาตัวเอง แล้วยังปกป้องดูแลกันขนาดนั้น แล้วพูดว่าเฉินเกอถูกเลี้ยงดู หลินเจียวก็คงไม่เชื่อเช่นกัน
แต่ตอนนี้ เธอเชื่อแล้ว!
เฉินเกอเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วจริงๆ
"อะไรนะ!"
จ้าวยีฟานถูกคำพูดเหล่านี้ทำให้ตกใจจนหน้าซีด
สาวๆคนอื่นก็ตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน
"เฮ้ย ปรากฏว่าเฉินเกอลับหลังยังติดต่อกับสาวๆมากมายขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ รู้แค่ว่าเขาเป็นคนใสซื่อมากและเรียบร้อยมาก!"
“ใช่ แต่พอคิดดูพวกเราก็โง่จริงๆ ถ้าเฉินเกอเป็นเศรษฐีรุ่นสองจริงๆ เขาจะยังเป็นแบบตอนนี้ได้เหรอ? เขาอยากจะได้ผู้หญิงแบบไหนแล้วไม่ได้บ้าง?”
“อืมๆ ถ้าหากว่าเป็นแมงดา ทุกอย่างก็พูดได้ว่าสมเหตุสมผลแล้ว นี่คือสไตล์ของเฉินเกอที่ถูกคนอื่นเลี้ยงดู ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาไร้เดียงสาและน่าสงสาร จริงๆแล้วข้างใจ เน่าเฟะมาก ถุย ไอ้ขยะ!”
สายตาของสาวๆกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนไปทันที
หึหึ
เฉินเกอหัวเราะขมขื่นอยู่ในใจครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาแปลกใจมาก
แปลกใจในสองจุด
หนึ่งคือเขาก็คิดไม่ถึงว่าทำไมตัวเองถึงทำให้หลินเจียวและพวกจ้าวยีฟานกังวลขนาดนี้ และหลินเจียวยังตรวจสอบตัวเองไปทั่ว
ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะตัวเองเป็นคนหนึ่งที่ถูกพวกเธอดูถูก แต่กลับเป็นคนที่ร่ำรวยในชั่วข้ามคืน จึงทำให้พวกเธอยากจะยอมรับ
อย่างที่สองคือ เฉินเกอรู้สึกแปลกใจมากจริงๆกับความสามารถในการใช้เหตุผลของหลินเจียว
เรื่องราวบางอย่างที่เรียบง่ายมากๆ ล้วนถูกหลินเจียวโยงเอามารวมกันได้
เฉินเกอจึงคิดที่จะอธิบายสักหน่อย
เจิ้งยวี่เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งของวิลล่า และหลินยียี ก็เป็นลูกสาวของลูกน้องตัวเองเช่นกัน ส่วนคนที่ซื้อกระเป๋าให้ตัวเองด้วยบัตรวีไอพี นั่นก็เป็นพี่สาวแท้ๆของตัวเอง
แต่ว่า เมื่อคำอธิบายเหล่านี้ออกมา
หลินเจียวจะต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน
แถมยังดูถูก แม้กระทั่งพี่สาวของตัวเองก็ถูกดูถูก
ถ้าหากว่ามีใครกล้ามาพูดจาดูถูกพี่สาวของตัวเอง เฉินเกอแน่นอนว่าทนไม่ไหวแล้ว
แต่นี่เป็นปาร์ตี้วันเกิดของแฟนสาวของพี่น้องที่ดีของตัวเองอย่างหยางฮุย ตัวเองจะพูดอะไรทำอะไรก็ไม่ดี!
ดังนั้นตอนนี้เฉินเกอจึงสับสนมาก
คิดๆแล้ว ก็ช่างมันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ ใบขับขี่ของตัวเองก็จะมาแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างก็คงจะหมดปัญหาแล้ว!
เพราะเฉินเกอตัดสินใจแล้วว่า จะหงายไพ่!
"ทุกคนคิดยังไงกับผมเฉินเกอ ทุกคนจะคิดอย่างนั้นเลย ไม่ว่ายังไงผมเฉินเกอก็ไม่มีผิดอะไร!"
เฉินเกอเพียงแค่ตอบกลับประโยคหนึ่งเบาๆ
แต่ประโยคนี้ ในสายตาของทุกคนคือการยอมรับ
“ตึง!”
จ้าวยีฟานเตะเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหลังด้วยความโกรธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...