บทที่ 184 ที่หลบฝน
“หัวหน้า เราไล่ตามมาสองลี้แล้ว เหตุใดเรายังไม่พบท่านอาจารย์อีก?”
ทหารผ่านศึกพูดอย่างกังวล “จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่?”
พวกเขาควบม้าลงมาจากภูเขาและใช้เวลาไปไม่น้อย
“หุบปากของเจ้าซะ!”
ทหารผ่านศึกอีกคนตะโกนและสบถออกมา “ท่านอาจารย์ไปพร้อมรถม้า พวกโจรที่วิ่งด้วยสองขาไม่สามารถตามเขาทันได้อย่างแน่นอน มันจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นได้?”
“หัวหน้า ดูนั่นสิ ทางนั้นเหมือนมีโจร!”
ทหารผ่านศึกชี้ไปที่เนินเขาแล้วกล่าว
เถี่ยฉุยมองตามทางที่ทหารผ่านศึกคนนั้นชี้และเห็นคนหลายชีวิตวิ่งขึ้นไปบนเนินเขาข้างถนนเส้นหลัก
“หัวหน้า ต้องการไล่ล่าพวกเขาหรือไม่?”
ตอนนี้พวกโจรอยู่ห่างจากพวกเขาเกือบร้อยจั้ง หากพวกเขาต้องการไล่ล่าจริง ๆ พวกเขาอาจจะยังตามทันได้
“ไม่ต้อง หากไล่ตามพวกเขาแปลว่าพวกเราต้องทิ้งม้า นั่นใช้เวลานานเกินไป ตอนนี้เราต้องหาท่านอาจารย์ให้เจอ”
เถี่ยฉุยคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจไปหาจินเฟิงก่อน
“ถือว่าพวกมันโชคดีไป!”
ทหารผ่านศึกมองดูแผ่นหลังของโจรแล้วควบม้าตามเถี่ยฉุยไป
อย่างไรก็ตาม รถม้าไม่ได้เร็วเท่ากับการขี่ม้าตัวเดียวเดี่ยว ๆ พวกเขาไล่ตามไปอีกหนึ่งลี้ ในที่สุดก็เห็นรถม้า
จินเฟิงได้ยินเสียงกีบม้าด้านหลัง เมื่อมองย้อนกลับไปและเห็นว่าเป็นเถี่ยฉุยเขาจึงหยุดรถม้าลง
“พวกโจรแยกย้ายกันไปหรือยัง?” จินเฟิงถาม
“พวกเขาหนีไปหมดแล้ว!” เถี่ยฉุยพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณความคิดอันชาญฉลาดของท่านอาจารย์”
“เช่นนั้นก็กลับกันเถิด” จินเฟิงเงยหน้าขึ้นและมองท้องฟ้า “ท้องฟ้ามีเมฆมากและมืดครึ้ม ฝนอาจกำลังจะตกในไม่ช้า”
“รับทราบ!”
ทหารผ่านศึกคอยตามประกบรถม้าและกลับไปยังตำแหน่งที่ต่อสู้กันอีกครั้ง
ชิ่งมู่หลาน ทหารหญิง และกวานเสี่ยวโหรวกำลังรออยู่ริมถนน ในขณะที่ทหารผ่านศึกที่เหลือกำลังมองศพที่ยังไม่ถูกกลุ่มโจรขนไป
“เหตุใดพวกเจ้าจึงลงมาที่นี่?”
เถี่ยฉุยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“พวกโจรลงมาจากภูเขาหมดแล้ว และพวกโหวจื่อก็กำลังเฝ้าดูอยู่…”
ชิ่งมู่หลานกล่าว
จินเฟิงมองไปตามทิศทางของชิ่งมู่หลาน แน่นอนว่าเขาเห็นโหวจื่อนั่งยอง ๆ บนกองดินเล็ก ๆ และมองลงมา
ถัดจากกองดินตรงนั้น มีทางคดเคี้ยวสูงชันทอดลงมาจากภูเขา
“พวกโจรเป็นเพียงอันธพาลที่ไร้ระเบียบวินัย เมื่อพวกเขาถูกฆ่าและสูญเสียความกล้าหาญไป พวกเขาจะไม่กล้ากลับมาอีก”
จินเฟิงถามว่า “ตอนนี้สามารถระบุได้แล้วหรือยังว่าเป็นโจรกลุ่มใด?”
กองโจรจำนวนมากจะมีรอยสักบนร่างกาย นั่นไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเป็นกลุ่มเป็นก้อนของพวกโจร แต่ยังป้องกันการแปรพักตร์อีกด้วย
กองโจรจำนวนมากไม่ยอมรับคนที่มีรอยสัก
“พวกเขาไม่มีรอยสักบนร่างกาย ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นโจรกลุ่มใด”
ทหารผ่านศึกที่รับผิดชอบในการตรวจสอบศพเอ่ยตอบ
“อาวุธล่ะ?” จินเฟิงยังคงถามต่อ “การที่จะเป็นมือธนูนั้นไม่ง่ายเพราะต้องผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี หากมีมือธนูมากกว่ายี่สิบคนโผล่ออกมาจากถ้ำโจร พวกเขาต้องไม่ใช่โจรธรรมดาอย่างแน่นอน”
นี่คือเหตุผลที่จินเฟิงฝึกให้ทหารผ่านศึกใช้หน้าไม้
เพราะการจะเป็นมือธนูที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องหลายปี ทว่าหน้าไม้ที่เขาพัฒนาขึ้นนั้นมีความรวดเร็ว แม่นยำ
ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็สามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ภายในไม่กี่วัน
“ล้วนเป็นขวานและดาบยาวที่หาซื้อได้ตามตลาด ส่วนธนูและลูกธนูน่าจะทำเอง อีกทั้งยังมีไม้กระบองอีกหลายแบบ” ทหารผ่านศึกตอบ
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้องดังอยู่ไม่ไกล และท้องฟ้าก็มืดลงเรื่อย ๆ
จินเฟิงรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างน่าสงสัยเกี่ยวกับการซุ่มโจมตีในวันนี้ แต่เขาไม่สามารถหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ได้ในยามนี้
เขาเงยหน้าขึ้นและมองดูเมฆดำหนาทึบ พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ฝนใกล้ตกแล้ว รีบไปกันเถอะ เราต้องหาที่พักแรมให้ได้ก่อนที่ฟ้าจะมืดลง!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์