บทที่ 179 สบโอกาส
โจรที่รับผิดชอบเรื่องเฝ้าติดตามจินเฟิงรีบวิ่งเข้าไปในลานบ้านของหัวหน้าโจรเพื่อรายงานการเคลื่อนไหวทันที
“พี่ใหญ่ จินเฟิงออกจากซีเหอวานแล้ว!”
“เจ้าแน่ใจนะ?”
หัวหน้าโจรวางหมั่นโถวลงแล้วเงยหน้าขึ้นถาม
“ข้าน้อยกำลังเฝ้าดูอย่างระมัดระวังอยู่ ไม่ใช่แค่จินเฟิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คุ้มกันของเขาและทหารหญิงในชุดเกราะอีกสิบคนด้วย”
เขารายงานต่อ “นอกจากคนที่ขี่ม้าออกไป พวกเขายังมีรถม้าด้วย ข้าว่าคงมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นหญิงร่วมเดินทางไปกับจินเฟิงในครั้งนี้ แต่ข้ามองเห็นได้ไม่ชัดเจนว่ามีใครบ้าง”
โจรผู้นี้ถูกบิดาซึ่งเป็นนายพรานฝึกให้ยิงธนูตั้งแต่เด็ก เรื่องการยิงธนูเขาไม่ได้เก่งกาจนัก แต่ด้วยสายตาที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เขาสามารถบอกได้ว่ากระต่ายที่หมายตาเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ด้วยการมองจากระยะไกลหนึ่งถึงสองลี้
หัวหน้าโจรจึงเชื่อในคำที่เขาถ่ายทอด หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งหัวหน้าโจรก็เอ่ยถาม “รู้หรือไม่ว่าพวกเขากำลังจะเดินทางไปที่ใด?”
“ข้าไม่รู้ ข้าเองก็ได้ยินไม่ถนัดนัก”
ลูกน้องของเขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเดินทางออกจากซีเหอวาน แต่คนในหมู่บ้านต่างก็เตรียมป้องกันหมู่บ้านและพร้อมรับมืออย่างดี ข้าส่งคนไปที่นั่นสองสามคน แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในหมู่บ้านได้ อีกทั้งที่นั่นยังมีการลาดตระเวนในเวลากลางคืนอีกด้วย สถานที่สำคัญ ๆ เองก็มีคนยืนเฝ้าอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่สามารถลักลอบเข้าไปได้เลย”
“จินเฟิงผู้นี้ช่างรอบคอบเสียจริง”
หัวหน้าโจรรู้ดีว่าพวกชาวบ้านคงมารวมตัวกันเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถบุกเข้าไปได้
“แต่ข้าเห็นว่าทหารม้าของพวกเขาบรรทุกสัมภาระ บนหลังเกวียนมีสัมภาระมากมาย รวมไปถึงหม้อใบใหญ่ ราวกับว่าพวกเขากำลังเดินทางไกลอย่างไรอย่างนั้น” ลูกน้องโจรกล่าว
“มีผู้คุ้มกันยี่สิบคน อีกทั้งยังขนหม้อไปด้วยอย่างนั้นหรือ?”
แววตาของเขาเป็นประกายราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปรับรางวัลได้เลย!”
“รับทราบ!”
โจรตัวน้อยพยักหน้าและโค้งคำนับ
หัวหน้าโจรเคาะโต๊ะและคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนไปที่ประตู
“เหลาจิ่ว พาคนไปที่ถนนซื่อชวนและถนนกวางเหยวียน เพื่อจับตาดูว่าจินเฟิงกำลังจะไปทางใด?”
เขาเชื่อว่าลูกน้องที่เขาส่งไปสืบข่าวนั้นวิเคราะห์เหตุการณ์ได้อย่างถูกต้อง หากพวกเขาไปแค่ตัวอำเภอจินชวน ย่อมสามารถไปกลับได้ภายในวันเดียว ไม่จำเป็นต้องนำหม้อติดตัวไปด้วย นี่แสดงว่าจินเฟิงจะต้องเดินทางไกลอย่างแน่นอน
“รับทราบ!”
ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูตอบตกลงแล้ววิ่งออกไป
ภูเขาในชวนสู่*[1] ทอดยาวต่อเนื่องกันและมีถนนที่ทอดออกมาจากภูเขาไม่มากนัก หากเขาส่งคนไปจับตาดูตามถนนเส้นต่าง ๆ พวกเขาก็จะสามารถคาดเดาได้คร่าว ๆ ว่าจินเฟิงจะมุ่งหน้าไปที่ใด
ไม่นานเหลาจิ่วก็กลับมา
“พี่ใหญ่ จินเฟิงและพวกไปทางถนนกวางเหยวียน อาจมุ่งหน้าไปในตัวเมือง”
“การเดินทางไปกลับเมืองกวางเหยวียนอย่างเร็วที่สุดจะใช้เวลาสี่วัน แต่หากมัวโอ้เอ้ก็อาจใช้เวลานานมากกว่านั้น…”
หัวหน้าโจรตบโต๊ะ “เตรียมม้า ไปยังจวนว่าการ!”
ครึ่งชั่วยามต่อมา หัวหน้าโจรพร้อมด้วยพวกพ้องอีกสองสามคนก็ขี่ม้าเข้าไปยังตัวอำเภอจินชวน และมุ่งหน้าสู่จวนตระกูลจ้าว
ผู้เฝ้ายามจวนตระกูลจ้าวคุ้นเคยกับหัวหน้าโจรเป็นอย่างดี เขาจึงพาพวกหัวหน้าโจรเข้าไปด้านในโดยไม่เอ่ยถามสิ่งใด
“เหล่าเนี่ยโถว นายท่านอยู่หรือไม่?”
หัวหน้าโจรมอบสายบังเหียนให้กับข้ารับใช้ตระกูลจ้าวและเอ่ยถามผู้เฝ้ายาม
“นายท่านเข้าไปที่ศาลาว่าการ ยังไม่กลับมา”
ผู้เฝ้ายามเอ่ยถาม “พี่ใหญ่มาหานายท่านถึงที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือ?”
“เป็นเรื่องด่วน แต่ไม่เหมาะที่จะพูดคุยที่ศาลาว่าการ เจ้ามุ่งหน้าไปที่นั่นและแจ้งนายท่านว่าข้ามาขอพบ หากเขาพอจะมีเวลา รบกวนกลับมาที่นี่สักเดี๋ยว”
หลังจากที่หัวหน้าโจรพูดจบ เขาก็ยัดเศษเงินใส่มือผู้เฝ้ายาม
ผู้เฝ้ายามอาวุโสรีบเก็บเศษเงินแล้วออกไปพร้อมรอยยิ้มทันที “พี่ใหญ่รอที่นี่สักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานนายท่านที่ศาลาว่าการ!”
จวนตระกูลจ้าวอยู่ห่างจากศาลาว่าการเพียงไม่กี่จั้ง ไม่ช้าชายวัยกลางคนสวมเครื่องแบบ ‘จ้าวเสี้ยนเว่ย’ ก็เดินเข้ามาในลานบ้าน
หน้าที่ของเสี้ยนเว่ยคือการสั่งการกองทหารท้องถิ่น
ทหารท้องถิ่นมีลักษณะคล้ายกับตำรวจในยุคสมัยปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังสนับสนุน กองทหารอาสา และตำรวจติดอาวุธ นอกจากการรักษาความมั่นคงในท้องถิ่นแล้ว เมื่อสงครามมาถึงและขาดแคลนกำลังหลัก ทหารท้องถิ่นก็จำเป็นต้องลงสนามรบเพื่อทำเพื่อทำการสู้รบแทนทหารประจำการ
ในกรณีที่ไม่มีทหารประจำการ ทหารท้องถิ่นจึงเป็นกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในท้องที่นั้น ๆ
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์