บทที่ 49 ปราบโจร
“การเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาในสนามรบถือเป็นข้อห้ามในกองทัพมาโดยตลอด ข้าคิดว่าอย่างไรท่านพ่อก็ต้องให้ความช่วยเหลือ แต่อาจต้องใช้เวลากว่าสิบวันคำสั่งโยกย้ายถึงจะออก บวกกับเวลาที่เจิ้งฟางและหลิวฉยงต้องเดินทางไปกลับ อาจต้องใช้เวลาราว ๆ หนึ่งเดือน ข้าเองก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เช่นกัน”
ชิ่งไหวกล่าว “ข้าเดาว่าสถานการณ์ของกองทัพเถี่ยหลินคงไม่ค่อยดีนัก ท่านพ่อเลยหวังให้ข้ากลับคืนสู่กองทัพโดยเร็วที่สุด”
ท่านโหวหนุ่มเองก็ประหลาดใจที่ได้รับคำสั่งโยกย้ายมาอยู่ในมืออย่างรวดเร็วเพียงนี้
หลังจากที่สอบถามเจิ้งฟางอย่างละเอียดแล้ว เขาก็เข้าใจว่าเหตุใดท่านพ่อจึงตัดสินใจทำเช่นนี้
เขารู้ดีว่าเพื่อให้ได้คำสั่งโยกย้ายนี้มา ชิ่งกั๋วกงคงจะเสียเงินไปจำนวนมาก
จินเฟิงเองไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะได้ยินจางเหลียงบอกว่าชิ่งไหวเป็นแม่ทัพของกองทัพเถี่ยหลิน
บัณฑิตหนุ่มคิดว่าชิ่งกั๋วกงคงไม่ต้องการให้กองทัพเถี่ยหลินของบุตรชายต้องเสียหายอย่างหนัก การเจรจาจึงผ่านพ้นไปอย่างง่ายดาย
เขาไม่รู้เลยว่าเจิ้งฟางปากโป้ง ทรยศตนเองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ท่านจะออกเดินทางเมื่อใดหรือ?”
นี่คือความกังวลที่หนักที่สุดของจินเฟิง
“ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี” ชิ่งไหวตอบ “พวกจงอู่กำลังเก็บข้าวของสัมภาระแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งให้เจ้าเตรียมตัวสำหรับการออกเดินทางในวันพรุ่งนี้”
“อะไรนะ ออกเดินทางวันพรุ่งนี้หรือ?”
จินเฟิงเลิกคิ้วถาม “รีบร้อนขนาดนั้นเชียว?”
กรรมวิถีการถลุงเหล็กของต้าคังนั้นล้าสมัยเกินไป ถ่านหินก็เพิ่งถูกส่งมาถึงไม่กี่วัน และเตาที่มีนั้นก็เป็นเตาชั่วคราว ความสามารถในการผลิตของจินเฟิงภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวถือว่าไม่เลว แต่ในแง่คุณภาพการผลิตนั้นยังถือว่าต่ำมาก
เพราะจนถึงตอนนี้ ลวดเหล็กที่มีนั้นยังห่างไกลกับความต้องการที่คาดหวังมาก
“ท่านอาจารย์ติดขัดปัญหาด้านใดหรือ?” ชิ่งไหวถาม
“ข้ายังมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการ” จินเฟิงตอบ “ก่อนอื่น ลวดเหล็กเหล่านี้ยังมีปริมาณไม่เพียงพอ หน้าไม้ข้าก็ยังไม่ได้ทำขึ้น”
“เรื่องนี้…” ชิ่งไหวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “กองทัพเถี่ยหลินมีทหารช่าง เมื่อไปถึงกองทัพ ข้าสามารถให้พวกเขามาช่วยเหลือท่านอาจารย์ได้ มันต้องรวดเร็วขึ้นอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดจบ ท่านโหวหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะรับประกัน “ท่านอาจารย์วางใจ ทหารช่างเหล่านี้ ข้าเป็นผู้แต่งตั้งพวกเขาเอง ข้ารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ส่งต่อทักษะของท่านไปให้ผู้อื่น”
“ในกองทัพมีทหารช่างกี่นายหรือ?”
จินเฟิงใจเต้นด้วยความคาดหวัง
“มีประมาณห้าสิบนาย”
“มีเตาหลอมหรือไม่?”
“มีอยู่สามเตา”
“เช่นนั้น ก็ตกลง!”
จินเฟิงพยักหน้าเบา ๆ
หากใช้เตาหลอมทั้งสาม พร้อมกับผู้ช่วยอีกห้าสิบชีวิต ระยะเวลาในการทำงานน่าจะรวดเร็วขึ้นกว่าตอนที่ทำกับจางหม่านชางและจางเหลียงหลายเท่า
ส่วนเรื่องการขโมยวิชาที่ชิ่งไหวกังวลนั้น จินเฟิงไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
ของพวกนี้เทียบกับสิ่งประดิษฐ์ในยุคหลัง ๆ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ใช่ว่าการขันสกรูในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์นับสิบปีจะช่วยให้สร้างโทรทัศน์ขึ้นมาได้เสียหน่อย
เช่นเดียวกับไนปั่นด้าย แม้จะใช้คนงานที่เก่งกาจที่สุด แต่เมื่อสร้างเสร็จก็ต้องส่งต่อให้กับเขาอยู่ดี คนงานแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบเพียงชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์เท่านั้น โดยจินเฟิงจะเป็นผู้รับผิดชอบหน้าที่สร้างชิ้นส่วนหลักและเป็นผู้ประกอบอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยตนเอง
สิ่งนี้ไม่เพียงรักษาคุณภาพการผลิตให้มีประสิทธิภาพ แต่ยังป้องกันไม่ให้วิธีการสร้างเครื่องไม้เครื่องมือของเขารั่วไหลอีกด้วย
“ในเมื่อท่านอาจารย์ไม่ติดขัดสิ่งใด เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราก็สามารถออกเดินทางได้เลยใช่หรือไม่?”
ชิ่งไหวเอ่ยถามอีกครั้ง
“จำเป็นต้องออกเดินทางพรุ่งนี้เลยหรือ?”
จินเฟิงถามกลับ
“เป็นเพราะคำสั่งโยกย้ายมีสองฉบับ ข้าต้องดำเนินการสองขั้นตอน ฉบับหนึ่งต้องส่งไปที่กองทัพเถี่ยหลิน ส่วนอีกฉบับต้องประทับตราโดยผู้บัญชากองทัพเจินซี ซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักพัก ข้าเลยอยากจะรีบไปตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ในสนามรบและวางแผนล่วงหน้า”
ชิ่งไหวเอ่ยต่อ “ท่านอาจารย์ถามเช่นนี้ มีเรื่องอะไรหรือไม่?”
จินเฟิงเงียบไป
เขากังวลเกี่ยวกับกลุ่มโจรเขาเมาเมา
น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายราวกับกำลังจะเข้าไปล่าสัตว์ ไม่ได้เข้าไปปราบโจร
“เช่นนั้นก็ได้”
เมื่อจินเฟิงเห็นว่าชิ่งไหวไม่ได้มีท่าทีล้อเล่น เขาเลยตอบตกลง
ชายหนุ่มอยากจะไปดูให้เห็นกับตาเหมือนกันว่าชิ่งไหวจะทำอย่างไร
เขากลับเข้าไปในโรงตีเหล็กพร้อมคว้าหน้าไม้และกล่องใส่ลูกธนูออกมา
กล่องใส่ลูกธนูคือสิ่งที่ช่วงนี้จินเฟิงทุ่มเวลาสร้างขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าหน้าไม้แต่ละอันจะมีกล่องบรรจุลูกธนูไว้สำรองในระหว่างการต่อสู้ หากกล่องใส่ลูกธนูอันหนึ่งเสียจะได้นำอีกกล่องขึ้นมาใช้งานแทนได้
หลังจากมอบกล่องใส่ลูกธนูให้กับจงอู่และคนอื่น ๆ แล้ว ชิ่งไหวและทหารองครักษ์ก็ขึ้นหลังม้า ในขณะที่บัณฑิตหนุ่มซึ่งขี่ม้าไม่เป็นขึ้นไปบนรถม้าแทน
ชิ่งไหวไม่มีท่าทีรีบร้อน หลังออกจากหมู่บ้าน เขาก็ไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นและไปถึงอำเภอจินชวนตอนเที่ยง
พวกเขาไม่ได้เดินทางเข้าไปในตัวอำเภอ แต่เดินทางต่อไปทางเหนือและออกนอกกำแพงเมืองไป
เมื่อขบวนอยู่ห่างจากเขาเมาเมาสองถึงสามลี้ ชิ่งไหวก็สั่งให้ทุกคนหยุดพักกลางป่า
ทันทีที่ขบวนหยุดลง จางเหลียงก็ถือหน้าไม้ออกมาจากพงหญ้าพร้อมกับชายผิวคล้ำคนหนึ่ง
“ท่านโหว!”
ทันทีที่ชายผิวคล้ำเห็นชิ่งไหว เขาก็ร้องไห้ออกมาพร้อมแสดงความเคารพ
จินเฟิงเห็นว่าตอนที่อีกฝ่ายเดินออกมา ขาขวาของเขากะโผลกกะเผลก เขาเองก็คงเป็นทหารที่โดนปลดประจำการเนื่องจากอาการบาดเจ็บเช่นกัน
“เอาล่ะ เจ้าลุกขึ้นเถิด”
ชิ่งไหวยื่นมือออกไปดึงชายคนนั้นขึ้นแล้วถามว่า “แพร่ข่าวออกไปแล้วหรือ?”
“ข่าวถูกแพร่ออกไปแล้ว ข้าเดาว่าพี่รองของโจรเขาเมาเมาน่าจะรู้เรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อย” ชายผิวคล้ำตอบ
“ดีมาก” ชิ่งไหวพยักหน้า “จงอู่ เตรียมตัวให้พร้อม ไม่ช้าพี่รองของพวกโจรเขาเมาเมาอาจจะกำลังลงมา”
“ท่านโหวจับตาดูได้เลย”
จงอู่ยิ้มออกมาอย่างมีแผนการ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์