บทที่ 215 ผลัดกันข่มขู่
“ใต้เท้าจวิ้นโส่ว นางไม่เพียงแต่บุ่มบ่ามเข้ามาหาข้าเท่านั้น”
จินเฟิงหัวเราะเยาะ “หากวันนี้ข้าไม่ได้ออกมากับผู้ติดตาม ข้าคงถูกนางทุบตีจนตายไปแล้ว”
“ซวงเอ๋อร์เป็นคนดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก นางมักจะพูดจาโผงผางและไม่ระมัดระวังคำพูด แต่เชื่อเถิดว่านางไม่ได้มีเจตนาทำให้ท่านอาจารย์ต้องเสื่อมเสียจริง ๆ”
จวิ้นโส่วระงับอารมณ์ของตนเองและพูดอย่างอดทน “พรุ่งนี้ข้าจะขอให้ซวงเอ๋อร์จัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นการไถ่โทษที่เสียมารยาทกับท่านอาจารย์ไป”
“ไม่ได้!” จินเฟิงหันไปด้านข้าง แสดงให้เห็นแผ่นหลังของเขา “หลานสาวของเจ้าไม่ได้หยาบคายเพียงคำพูดเท่านั้น ร่องรอยบนแผ่นหลังของข้าถือเป็นผลงานชิ้นเอกของนาง หากจวิ้นโส่วไม่ดำเนินการ ข้าจะถือว่าข้าไม่ได้รับเกียรติให้เข้าพบใต้เท้าจวิ้นโส่ว!”
“ว่าอย่างไรนะ?!”
ดวงตาของจวิ้นโส่วเบิกกว้างขึ้นทันที
ต้าคังมีลำดับชั้นที่ชัดเจนและราษฎรที่ทำร้ายขุนนางนั้น มีโทษร้ายแรงกว่าทาสในบ้านที่ลุกขึ้นมาตบตีเจ้านายเสียอีก
ตามกฎหมายแล้ว จินเฟิงสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการกับหลานสาวของเขาได้
ในเวลานี้จวิ้นโส่วตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“ท่านอาจารย์ ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นแน่…”
“ไม่มีความเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น ผู้คนโดยรอบเป็นพยานได้!”
บัณฑิตหนุ่มชี้ไปรอบ ๆ
“ไว้กลับไปข้าจะสอนบทเรียนให้แก่หลานสาวอย่างแน่นอน ท่านอาจารย์จินได้โปรดให้อภัยในความไม่รู้ของนางด้วย”
จวิ้นโส่วรักหญิงดุร้ายคนนี้มาก นางเป็นเสมือนบุตรสาวแท้ ๆ ของเขา น้ำเสียงของชายชราอ่อนน้อมถ่อมตนมากเป็นพิเศษ
แต่หลังจากได้ยินดังนั้น จินเฟิงก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
เขานึกถึงคำโบราณในอินเทอร์เน็ตที่ใช้กันในยุคหลังอย่างคำว่า เธอยังเป็นเด็ก…
“เสียวเป่ย ข้าพูดไปแล้วว่าจะให้เจ้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
จินเฟิงไม่ตอบจวิ้นโส่ว แต่หันไปมองถังเสียวเป่ยแทน
ถังเสียวเป่ยกำลังเพลิดเพลินกับการแสดงตรงหน้า เมื่อนางได้ยินจินเฟิงถามคำถามก็อ้ำอึ้งไปชั่วขณะ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จวิ้นโส่วเองก็มองไปที่ถังเสียวเป่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเสียวเป่ย การคัดเลือกฮวาขุยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าได้มอบรางวัลเพื่อสนับสนุนเจ้าไปไม่น้อย หวังว่าแม่นางเองก็จะแสดงความมีน้ำใจเช่นกัน”
ก่อนหน้านี้ถังเสียวเป่ยไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจวิ้นโส่วที่มีสถานะเหนือกว่าจะพูดกับนางด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือประหม่า แต่มือของหญิงสาวสั่นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม นางพอจะรู้ว่านี่น่าจะเป็นบททดสอบที่จินเฟิงมอบให้ตนเอง
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เนื่องจากจวิ้นโส่วได้เอ่ยปากแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะให้เกียรติท่าน”
ก่อนที่จวิ้นโส่วจะทันได้มีความสุข เขาก็ได้ยินถังเสียวเป่ยพูดต่อ “แต่นางดูถูกและทุบตีพี่สาวของข้า อีกทั้งยังทำร้ายร่างกายท่านอาจารย์ของข้าอีก นางอาจได้รับการยกเว้นจากโทษประหาร แต่นางไม่สามารถหลบหนีอาชญากรรมที่ก่อขึ้นได้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องโดนลงโทษ!”
“ไม่ทราบว่าแม่นางเสียวเป่ยมีวิธีการลงโทษอย่างไรหรือ?”
จวิ้นโส่วถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ง่ายมาก หากท่านอาจารย์ของข้ามาไม่ทัน พี่สาวของข้าก็คงถูกเปลื้องผ้าเปลือยเปล่า ถูกน้ำมูลราดและถูกแห่ไปตามถนน จบด้วยการแขวนประจานที่ประตูทางเข้าตรอกเฟิงเยว่!”
ถังเสียวเป่ยเผชิญหน้ากับการจ้องมองที่อาฆาตยิ่งขึ้นของจวิ้นโส่ว หญิงสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้น ทำตามที่นางพูดเป็นอย่างไร?”
“นี่เจ้า!”
จวิ้นโส่วเอ่ยกับถังเสียวเป่ยเสียงแข็ง จากนั้นก็หันไปมองจินเฟิง “ท่านอาจารย์จิน ข้ามองว่าสิ่งนี้มากเกินไปหน่อย”
เขารู้ว่าถังเสียวเป่ยเป็นเพียงเบี้ยในกระดาน และจินเฟิงก็เป็นผู้ตัดสินใจเด็ดขาด
“มากเกินไปอย่างนั้นหรือ?” จินเฟิงส่ายหัว “ข้าคิดว่าการปฏิบัติต่อนางในแบบที่นางปฏิบัติต่อผู้อื่นนั้นเหมาะสมแล้ว”
ถังเสียวเป่ยตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา เวลานี้จินเฟิงต้องยืนหยัดเคียงข้างนางอย่างมั่นคง
ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สามารถเป็นผู้นำได้ในอนาคต
“ท่านอาจารย์จิน เวลาทำสิ่งต่าง ๆ ท่านก็ควรเหลือช่องทางไว้ให้ตัวเองด้วย ในอนาคตเราคงได้พบเจอกันอีก อย่าให้มันมากเกินไปนักเลย”
ความอดทนของจวิ้นโส่วถึงขีดจำกัดแล้ว และเส้นเลือดบนหน้าผากชายชราก็ปูดนูนออกมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์