เขาคิดว่านี่คือวิธีการที่ดีที่สุดในการกำจัดเฉินเกอ ถ้าหากพลาดโอกาสครั้งนี้ เมื่อเฉินเกอออกจากที่นี่ไป อย่างนั้นก็คงจะตามหาตัวไม่พบแล้ว ส่วนเขาเองก็ต้องกล้ำกลืนความทุกข์ทั้งหมด แม้แต่โอกาสในการระบายก็ยังไม่มี
"นี่......" ลูกน้องมองหน้าซึ่งกันและกัน โดยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
"นี่คือบัตรธนาคาร แต่ละใบมีเงินอยู่หนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ พวกนายนำไปใช้เถอะ" เคซา คิมคาวะได้นำบัตรธนาคารดังกล่าวออกมาจากช่องเก็บของในรถ หลังจากที่ตรวจดูแล้ว ก็ทยอยส่งให้กับลูกน้องทีละคน
ลูกน้องมองดูเล็กน้อย และรับมันเอาไว้อย่างจำใจ
พวกเขารู้ว่านี่คือวิธีการที่ดีที่สุดของเคซา คิมคาวะ ถ้าหากพวกเขายังไม่ยอมรับมันอีก กลัวว่าจะต้องพบกับความโมโหเดือดพล่าน อีกทั้งเรื่องการหานักฆ่านี้ น่าจะเป็นความลับอย่างที่สุด หากพวกเขาไม่พูดออกไป ก็จะไม่มีใครรับทราบได้อย่างเด็ดขาดถึงจะถูก
"ตกลงแล้วใช่ไหม? " เมื่อเห็นพวกเขาเก็บสิ่งนั้นลง เคซา คิมคาวะก็สอบถามขึ้น
"คุณชาย อนุญาตครั้งนี้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ถ้าหากถูกท่านปู่รับทราบ พวกเราก็คงจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับเรื่องทั้งหมด" พวกลูกน้องต่างก็เก็บบัตรธนาคารเอาไว้ โดยเงินหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่าได้กับเงือนเดือนห้าถึงหกปีของพวกเขาเลยทีเดียว
"อย่าได้ชักช้ากันอยู่อีก รีบติดต่อไปหานักฆ่าติดอันดับเหล่านั้นได้แล้ว ดูว่าใครจะเต็มใจยอมรับการว่าจ้างในครั้งนี้ ซึ่งหากกำจัดเฉินเกอได้เร็วมากขึ้น ก็จะไม่มีเรื่องเหล่านี้แล้ว" เคซา คิมคาวะพูดขึ้นพร้อมกับส่ายมือไปมาด้วยความรำคาญ และขมวดคิ้ว
"รับทราบ! " ลูกน้องไม่กล้าที่จะรอช้า จึงได้รีบตรวจสอบกันทันที
ภายในสนามฝึกฝนหน่วยรบ หลังจากที่มีการทดสอบกันมาทั้งวัน ในช่วงหัวค่ำของวันนั้นผลการแข่งขันก็ได้ประกาศออกมาแล้ว คะแนนของไป๋เสี่ยวเฟย ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ไม่ถึงกับว่าย่ำแย่จัดอยู่ในระดับกลางขึ้นไปด้านบนของทหารหน่วยรบพิเศษทั้งหมด
เฉินเกอไม่ทราบมาก่อนว่า เคซา คิมคาวะได้เคยมาที่นี่แล้ว
หลังจากพักผ่อนระหว่างวัน ก็รู้สึกกระฉับกระเฉงอย่างมากในตอนกลางคืน ซึ่งก่อนที่ไป๋เสี่ยวเฟยกับทาตายุจะกลับมา เขาก็ได้ไปยังร้านอาหารจีนที่อยู่บริเวณไม่ไกล เพื่อซื้ออาหารค่ำ
"คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยอย่างคุณ จะมีคะแนนที่ดีกว่าฉันอีก! " หลังจากเพิ่งเดินเข้ามา ไป๋เสี่ยวเฟยก็ถอดเสื้อโค้ทออก และพูดขึ้นด้วยความตะลึง
"มากกว่ากันเท่าไร? " เฉินเกอถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"เธออยู่สูงกว่าฉันสิบอันดับ ซึ่งอยู่ในอันดับที่สี่ของคะแนนการทดสอบในวันนี้" ไป๋เสี่ยวเฟยยักไหล่ เดิมทีเขาคิดว่าทาตายุจะมีคะแนนรั้งท้าย
"เธอเป็นถึงราชันทหารหญิงแห่งโวกั๋ว หากพวกคุณประลองฝีมือกัน คุณเองอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอก็เป็นได้ ถ้าหากไม่เชื่อตอนนี้พวกคุณก็ลองประลองกันดูก็ได้" เฉินเกอพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม โดยที่เขาเชื่อมั่นในทักษะฝีมือของทาตายุ เพราะว่าวันนั้นที่ด้านหลังของโรงแรม ได้เห็นกับตาของตนว่าทาตายุได้ต่อสู้กับผู้ชายคนนั้นอยู่หลายรอบโดยที่ไม่เสียเปรียบเลย
หากว่าไม่ใช่เป็นหญิงสาว ที่เดิมทีพละกำลังก็อ่อนด้อยกว่าผู้ชายอยู่บ้าง เกรงว่าอาจจะไม่พ่ายแพ้ก็เป็นได้ อย่างนั้นก็คงไม่ต้องให้ตนเองยื่นมือเข้าช่วยเหลือแล้ว
"ไม่แล้วไม่แล้ว วันนี้ทั้งวันก็เหนื่อยมากพอแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการที่จะทานข้าวแล้วก็พักผ่อน เพื่อเตรียมตัวแข่งขันในวันพรุ่งนี้" ไป๋เสี่ยวเฟยส่ายศีรษะ ส่ายมือไปมา ซึ่งการทดสอบอย่างต่อเนื่องทั้งวัน ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแล้ว
"อย่างนั้นก็ทานข้าวกันเถอะ หลังจากทานแล้วก็รีบพักผ่อน" เฉินเกอโบกมือเรียก
ทุกคนนั่งล้อมรอบบริเวณโต๊ะอาหาร และได้เริ่มต้นทานอาหาร ทั้งยังได้พูดคุยกันถึงเรื่องที่ต้องจัดการแก้ไขในลำดับต่อไป
——
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋เสี่ยวเฟยกับทาตายุก็ไปยังสนามฝึกฝนเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ ส่วนเฉินเกอกับท่านซินแสกุ่ยนั่งอยู่ในห้องรับแขก พูดคุยปรึกษากันถึงความลับบนภาพไห่ซิน
และในเวลาเดียวกัน เรือประมงลำหนึ่งก็มาหยุดจอดอยู่ที่ริมฝั่งทะเลของโวกั๋ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...