บทที่ 151 ข้าอยากเป็นทหารหญิง!
“ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย!”
เมื่อเสี่ยวอวี้เห็นหลิวเถี่ย นางก็รีบคว้าแขนของเขาเอาไว้ทันที
“ใครรังแกเจ้า ข้าจะฆ่าคนผู้นั้นให้ตายด้วยมือข้า!”
หลิวเถี่ยหยุดเสี่ยวอวี้เอาไว้และเอ่ยถามด้วยโทสะ
น้องสาวของเขาถูกเลี้ยงดูมาดั่งไข่ในหิน เมื่อเห็นเสี่ยวอวี้วิ่งออกมาผมเผ้ายุ่งเหยิง ในใจของหลิวเถี่ยก็นึกถึงเรื่องไม่ดีที่อาจเกิดขึ้นกับนาง
“ข้าเป็นผู้รังแกนางเอง!”
ทันทีที่หลิวเถี่ยพูดจบ สตรีนางหนึ่งก็วิ่งออกมาจากตรอกพร้อมกับไม้กวาดในมือ
“ท่านแม่ ท่านกำลังทำสิ่งใดหรือ…”
ความฉุนเฉียวของหลิวเถี่ยเมื่อครู่หายไปทันที
สมาชิกของขบวนคุ้มกันซึ่งแต่เดิมได้หยิบอาวุธต่าง ๆ ออกมาและเตรียมที่จะช่วยหลิวเถี่ยสอนบทเรียนให้กับคนร้ายต่างกลั้นเสียงหัวเราะและนำอาวุธเก็บกลับคืน พร้อมยืนดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างมีความสุข
การได้เห็นหัวโจกของหมู่บ้านถูกทุบตี ฉากแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อย ๆ
บุรุษบางคนถึงกับหยิบวอวอโถวจากเกวียนขึ้นมาแล้วยืนกินขณะมองดู
คนงานก็หยุดทำงานพร้อมเข้ามาดูอย่างชอบใจ
จินเฟิงเองก็รู้สึกตลกเช่นกัน
เป็นเรื่องปกติสำหรับมารดาที่จะตีลูก ๆ และเขาก็ถือว่ามันเป็นเรื่องในครอบครัว บัณฑิตหนุ่มจึงไม่อยากเข้าไปยุ่ง
เสี่ยวอวี้เป็นคนดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง นางมักจะล้อเลียนกวานเสี่ยวโหรวอยู่บ่อยครั้ง จินเฟิงก็แอบดีใจที่ได้เห็นนางถูกลงโทษ
“หลิวเถี่ย เจ้าหลบไป ไม่อย่างนั้นข้าจะทุบตีเจ้าอีกคน!”
มารดาของเขาเท้ามือซ้ายลงบนสะโพก ก่อนจะหันไม้กวาดไปที่หลิวเถี่ยเพื่อดุด่า
หลิวเถี่ยถูกมารดาดุจนต้องเงียบเสียงลง
หากคนอื่นรังแกเสี่ยวอวี้ เขากล้าที่จะต่อสู้จนตัวตาย แต่ถ้าเป็นมารดาของเขาทำเสียเอง หลิวเถี่ยจะทำอย่างไรได้?
เขาทำได้เพียงช่วยน้องสาวพูดเบา ๆ ว่า
“ท่านแม่ มีเรื่องอะไรค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันดีหรือไม่ เสี่ยวอวี้ก็โตขนาดนี้แล้ว ท่านไม่ควรลงโทษนางเช่นนี้”
เสี่ยวอวี้พยักหน้าหงึกหงัก “ท่านแม่ ตอนนี้ข้าโตเป็นสาวแล้ว ไว้หน้าข้าด้วย…”
“เจ้าก็รู้ตัวว่าตนเองโตแล้ว เหตุใดยังสร้างเรื่องให้ข้าปวดหัวไม่เว้นวันอีก!”
มารดาของเสี่ยวอวี้เริ่มโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่นางพูด นางก็ยกไม้กวาดขึ้นและตีลงบนก้นของหลิวเถี่ยหลายครั้ง
เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ในฤดูร้อนบางมากจนหลิวเถี่ยสะดุ้งจากการถูกมารดาเฆี่ยนตีอยู่บ่อย ๆ
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ส่งเสียงหัวเราะ
“พวกเจ้าเล่นอะไรกันอยู่?”
หัวหน้าหมู่บ้านโผล่ออกมาจากป่าพร้อมกับถกขากางเกงขึ้น
เขาแค่ไปทำธุระส่วนตัวเพียงครู่เดียวเท่านั้น เมื่อเขากลับมาก็เห็นภรรยาทุบตีลูกของเขาแล้ว
“เหตุใดพวกเจ้าไม่กลับไปคุยกันที่บ้าน จะมาประจานตัวเองอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร?”
หัวหน้าหมู่บ้านคว้าไม้กวาดเอาไว้พร้อมเอ่ยด้วยใบหน้าเข้ม “ลูกก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เถี่ยจือเองก็เป็นถึงหัวหน้าขบวนคุ้มกัน เจ้าไม่ไว้หน้าลูกหน่อยหรือ?”
หลังจากถูกตำหนิ ในที่สุดภรรยาของเขาก็สงบและก้มหน้าลง
นับตั้งแต่หลิวเถี่ยและเสี่ยวอวี้โตขึ้น นางก็เลิกตีลูก ๆ ไปนานแล้ว แต่ก็มีการลงไม้ลงมือบ้างเฉพาะตอนที่นางโกรธจริง ๆ เท่านั้น
“เสี่ยวอวี้ เจ้าไปทำสิ่งใดให้ท่านแม่ขุ่นเคืองจนท่านต้องลงไม้ลงมือ?”
หลิวเถี่ยลูบก้นของเขาและจ้องมองไปที่น้องสาวอย่างไม่พอใจ
เพราะเขาต้องรับเคราะห์ไปด้วยทั้ง ๆ ที่เขาไม่เกี่ยวอะไรสักนิด
“ข้าอยากเข้าร่วมกองทัพสตรีแต่ท่านแม่ไม่เห็นด้วย นางยืนกรานให้ข้ากลับไปทำงานที่โรงงานสิ่งทอ!”
เสี่ยวอวี้พูดเบา ๆ
“ไร้สาระ!” หัวหน้าหมู่บ้านตำหนิ “เหตุใดเจ้าจึงอยากเป็นทหารหญิง? กลับไปทำงานในโรงงานสิ่งทอซะ!”
“ข้าไม่ไป ข้าเลิกทำงานในโรงงานสิ่งทอและมีคนอื่นเข้ามารับช่วงต่อแล้ว หากข้ากลับไปก็ไม่มีที่สำหรับข้าหรอก”
เสี่ยวอวี้ก็เริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน นางเถียงจนคอเป็นเอ็น “ข้าจะเข้าร่วมกองทัพสตรี!”
“นี่เจ้าออกจากโรงงานสิ่งทอแล้วหรือ!”
หัวหน้าหมู่บ้านโกรธมากจนยกไม้กวาดขึ้นอีกครั้ง แต่เหล่าเหยวียนจับเขาไว้แน่น
“สินค้าขาดทุน! สินค้าขาดทุน! ในสายตาของพวกท่านก็มีแต่เรื่องเงิน!”
เสี่ยวอวี้ตะโกน “ท่านไม่อยากให้ข้าเป็นทหารหญิงเพราะท่านเสียดายค่าจ้างในโรงงานสิ่งทอใช่หรือไม่?”
“เสียดายเงินแล้วมันทำไมหรือ?”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “เจ้าเพิ่งมีชีวิตดี ๆ ได้ไม่กี่วันก็เริ่มก่อปัญหาแล้วรึ? เจ้าลืมฤดูหนาวเมื่อห้าปีก่อนแล้วใช่หรือไม่?”
ห้าปีที่แล้วเป็นปีเก็บเกี่ยวที่ดี แต่ในปีนั้นพวกโจรต้องการข้าวมากกว่าเดิมถึงสองเท่า และในฤดูหนาวปีนั้นผู้คนจำนวนมากในหมู่บ้านก็ไม่มีอะไรจะกิน
ด้วยความที่อากาศหนาวจัดและมีหิมะตกหนักปกคลุมภูเขาเป็นเวลานานกว่าสองเดือน จึงไม่สามารถหาอาหารบนภูเขาได้และมีผู้คนกว่าสิบคนอดตายในซีเหอวาน
แม้แต่ครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านที่มีชีวิตค่อนข้างดีก็แทบจะแบกรับไม่ไหว
“แต่ห้าปีที่แล้วพวกโจรไม่ได้มาก่อปัญหา และที่ข้าอยากเข้าร่วมกองทัพสตรีก็เพื่อต่อสู้กับพวกโจรมิใช่หรือ!”
เสี่ยวอวี้กล่าวต่อ “ถ้าในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะฟางเหลยและพี่มู่หลาน พวกท่านคิดว่าเราจะยังมีชีวิตที่ดีอยู่หรือไม่?”
หัวหน้าหมู่บ้านพูดไม่ออกกับคำถามของเสี่ยวอวี้
“เสี่ยวอวี้ หากเจ้าต้องการเข้าร่วมกองทัพสตรีจริง ๆ เช่นนั้นเจ้าได้ถามแม่นางมู่หลานแล้วหรือยัง?”
เหล่าเหยวียนพยายามช่วยคลี่คลายเรื่องราว “หากเจ้าโวยวายมาทั้งหมดนี้แต่สุดท้ายพวกนางไม่ต้อนรับเจ้า เช่นนั้นการที่เจ้าลาออกจากโรงงานสิ่งทอไม่เปล่าประโยชน์หรือ?”
“ใช่ เจ้าถามแม่นางมู่หลานแล้วหรือ?”
หัวหน้าหมู่บ้านเองก็มองไปที่เสี่ยวอวี้เช่นกัน
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จินเฟิงก็ยิ้มเจื่อนและส่ายหัว
คนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้ดีว่าชิ่งมู่หลานบ่นมานานแล้วว่ามีทหารหญิงน้อยเกินไป นางกำลังจะพูดถึงการเพิ่มจำนวนทหารหญิงในเร็ววันนี้
เสี่ยวอวี้ไปหานางที่บ้านทุกวัน แล้วชิ่งมู่หลานจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร?
หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านถาม เสี่ยวอวี้ก็พูดอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน ข้าถามแล้ว ข้าผ่านการทดสอบทั้งหมดแล้วด้วย พี่มู่หลานบอกว่าข้าสามารถเข้าร่วมกองกำลังได้ทุกเมื่อ”
“นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร? นี่ไม่ได้เป็นการพาเสี่ยวอวี้ไปสู่ความชั่วร้ายหรอกหรือ?”
หัวหน้าหมู่บ้านโกรธมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ข้าจะไปถามนางว่านางต้องการทำสิ่งใดกันแน่!?”
“สามี” ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านคว้าเขาเอาไว้และเอ่ยเตือนด้วยเสียงแผ่ว “เราไม่สามารถทำให้นางขุ่นเคืองได้…”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์