บทที่ 309 ย่องเบา
กุนซือเฝิงนำคนของเขาเข้าไปในหุบเขาและได้พบชายแข็งแกร่งสองคนกำลังนั่งแทะขาหมูป่า
“สวี่ตางเจีย หลู่ตางเจีย ข้าเพิ่งได้ข่าวมาว่าจินเฟิงกำลังไล่ล่าจ้าวเสี้ยนเว่ยและพาคนมุ่งหน้าไปทางแม่น้ำเจียหลิง ท่านทั้งสองต้องการที่จะลงมือหรือไม่?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าต้องไปจัดการเขา!”
หลู่ตางเจียโยนขาหมูลงพื้น “ข้าใช้ชีวิตอย่างอิสระในจินชวนมาหลายปี และไม่เคยต้องมาเจอเรื่องหดหู่ขนาดนี้มาก่อน ข้าไม่เคยถูกขวางหน้ามาก่อน หากกุนซือเฝิงไม่มาห้ามข้า ไม่กี่วันที่ผ่านมาข้าคงพาสหายบุกไปที่ซีเหอวานแล้ว เพราะข้าอยากจะไปแก้แค้นจินเฟิง!”
“โชคดีที่เจ้าไม่ได้ไป จินเฟิงมีไหวพริบดีมาก เขานำอาวุธทรงพลังมากมายกลับมาจากสนามรบ หากเจ้านำคนไปโจมตีซีเหอวานอย่างประมาทเลินเล่อ ซวงถัวเฟิงของเจ้าก็จะมีจุดจบเช่นเดียวกับเขาเถี่ยกว้าน!”
สวี่ตางเจียเยาะเย้ย
“กุนซือเฝิงเพิ่งบอกว่าตอนนี้ทหารผ่านศึก ทหารหญิง และบุรุษในซีเหอวานต่างก็กระจายตัวกันออกไปตามจุดต่าง ๆ เหลือสตรีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในหมู่บ้านไม่ใช่หรือ ดังนั้นมันก็ไม่น่ายากเลยสำหรับพวกเราที่จะฆ่าสตรีสองสามคนเหมือนกับการฆ่าไก่เป็นเล้า”
หลู่ตางเจียพูดด้วยความดูถูก “หากซีเหอวานโจมตีภูเขาหู่โถวของเจ้าก็ขอให้บอกข้าได้เลย ข้าผู้นี้จะพาสหายจากซวงถัวเฟิงไปช่วยเจ้าเอง!”
พวกเขาทั้งสองเป็นหัวหน้าโจรเขาหู่โถวและซวงถัวเฟิง โจรกลุ่มเล็ก ๆ ในหุบเขาต่างก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาทั้งคู่
กระต่ายเจ้าเล่ห์ยังต้องมีสามโพรง นับประสาอะไรกับกลุ่มโจรที่จะไม่มีแผนรับมือ?
เมื่อเลือกฐาน พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องเลือกสถานที่ที่ป้องกันง่ายแต่โจมตียากเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการล่าถอยด้วย
ด้านหลังของเขาหู่โถวมีเส้นทางลับ แม้ว่าจะสูงชันมากและปีนยาก แต่การไต่เชือกลงจากภูเขานั้นง่ายดายยิ่งนัก
และนี่คือการหนีออกจากเขาหู่โถว
เช่นเดียวกับซวงถัวเฟิงที่มีเส้นทางที่ใช้หลบหนีในช่วงเวลาวิกฤติเช่นกัน
โจรทั้งสองกลุ่มพบว่าทางขึ้นลงเขาถูกปิดกั้นจึงได้พากันหนีออกมาตามเส้นทางดังกล่าว
หลังจากหลบหนี ปฏิกิริยาแรกของหัวหน้ากลุ่มโจรทั้งสองคือการตามหาผู้สนับสนุนของพวกเขา แต่กุนซือเฝิงมาพบพวกเขาทั้งคู่เสียก่อน
กุนซือเฝิงเองก็เป็นมือมืดของเผิงเหล่าเหยียที่เชี่ยวชาญในการจัดการกับโจร เขารู้นิสัยและความคิดของโจรเป็นอย่างดี ด้วยลิ้นอันแหลมคมของเขา กุนซือเฝิงก็ได้นำกลุ่มโจรสองกลุ่มจากสองกองกำลังมารวมตัวกันจนได้
“ท่านทั้งสอง จ้าวเสี้ยนเว่ย เผิงเหล่าเหยีย และจูเหล่าเหยีย ต่างก็ถูกจินเฟิงจับตัวไปหมดแล้ว เมื่อพิจารณาจากท่าทางของจินเฟิง ในอนาคตเราคงไม่สามารถตั้งหลักในจินชวนได้อีกต่อไป เราคงต้องเดินทางไปหาเลี้ยงชีพที่อื่น และเมื่อเราไปถึงดินแดนใหม่ เราจะต้องเป็นศัตรูกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราจะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อเราทั้งหมดร่วมมือกัน”
กุนซือเฝิงกลัวว่าทั้งสองคนจะเป็นเดือดเป็นร้อน เขาจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและทำหน้าที่เป็นผู้สร้างสันติ “ในอนาคตเราทุกคนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราจะร่วมฝ่าฟันสิ่งต่าง ๆ ไปด้วยกัน หากเราเกิดความขัดแย้งกันเอง คนอื่นจะมาหัวเราะเยาะเอาได้”
“เพื่อเห็นแก่กุนซือเฝิงในครั้งนี้ ข้ากับเขาจะหยุด!”
หลู่ตางเจียผู้มีคางสองชั้นเช็ดมุมปากของเขาแล้วถามว่า “กุนซือเฝิง ข้าได้ยินมาว่าสตรีในซีเหอวานนั้นงดงามมาก เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
เขาเองก็เคยเป็นคนของเผิงเหล่าเหยียและคุ้นเคยกับกุนซือเฝิงมานานแล้วจึงพูดแบบเป็นกันเองมากขึ้น
“เป็นเรื่องจริง ข้าเคยพบเจอมาแล้ว คนงานหญิงในโรงงานสิ่งทอล้วนมีผิวขาวน่าสัมผัส ทั้งยังมีกลิ่นหอมติดผิวกายอีกด้วย พวกนางมีน้ำมีนวลเสียยิ่งกว่าหญิงสาวจากหอนางโลมในตัวอำเภอเสียอีก!”
กุนซือเฝิงกล่าวต่อ “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีทาสที่เป็นหญิงจำนวนมากในซีเหอวาน จินเฟิงเพิ่งซื้อตัวพวกนางมาจากกวางเหยวียน พวกนางไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังสามารถเล่นพิณ หมากรุก เขียนพู่กันและวาดภาพได้อีกด้วย หลายคนเคยได้รับการฝึกฝนจากหอนางโลมและเป็นผู้ปรนนิบัติได้อย่างยอดเยี่ยมเชียวล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลู่ตางเจียก็เป็นประกายขึ้นทันที
ในบรรดาโจรทั้งหมดในจินชวน ม้าเนื้อจากซวงถัวเฟิงมีจำนวนมากที่สุด
หลู่ตางเจียผู้นี้เคยอวดคนข้างนอกว่าเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกคืนและได้ร่วมหลับนอนกับหญิงสาวจำนวนมากกว่าฝ่าบาทเสียอีก



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์