บทที่ 148 บ้าระห่ำ
“ท่านอาจารย์ ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าข้าล้อเล่น”
โจวซือเหยียฝืนยิ้มประจบประแจง และโค้งคำนับจินเฟิงเพื่อยอมรับความผิดพลาดของตนเอง
“ทว่าแวดวงนี้สามารถยืดหยุ่นได้จริง ๆ”
น้ำเสียงของจินเฟิงเรียบเฉย “แต่ข้าไม่ได้ตลกไปกับซือเหยียด้วย”
“ท่านอาจารย์ เจ้าอย่ารังแกข้าเลย!”
โจวซือเหยียยกยิ้มประจบประแจงแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านอาจารย์ ท่านคงยังไม่รู้ว่าข้าเป็นคนของตระกูลโจว อย่างไรตระกูลโจวก็…”
“ข้ารู้ว่าตระกูลโจวเป็นอย่างไร และข้าก็รู้ด้วยว่าตอนนี้เจ้ากำลังเอาดีเข้าตัว อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่ผู้สนับสนุนของเจ้าอย่างโจวฉางหลินก็เป็นเพียงตระกูลย่อยไม่ใช่ตระกูลหลัก ข้าเกรงว่าตระกูลโจวในเปี้ยนจิงอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีโจวซือเหยียอย่างเจ้าอยู่”
จินเฟิงหัวเราะเยาะ “ข้าพูดถูกหรือไม่?”
“มิตรภาพระหว่างท่านอาจารย์กับชิ่งไหวนั้นไม่ธรรมดาเสียจริง ชิ่งไหวบอกเรื่องนี้กับท่านด้วยอย่างนั้นหรือ”
โจวซือเหยียคิดว่าเป็นชิ่งไหวที่บอกเรื่องนี้กับจินเฟิง เมื่อเขาพบว่าไพ่ใบสุดท้ายของตนถูกเปิดเผย ความดื้อดึงของเขาก็พังทลายลง
“ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ในเมื่อบัณฑิตอย่างเจ้าต้องการครอบครองเขาเถี่ยกว้าน ข้าก็จะไม่ขัดขวาง และต่อจากนี้ข้าก็จะไม่ยุ่งกับไนปั่นด้ายอีก ต่อแต่นี้ไปเราจะอยู่อย่างสงบไม่รุกรานกันและกัน”
“โจวซือเหยีย เจ้าพยายามจะฆ่าข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ง่ายดายเช่นนี้เพียงเพราะต้องการพลิกวิกฤติอย่างนั้นหรือ?”
จินเฟิงหัวเราะเยาะ “เจ้าเห็นว่าข้าจัดการได้ง่ายอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด?”
โจวซือเหยียกล่าว “เจ้าบอกข้ามาได้เลยว่าเจ้าต้องการอะไร แต่ในเมื่อเจ้ารู้จักโจวฉางหลิน เจ้าก็น่าจะรู้ด้วยว่าเงินส่วนใหญ่ที่พวกโจรจ่ายให้ข้า ข้ามอบให้กับโจวฉางหลินเป็นส่วนมาก หวังว่าเจ้าจะไม่ละโมบจนเกินไปนัก”
“ข้าต้องการเงินแต่ก็สามารถหามันเองได้ ข้าจินเฟิงไม่ได้ต้องการเงินจำนวนเล็กน้อยที่เจ้ามีหรอก”
“แล้วเจ้าต้องการอะไร?”
โจวซือเหยียรู้ว่าคราวนี้หากไม่กรีดเลือดตัวเองออกมาคงจะไม่ได้ เขาจึงยอมจำนนต่อชะตากรรมและพูดว่า “ตราบใดที่ข้าสามารถเอามันออกมาได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
“แน่นอนว่าข้อเสนอของข้าเป็นสิ่งที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของซือเหยียแน่นอน”
จินเฟิงนั่งตัวตรงแล้วเอ่ยความต้องการออกมาทีละคำ “ข้าต้องการ… หัว ของ เจ้า!”
โจวซือเหยียหดตัวลง เขาแสร้งทำเป็นนิ่งสงบ “ท่านอาจารย์ อย่าล้อเลียนข้าเล่นเช่นนี้เลย”
“เมื่อครู่ข้าได้บอกไปแล้ว ว่าข้าไม่ได้ล้อเล่น”
“ท่านอาจารย์ อย่างน้อย ๆ เวลาท่านตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ก็ควรเหลือเชือกไว้เส้นหนึ่งไม่ใช่หรือ การตัดเชือกทิ้งทั้งหมดและสู้กันจนตัวตายจะไม่เกิดประโยชน์กับผู้ใด”
โจวซือเหยียรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ
เพราะเขาเห็นความจริงจังไร้แววล้อเล่นปรากฏขึ้นผ่านดวงตาของจินเฟิง!
“เจ้ายังไม่ได้ลองสู้กับข้าจนตัวตายเลย”
จินเฟิงเอนหลังบนเก้าอี้หวายอีกครั้ง
ชิ่งมู่หลานขยิบตาให้อาเหมย แล้วชักดาบทมิฬออกมาทันที
“อาโจว จางขุย พวกเจ้าเข้ามาเร็ว!”
โจวซือเหยียมองดูอาเหมยที่เข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้เขาตกใจมากจนเผลอตะโกนออกมา
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูรีบเข้ามาดูสถานการณ์ทันที
“เร็วเข้า ฆ่านางผู้นี้ซะ และฆ่าจินเฟิงด้วย!”
โจวซือเหยียรีบซ่อนตัวอยู่หลังเจ้าหน้าที่ทั้งสอง
เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาไม่สนใจสถานะอันสูงส่งของจินเฟิงอีกต่อไป
เขาต้องเอาชีวิตรอดก่อนค่อยคิดหาทางไปต่อทีหลัง
แต่ซือเหยียผู้นี้ลืมไปเสียสนิทว่านี่คืออาณาเขตของบัณฑิตหนุ่ม
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงลังเลว่าจะทำตามคำสั่งดีหรือไม่ ทหารผ่านศึกกลุ่มหนึ่งก็รีบเข้าประตูมาและเล็งหน้าไม้ไปที่พวกเขา
“ถ้าไม่อยากตายก็ออกไปจากที่นี่!”
จินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
เจ้าหน้าที่ทั้งสองไม่ใช่คนโง่เขลา พวกเขาได้ยินการสนทนาระหว่างโจวซือเหยียและจินเฟิงตอนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูแล้ว บอกได้เพียงว่าคราวนี้โจวซือเหยียพลาดท่า!
ทั้งสองมองหน้ากัน พร้อมยกมือขึ้นทำความเคารพจินเฟิง จากนั้นจึงหันหลังกลับและจากไป
“พวกเจ้าห้ามกลับออกไปเด็ดขาด!”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์