เขากังวลว่าพ่อของเขาก่อนจะเสียชีวิตอาจจะเลอะเลือน แล้วพูดเรื่องที่ไร้สาระกับเขา
ในขณะที่เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง กำลังจะกลับไปวางแผนจัดการเฉินเกอนั้น ทันใดนั้นก็มีประตูบานหนึ่งเปิดออก ประตูกับกำแพงลงล็อกกันพอดี หากไม่ใช่ว่ามันเปิดออกมากะทันหัน เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าตรงนี้จะมีบานประตูอยู่
หลี่กั๋วจุนที่มีความสงสัยค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ประตู
ภายในประตู มีห้องเล็กๆห้องหนึ่ง โดยรอบไม่มีแสงเทียนหรืออุปกรณ์ให้ความสว่าง แต่กลับมีแสงสว่างที่เพียงพอ พูดว่ามันเป็นห้อง แต่จริงๆแล้วมันก็คือห้องลับ
ภายในตรงกลางมีโต๊ะแปดเซียนตั้งอยู่หนึ่งตัว(โต๊ะสี่เหลี่ยม ที่นั่งได้มุมละสองคน) มีม้านั่งยาวเพียงหนึ่งตัว และด้านในสุด มีกล่องไม้วางอยู่หนึ่งใบ
หลี่กั๋วจุนเดินเข้าไปโดยตรง หยิบกล่องที่วางอยู่ขึ้นมาอย่างรวด แล้วเปิดมันออก
“นี่มันคืออะไร?” เมื่อเปิดออก หลังจากที่หลี่กั๋วจุนเห็นของที่อยู่ด้านใน ก็อึ้งไปในทันที
เห็นเพียงด้านในกล่องเต็มไปด้วยเศษฝุ่น สิ่งที่ถูกกลบด้วยเศษฝุ่นคือ ม้วนไผ่หนึ่งม้วน(ม้วนไผ่หนังสือสมัยโบราณ)
หรือว่านี่ก็คือสิ่งที่บรรพชนทิ้งไว้ให้?
หลี่กั๋วจุนที่มีความสงสัยได้เป่ามันไปหนึ่งที ในขณะที่เศษฝุ่นกำลังฟุ้ง เขาก็ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบมันมาไว้ในมือ และวางกล่องไม้ลงทันที แล้วก็เปิดม้วนไผ่ออก
เริ่มแรก หลี่กั๋วจุนเหมือนกับถูกไฟดูด ร่างกายเขาแข็งทื่อและได้ล้มลงไปบนพื้น
เขารู้สึกเหมือนสมองว่างเปล่า และร่างกายตรงด้านหน้าของเขากำลังขยายใหญ่ ดูเหมือนว่ามีปืนลมกำลังเป่าลมใส่เขา ด้วยร่างกายขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีความรู้สึกเหมือนจะควบคุมมันไม่ได้
หลี่กั๋วจุนนั้นกลัวมาก แต่เขาก็ควบคุมมันไม่ได้ ถึงขั้นไม่สามารถอ้าปากพูดได้ด้วยซ้ำ แต่ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าแรงนี้ได้หายไปแล้ว ราวกับว่ามันกำลังหลอมรวมอยู่ในร่างกายของเขา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เขาถึงได้รู้สึกว่าสามารถควบคุมร่างกายได้แล้ว
“ฮ่าๆ นี่ก็คือพลังฝ่าเสินใช่มั้ย?!”
หลี่กั๋วจุนลุกขึ้นมาในทันที เขาเข้าใจแล้วว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น
เขาลองกำหมัด เขารู้สึกได้ถึงพลังที่ไม่เคยมีมาก่อนในมือของเขา และถึงขั้นรู้สึกว่าถ้าหากเฉินเกอยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาสามารถต่อยจนหน้าอกของเฉินเกอทะลุไปโดยตรง
“เฉินเกอใช่มั้ย ตอนนี้ฉันได้พลังฝ่าเสินของบรรพชนมาแล้ว ฉันจะดูว่าแกยังจะสามารถอวดดีที่ประเทศหนานเยว่ได้อีกกี่ชั่วโมง!” เขาที่สัมผัสถึงพลังที่ขยายอยู่ในร่างกาย ในใจของเขาก็ขยายเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เขาได้วางกล่องไม้กลับไปยังตำแหน่งเดิม หลี่กั๋วจุนเพิ่มจะออกไปจากห้องลับ ประตูก็ปิดเองในทันที
เมื่อเดินออกมาจากสุสานบรรพชน ขณะที่กำลังสูดกลิ่นธรรมชาติด้านนอก หลี่กั๋วจุนได้เรียกคนขับมาตรงหน้า “ติดต่อเจ้าหน้าที่กำลังบินอยู่ ถามพวกเขาดูว่าเฉินเกออยู่ตรงไหน!”
“ท่านผู้นำ มีคำพูดอยู่คำพูดหนึ่งผมไม่ทราบว่าควรจะพูดกับท่านหรือเปล่า.........” คนขับรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากที่หลี่กั๋วจุนออกมาแล้วมีความผิดปกติอยู่บ้าง แต่กลับพูดไม่ออกว่าผิดปกติตรงไหน
“อย่าพูดมาก รีบพูดมาเลย!” หลี่กั๋วจุนโบกมือห้าม
“ท่านผู้นำท่านเข้าไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว หน่วยรบพยายามติดต่อท่านเพื่อรายงานสถานการณ์ แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะเข้าไป ทำได้เพียงรออยู่ข้างนอก” คนขับพูดอย่างระมัดระวัง หลี่กั๋วจุนในตอนนี้ เมื่อเทียบกันกับก่อนที่จะเข้าไปในสุสาน ทำให้เขากลัวยิ่งกว่า
“สถานการณ์อะไร?” หลี่กั๋วจุนถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...