เฉินเกอรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก จึงให้หวงหยงหาวพูดรายละเอียดให้ชัดเจน
“แฮ่ม (กระแอมเสียง) ผมขออธิบายอย่างนี้นะครับพี่ คฤหาสน์หยุนติ่งไม่ใช่เป็นเพียงบ้านพักธรรมดา แต่มันแสดงถึงสถานะที่สูงส่งเหมือนกับชื่อของมัน ซึ่งโปรเจคนี้ได้ไปก่อสร้างบนยอดเทือกเขาจินหลิง บริเวณโดยรอบก็ได้สร้างคฤหาสน์เรียบเรียงกันเป็นแถวแล้ว เมื่อไปยืนอยู่ตรงนั้นก็เหมือนกับอยู่บนก้อนเมฆบนฟากฟ้า ซึ่งสามารถชมวิวทิวทัศน์ทั้งเมืองจินหลิงได้ทุกซอกทุกมุม!”
หวงหยงหาวพูดไปด้วยและเกิดความรู้สึกโหยหาไปด้วย。
พูดสักจนน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ!
เฉินเกอถามว่า “บ้านหลังนั้นคงแพงใช่ไหม?”
เฉินเกอคิดว่าจะซื้อบ้านสักหลังหนึ่ง และเขาคิดจะทุ่มทุนมหาศาลจำนวนเงินหลายสิบล้านเพื่อจะได้ซื้อคฤหาสน์หลังหนึ่ง จะได้จอดรถอะไรได้สะดวก
ดังนั้น จึงอยากจะถามราคาของคฤหาสน์หยุนติ่ง
“เพ๊ะ!”
หวงหยงหาวพ่นเหล่าออกมาจากปาก พูดด้วยตาโตค้างว่า “โอ๊ด! พี่ บ้านหลังนี้มันไม่ใช่แพงธรรมดานะ พี่รู้ไหมว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ มูลค่ากว่าเจ็ดร้อยกว่าล้าน!”
ถ้าคุณพูดว่าเงินเจ็ดร้อยล้านเอามาลงทุนทำธุรกิจ พ่อของหวงหยงหาวก็กล้าคว้าออกมา
แต่ทว่าซื้อล้านหลังละเจ็ดร้อยล้านที่มิได้มีผลต่อธุรกิจแต่อย่างใด
ก็เท่ากับแค่บริโภคอย่างเดียว เศรษฐีทั่วไปไม่กล้าทำกันอย่างนี้หรอก
นอกเสียจากมีเงินเย็นที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้แล้ว
ดังนั้นหวงหยงหาวยังคงมีความหวาดกลัวกับราคาบ้านหลังนี้เป็นอย่างมาก
ต้องรู้ว่าอย่างวันนี้หวงหยงหาวได้เชิญเหล่าทายาทเศรษฐีมาร่วมงานปาร์ตี้ที่สนุกสนาม ก็เสียค่าใช้จ่ายไปแค่หกเจ็ดแสนเท่านั้นเอง
“แน่นอน สำหรับพี่ชายแล้วเงินแค่นี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ผมจำได้ว่าพี่สาวบุญธรรมเคยคว้าเงินหนึ่งถึงสองร้อยล้านเพื่อซื้อรถแต่ง!”
หวงหยงหาวมีความคิดจะให้เฉินเกอลองดู
เพราะเขารู้ว่าเงินแค่นี้ไม่มีปัญหาสำหรับเฉินเกออยู่แล้ว
แต่ทว่าเฉินเกอกลับไม่คิดอย่างนั้น
เจ็ดร้อยล้านหรือ!ซื้อบ้านอยู่สักหลังหนึ่ง จำเป็นต้องสิ้นเปลืองขนาดนี้ไหม!
เฉินเกอส่ายหัว ตัดสินใจเลือกซื้อคฤหาสน์ประมาณสิบยี่สิบล้านจะสมเหตุสมผลกว่า
“ไม่ซื้อก็ไม่เป็นอะไร อีกสามวันพวกเราไปดูด้วยกันนะ แค่ไปดูคงจะได้ใช่ไหมพี่?”หวงหยงหาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ถ้าเฉินเกอซื้อจริงๆ ตัวเองก็จะได้เข้าไปอยู่ด้วย มันถึงจะเรียกว่าหรูของแท้!
“ก็ได้ ถ้ามีเวลาพวกเราไปเที่ยวด้วยกัน!”
เฉินเกอเห็นวันนี้หวงหยงหาวเตรียมการต้อนรับให้ตนอย่างอลังการ ถึงแม้จะรู้ว่าที่เข้าใกล้เขามีวัตถุประสงค์แอบแฝงอยู่ แต่ความรู้สึกถูกยกย่องนั้นก็ทำให้เฉินเกอรังเกียจไม่ลง
จึงไม่สะดวกที่จะปฏิเสธหวงหยงหาว จึงได้ตอบตกลง
หลังจากนั้น เหล่าทายาทเศรษฐีก็ไปเล่นกระดานโต้คลื่น มันเป็นอะไรที่มีความสุขท้าทายมากเลย
แน่นอน ผู้หญิงเกือบทุกคนต่างก็ห่างจากกลุ่มๆหนึ่ง นั้นก็คือกลุ่มที่มีเฉินเกอเป็นศูนย์กลาง
ไม่ว่าเฉินเกอจะเดินไปถึงไหน ตรงนั้นก็จะมีผู้หญิงค่อยติดตามหลังมากมาย
ทุกคนต่างพยายามแสดงจุดเด่นของตนสุดฤทธิ์ เพื่อจะได้หว่านเสน่ห์ใส่เฉินเกอ เพื่อเฉินเกอจะได้สนใจในตัวพวกเธอ
แต่ทว่าเฉินเกอรู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว ไม่มีแรงจะไปเล่นสนุกับสาวๆทังหลายอีก
ตอนบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ปาร์ตี้เรือสำราญจบลง
ตอนแรกหวงหยงหาวยังเชิญเฉินเกอไปเที่ยวที่อื่นต่อ แต่เฉินเกอได้ปฏิเสธไป เพราะเฉินเกอไม่เหมือนกับหวงหยงหาวที่ไม่จำเป็นต้องเก็บหน่วยกิตการเรียนก็ได้
พรุ่งนี้วันจันทร์ ตัวเองยังต้องไปเรียนอีก!
จึงมีไป๋เสี่ยวเฟยรับผิดชอบไปส่งเฉินเกอกลับไปที่มหาลัย
หลังจากกลับไปถึงที่หอพัก พวกหยางฮุยคงจะไปเล่นเน็ตแล้ว ไม่เห็นมีใครอยู่เลย
เฉินเกอที่เหนื่อยมาสองวันแค่ล้มตัวลงกับเตียงก็หลับทันที จนมีเสียงเปิดประตูดัง เอี๊ยด อ๊าด ปลุกให้ตื่นขึ้นมา
“หยางฮุย เฉินเกอลับมาแล้วใช่ไหม!”
“อะไรนัก?กลับมาแล้ว?ทำไมถึงปิดเครื่องล่ะ?”
พวกหยางฮุยกับหลี่ปินกลับมาแล้ว
เพื่อนฝูงต่างจ้องมองเฉินเกอด้วยท่าทีตื่นเต้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มออกมา
“ออ มือถือผมปิดตั้งนานแล้ว เหนื่อยมากเลยยังไม่ได้ชาร์จแบต นอนจนถึงหกโมงเย็นแล้ว พวกนายเข้าเน็ตนานขนาดนี้เลยหรอ?”
เฉินเกอมองดูนาฬิกาข้อมือ ที่แท้ก็หลับไปตั้งสามชั่วโมง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...