บทที่ 150 ผลที่ตามมา
“หู่จือ มารดาของเจ้ายังรออยู่ที่บ้าน รีบกลับไปเถิด อย่าปล่อยให้นางเป็นกังวล”
จินเฟิงกล่าว “กลับบ้านไปพักผ่อนให้ดี ๆ คราวนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บระหว่างคุ้มกันสินค้า ถือเป็นอาการบาดเจ็บจากการทำงาน ข้าจะจ่ายเงินให้เจ้าในช่วงพักฟื้น เมื่อหายดีแล้วค่อยกลับไปทำงาน”
“ระหว่างการพักรักษาตัวข้าก็ได้เงินอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ บุรุษบางคนในขบวนคุ้มกันก็เริ่มอิจฉาหู่จือขึ้นมา
เหตุใดไม่ใช่ตัวเขาที่ได้รับบาดเจ็บ?
เขาจะได้ไม่ต้องออกไปทำงาน เพียงแค่นอนอยู่บ้านเฉย ๆ ก็ยังได้เงิน
“จินเฟิง เจ้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”
หู่จือโบกมือซ้ำ ๆ “ข้ารับค่าจ้างจากเจ้ามาแล้ว ข้าควรจะทำงานคุ้มกันให้เจ้าอย่างดีที่สุด แต่นี่ข้ากลับถูกโจรทำร้ายจนขาหักเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะว่าข้าไร้ความสามารถ เจ้าไม่ได้ให้ข้ารับผิดชอบต่อของที่ถูกขโมยไป แต่ยังคงจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ข้า นี่เป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ ในเมื่อข้าไม่ได้ทำงาน เจ้ายังจะจ่ายเงินให้ข้าอีกได้อย่างไร? เงินที่เจ้ามอบให้ท่านแม่ของข้าก็เพียงพอที่จะใช้ดำรงชีวิตได้นานถึงสองปี หากเงินจำนวนมากขนาดนั้นยังใช้ไม่เพียงพอ ก็ไม่รู้ว่าข้าเป็นคนอย่างไรแล้ว จริงหรือไม่?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย
จินเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับความเรียบง่ายของผู้คนในยุคนี้
นี่ถือเป็นการบาดเจ็บสาหัสจากการทำงาน กรณีอย่างหู่จือ หากอยู่ในศตวรรษที่ 21 จินเฟิงไม่เพียงแต่ต้องดูแลหู่จือเท่านั้น แต่ยังต้องจ่ายค่าชดเชยจำนวนมากอีกด้วย
แต่ในต้าคัง คนชั้นล่างที่เคยถูกกดขี่ ตราบใดที่นายจ้างรักษาคำพูดและจ่ายค่าจ้างตรงเวลา พวกเขาก็พอใจแล้ว
“หู่จือ นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้าคนเดียวและนี่ถือว่าเป็นกรณีตัวอย่าง ในอนาคต ตราบใดที่พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน ข้าจะรับผิดชอบเอง”
จินเฟิงกล่าวว่า “หากพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือพิการ ตราบใดที่พวกเจ้าทำงานให้แก่โรงงานของข้า แม้ว่าพวกเจ้าจะตาย พวกเจ้าก็จะได้รับเงินบำนาญ โดยข้าจะจ่ายจนกว่าบิดามารดาพวกเจ้าจะเสียชีวิตหรือจนกว่าลูกของพวกเจ้าจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่”
นี่คือสิ่งที่เขาพูดก่อนที่จะก่อตั้งขบวนคุ้มกัน แต่ไม่มีใครจริงจังกับเรื่องนี้
เพราะที่ต้าคังไม่เคยมีเจ้านายที่ใจดีขนาดนี้มาก่อน
ตามค่านิยมที่ผ่าน ๆ มา หากลูกจ้างได้รับมอบหมายให้ทำสิ่งใดก็ควรทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ
หลังจากที่จินเฟิงให้เงินแล้ว พวกเขาควรจะนำสินค้าไปส่งให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
ส่วนเรื่องไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนนนั้นถือเป็นความรับผิดชอบของพวกเขา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าของเกวียน
แต่คนอย่างจินเฟิงแตกต่างออกไป
ในความเป็นจริง จินเฟิงสามารถเลียนแบบเจ้านายคนอื่น ๆ ได้ แต่เขาไม่ต้องการทำอย่างนั้น
ด้วยความสามารถของเขา เขาสามารถหารายได้จำนวนมากมายมหาศาล แต่เพราะมีมโนธรรมและความซื่อสัตย์จึงไม่จำเป็นต้องหาประโยชน์จากความมั่งคั่งที่เป็นการทำนาบนหลังคน
บางทีการทำเช่นนั้นอาจดูโง่เขลา แต่จินเฟิงก็ตัดสินใจที่จะทำตามหัวใจของเขา
“จินเฟิง เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว ข้าก็จะคอยอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเจ้า”
หลิวเถี่ยเช็ดหางตาของเขา พร้อมทุบหน้าอกด้วยความมุ่งมั่น
“ข้าเองก็ด้วย!”
บุรุษคนอื่น ๆ ก็ทำตามอย่างหลิวเถี่ย และบางคนถึงกับยกมือสาบาน
จินเฟิงไม่สนใจว่าจะมีกี่คนที่จริงใจและจะมีกี่คนที่ทำตามกระแสเท่านั้น
เมื่อเห็นว่ามีเกวียนหลายเล่มที่มีข้าวของกองอยู่มากมาย อาทิเช่น วอวอโถว*[1] และฟักทอง เขาจึงถามด้วยรอยยิ้ม “สิ่งนี้คืออะไร?”
ผู้คนมากกว่าครึ่งหนึ่งในหมู่บ้านซีเหอวานและกวานเจียวานกินข้าวในโรงอาหารของโรงงานสิ่งทอ และมักจะนำอาหารกลับไปให้เด็กเล็กและคนชราที่บ้าน มีเพียงไม่กี่คนที่ยังกินวอวอโถว และหลิวเถี่ยก็ไม่น่าจะนำสิ่งนี้กลับมาจากตัวอำเภอ
“นี่เป็นความดีความชอบที่เจ้าทำไว้นะ จินเฟิง”
หลิวเถี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ข่าวที่เราฆ่าโจรในเขาเถี่ยกว้านแพร่กระจายไปทั่วเมือง เมื่อเราผ่านหมู่บ้านอื่น ทุกคนก็เอาของขึ้นเกวียนของเรา พวกเขาขอบใจที่เราฆ่าพวกโจรให้ เสบียงเหล่านี้น่าจะอยู่ได้นานถึงสองปีเชียวล่ะ”
“ไม่เพียงแต่หมู่บ้านโดยรอบเท่านั้น แต่นายอำเภอยังติดประกาศที่ประตูเมืองด้วย ตอนนี้ไม่ว่าใครพบเห็นบุรุษจากซีเหอวาน มีใครบ้างที่จะไม่ยกนิ้วให้”
“ใช่ วันนี้ข้าไปกินข้าวมา เมื่อเจ้าของร้านได้ยินว่าเรามาจากซีเหอวาน เขาก็ตักน้ำต้มเนื้อให้มากกว่าปกติ”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์