“คุณชายหลี่รีบดูนั่นสิ ไอ้คนกระจอกที่คุณบอก เดินตรงไปที่รถลัมโบร์กีนี นู่นแล้ว!”
“เหอะๆ ลัมโบร์กีนี รถหรูโด่งดังขนาดนั้น คนกระจอกอย่างเขาต้องเข้าไปดูอยู่แล้ว ไม่แน่นะ เขาอาจจะถ่ายรูปลงโพสต์ในเฟสบุ๊คก็ได้ บอกคนอื่นว่าตัวเองเท่ห์ขนาดไหน คนแบบนี้มีเยอะแยะไป!”
พวกผู้หญิงต่างพากันดูถูก
“คงงั้นแหละ คนแบบนี้ ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง!”
หลี่เจี้ยนฝืนยิ้มอย่างขมขื่น
“จริงสิคุณชายหลี่ คุณทราบรึเปล่าว่ารถคันนี้เป็นของใครกันแน่!”
“ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ชิ้นส่วนและการตกแต่งของรถคันนี้ ผมเข้าใจดี ทั้งคันนี้ออกแบบมาระดับพรีเมี่ยม! ขนาดการเจียระไนของอะไหล่ธรรมดา ยังผ่านการคำนวณมาอย่างเคร่งครัด สร้างและควบคุมโดยช่างที่มีประสบการณ์กว่าสิบปีเชียวล่ะ!
หลี่เจี้ยนยิ้มและพูดขึ้น
“ห้ะ? คุณชายหลี่ พอคุณพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันชักสนใจเรื่องนี้แล้วสิ พอจะอธิบายให้ฉันฟังได้บ้างไหม ให้พวกเราได้เข้าใจเรื่องนี้กันหน่อย!”
ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มทำสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที
พวกหล่อนพูดเช่นนี้ นอกจากอยากเข้าใจเรื่องรถหรูคันนี้แล้ว
ยังเป็นการถ่วงเวลาอีกด้วย
ลองคิดดูสิ ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงสิบโมง ถ้าพวกหล่อนลองพูดสถานที่สักแห่งหนึ่ง และให้คุณชายหลี่ไปส่ง พวกหล่อนก็ต้องบอกลากับคุณชายหลี่แล้วสิ
ถ้าถ่วงเวลาออกไปได้ คงถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี ยังไงคุณชายหลี่คงต้องเลี้ยงอยู่แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกระหว่างกันก็จะลึกซึ้งมากขึ้น
อดพูดไม่ได้เลยว่าผู้หญิงพวกนี้ลูกไม้เยอะเหลือเกิน
ยังไงก็ตาม หลี่เจี้ยนไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขาจอดรถไว้ด้านข้าง จากนั้นเดินนำกลุ่มเข้าไป
เขาไม่ได้รู้สึกอิจฉารถแลมโบกินีคันนี้แม้แต่น้อย เพราะเขาเข้าใจดีว่า ถึงแม้ว่าเขาจะขยันพยายามไปทั้งชีวิต ก็ไม่มีทางที่จะไปถึงจุดนั้นได้
พูดพลางเฉินเกอเดินเข้ามา
“อะแฮ่ม คุณผู้หญิงครับ รบกวนขยับนิดนึงได้ไหมคะ?”
เฉินเกอจับจมูก มองไปที่หญิงสาวผมยาวตรงหน้าที่บังอาจนั่งถ่ายรูปเซลฟี่อยู่บนกระโปรงรถแลมโบกินี
“มีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ฉันขยับ นายเป็นใคร? ออกไปซะ!”
หญิงสาวผมยาวพูดด้วยความโมโห
เสื้อผ้าบนเรือนร่างของคนผู้นี้ดูดีมาก แต่ทว่า ฉันเจอชายหนุ่มรูปหล่อเศรษฐีมาเยอะแยะ แต่นายเป็นใครมาจากไหนกัน
กล้ามาบอกให้ฉันขยับออก?
“นายเป็นใคร! ดูสิดู มีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ฉันออกไป?”
“เหอะๆ เข้าใจว่าเราเป็นผู้หญิง อาจจะรักสวยรักงาม ชอบถ่ายรูปเซลฟี่ เห็นรถหรูก็อิจฉา คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายอย่างนายจะน่าเกลียดขนาดนี้ ยังจะมาถ่ายรูปเซลฟี่ด้วย!”
“ใช่ อย่ามาขายหน้าตรงนี้เลย!”
ผู้หญิงที่อยู่ราบล้อมหญิงสาวผมยาว ต่างพากันไม่พอใจเดินตรงมาที่เฉินเกอ
ด่าเฉินเกอจนไม่เหลือสิ้นดี
ให้ตายเถอะ เขาเพิ่งจะพูดไปประโยคเดียว สุดท้ายกลับถูกคนอื่นมาด่าว่าตัวเองมากขนาดนี้?
“เฉินเกอเกอช่างคิดจริงนะ อยากถ่ายเซลฟี่แบบไหนล่ะ? อยากให้ฉันช่วยไหมล่ะ?”
ทันใดนั้น หลี่เจี้ยนเดินเข้ามา
หลังจากเหลือบมองดูเฉินเกอ เขาก็หันมองไปที่สาวสวยที่อยู่หน้ากระโปรงรถ
“สาวสวย เชิญคุณนั่งตามสบายเลยนะครับ รถลัมโบร์กีนีมีโครงสร้างดีกว่ารถแข่งแบบอื่น แข็งแกร่งมาก ไม่ต้องกังวลน้ำหนักของคุณเลยครับ!”
“ฮ่าๆๆ ขอบคุณนะคะสุดหล่อ พูดเก่งจังเลย ไม่เหมือนผู้ชายบางคน น่ารังเกียจเหลือเกิน! จริงสิ สุดหล่อ ช่วยฉันถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ ฉันอยากถ่ายรูปคู่กับรถคันนี้!”
สาวผมยาวเริ่มรู้สึกประทับใจในตัวของหลี่เจี้ยนมากขึ้น
หลี่เจี้ยนยินยอมแน่นอน เขาซื้อรถโฟล์กสวาเกนคันนี้มาเพื่ออะไร? ก็เพื่ออวดสาวไงล่ะ
เขารีบพยักหน้าลงทันที
“นี่พี่เฉินเกอ นายอย่าบังกล้องสาวๆได้ไหม?”
“ให้ตายเถอะ รีบออกไปสิ!”
สาวผมยาวพูดด้วยความไม่พอใจ
“เหอะๆ เกรงว่าคนที่ต้องออกไปคือพวกเธอ!” เฉินเกอพูดอย่างเย็นชา
ตอนแรกเขาคิดง่ายๆ แค่ให้สาวสวยขยับนิดหน่อย จากนั้นค่อยขับรถออกมา พอถึงตอนนั้นพวกหล่อนอยากจะถ่ายก็ถ่ายตามใจชอบ
สุดท้ายกลับถูกดูถูกข่มเหง ตอนนี้กลับถูกสาวสวยด่า
โดยเฉพาะหลี่เจี้ยน ตั้งแต่เจอกันเมื่อครู่ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล อยากจะมาเปรียบเทียบกับคนอย่างฉัน?
เอาความต่ำต้อยของตัวเอง มาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเก่งขนาดไหน?
ดูถูกตัวเอง เพื่อเติมเต็มศักดิ์ศรีของตัวเขา?
เฉินเกอรู้สึกว่าถ้าตัวเองยังคงถ่อมตนต่อไป คงแย่แน่ ไม่เหลืออะไรแน่นอน ไม่ว่าใครก็ทำร้ายเขาได้งั้นเหรอ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ความถ่อมตัวยังจะมีประโยชน์อะไรต่อไปอีก?
“นายให้ฉันเดินออกไป? นายกล้าว่าฉัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...