บทที่ 176 ชิ่งมู่หลานอับอายแล้ว
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้พูดจาเอาใจผู้ใด เหล้านี้เป็นเหล้าที่ดีที่สุดที่ข้าเคยดื่มในชีวิตจริง ๆ!”
เถี่ยฉุยเอ่ยยกย่องอย่างจริงใจ
“เช่นนั้นก็ดี!”
จินเฟิงหยิบไหเหล้าขึ้นมา จากนั้นก็รินให้เถี่ยฉุยอีกหนึ่งจอก “หลังจากดื่มจอกนี้แล้ว เจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิด อย่าลืมนำเนื้อตุ๋นกลับไปให้ภรรยาและลูกของเจ้ากินด้วย”
ไม่ใช่ว่าจินเฟิงหวงแหนเหล้าไหนี้ แต่เขาตระหนักดีถึงฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
เถี่ยฉุยดื่มเร็วเกินไป ตอนนี้แอลกกอฮอล์ยังอยู่ในกระเพาะของเขา อีกฝ่ายจึงยังคงมีสติดีอยู่ แต่เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดแล้ว จินเฟิงเองก็ไม่แน่ใจว่าเถี่ยฉุยจะสามารถประคองสติของตนเองได้อยู่อีกหรือไม่
“ข้าขอบคุณท่านอาจารย์!”
แม้ว่าเถี่ยฉุยจะยังไม่อยากจากไป แต่ในเมื่อจินเฟิงได้เอ่ยปากออกมาแล้ว เขาเองก็ไม่อยากจะขัดคำสั่ง
เถี่ยฉุยกำลังจะลุกขึ้นเพื่อไปยกชามเนื้อตุ๋น แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนโลกหมุนขึ้นมาดื้อ ๆ เขาจึงเอื้อมมือไปจับขอบโต๊ะ ทว่าจับได้ไม่มั่นคงจึงล้มลงกับพื้นในที่สุด
“ไม่ถูก เหตุใดเหล้านี้จึงมีฤทธิ์รุนแรงยิ่งนัก”
เถี่ยฉุยส่ายหัวไปมาและลุกขึ้นยืนอีกครั้งโดยจับเก้าอี้ไว้
“รีบกลับไปตอนที่เจ้ายังพอมีแรงและสติเถิด หากล่าช้ากว่านี้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะจำทางกลับบ้านไม่ได้แล้ว”
จินเฟิงยิ้มและตะโกนออกไปข้างนอก “เหล่าหลิน พาหลิวเถี่ยไปส่งที!”
“รับทราบ!”
ผู้คุ้มกันกะกลางคืนเข้ามารับจอกเหล้าจากจินเฟิงด้วยมือซ้าย และพยุงเถี่ยฉุยเอาไว้ด้วยมือขวา
“ข้าเดินเองได้ ไม่รบกวนให้เจ้าช่วย”
เถี่ยฉุยผลักเหล่าหลินออกไป “ข้าเพิ่งดื่มไปไม่กี่จอกเท่านั้น ตอนที่ข้าได้ดื่มกับอดีตหัวหน้าคุ้มกันภัย มากที่สุดคือพวกข้าดื่มกันสองไหในคราวเดียว…”
“จบเห่แล้ว หากเริ่มนึกย้อนอดีตเช่นนี้ ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะดื่มมากเกินไปแล้วจริง ๆ”
จินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นและตะโกนไปที่ประตูอีกครั้ง “เหล่าซาน เจ้าเข้ามาช่วยเหล่าหลินที พาหัวหน้าของพวกเจ้ากลับไปส่งที่บ้านหน่อย”
“ท่านอาจารย์ ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องส่งข้า…”
เถี่ยฉุยโบกมือของเขาไปมา
เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ เขาจึงทำท่าจะก้าวออกไปด้วยตัวเอง
ผลคือ ก่อนที่จินเฟิงจะเอื้อมมือออกไปจับเถี่ยฉุยเอาไว้ เท้าซ้ายของเขาก็สะดุดกับเท้าขวา คนไม่เมาล้มลงกับพื้นเสียงดังตึ้ง!
“เอาล่ะ หยุดสร้างปัญหาแล้ว รีบออกไปจากที่นี่ซะ!”
จินเฟิงเตะก้นเถี่ยฉุย “หากเจ้ายังอ่อนปวกเปียกเช่นนี้ ในอนาคตอย่าหวังเลยว่าจะได้ดื่มอีก!”
ตอนนี้เถี่ยฉุยกลัวมาก เขาจึงยอมรับการช่วยเหลือจากทหารผ่านศึกแต่โดยดี
จินเฟิงมองไปตามหลังของคนทั้งสามด้วยแววตาครุ่นคิด
ในต้าคังขาดแคลนอาหาร ไม่รู้ว่าในแต่ละวันมีผู้คนอดตายไปมากเท่าไร ดังนั้นจินเฟิงจึงไม่เคยคิดที่จะทำเงินจากการต้มเหล้า
ชายหนุ่มคิดว่า ไม่ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับทหารม้าหรือโจร เมื่อถึงเวลาต้องลงมือ เขาก็จะไม่ลังเลใจที่จะออกคำสั่งโจมตี
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคำสั่งนี้จะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต มีการนองเลือดมากมาย ต่อให้เขาจะรู้สึกอึดอัดเพียงไหนจินเฟิงก็จะไม่สั่นคลอน
เพราะศัตรูล้วนเป็นปีศาจร้าย หากต้องการเอาชีวิตรอดในโลกที่วุ่นวายนี้ เขาจะต้องโหดเหี้ยมให้มากกว่าศัตรู
หากไม่ฆ่าศัตรู สหายหรือแม้แต่ตัวเองก็อาจต้องเป็นฝ่ายจบชีวิตลงแทน
แต่ทุกคนก็มีหลักการดำเนินชีวิตเป็นของของตัวเอง หากไม่จำเป็นจินเฟิงจะไม่ฆ่าใครตามใจชอบ
เช่นเดียวกับการทำสงครามและการทำเงิน…
แม้เขาจะเป็นชายผู้รักในโชคลาภ อย่างไรเสีย ก็ควรรักในทางที่ถูกต้อง
บัณฑิตหนุ่มชอบหาเงิน แต่เขาไม่อยากให้เงินที่เขาหามาได้เป็นเงินสีเทา
วิธีการหาเงินมีหลายวิธี เขาไม่จำเป็นต้องเบียดเบียนเมล็ดข้าวและธัญพืชจากผู้อื่นมาทำเหล้าเพื่อหาประโยชน์ให้แก่ตัวเอง
สุดท้ายจินเฟิงก็ปิดไหเหล้าอย่างเงียบ ๆ
วันรุ่งขึ้น ทหารหญิงและทหารผ่านศึกกำลังจะทำการฝึกซ้อมเสมือนจริง กวานเสี่ยวโหรวเองก็มาปลุกเรียกสามีตั้งแต่เช้า
จินเฟิงยิ้มออกทันทีเมื่อเขาเห็นว่าชิ่งมู่หลานและเถี่ยฉุยต่างก็อยู่ในสนาม
แม้ว่าผู้องอาจผึ่งผายทั้งสองจะมีอาการเหี่ยวเฉาราวใบไม้แห้งไปหน่อยก็ตาม
ดูเหมือนว่าอาการของเถี่ยฉุยจะดีกว่าชิ่งมู่หลานเล็กน้อย เพราะเขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ หรืออาจเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งมากกว่าจึงสามารถกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้อย่างเร็ว ถึงแม้ว่าสีหน้าของเถี่ยฉุยจะไม่สู้ดีนัก แต่เขาก็ยังสามารถยืนได้อย่างมั่นคง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์