เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 48

บทที่ 48 ได้รับคำสั่งโยกย้าย

“เมื่อวานนี้ข้าดื่มกับคุณชายเจิ้ง เขาคร่ำครวญให้ข้าฟังว่าคราวนี้กองทัพเถี่ยหลินน่าจะจบเห่แล้ว กองทหารม้าและชาวตั่งเซี่ยงก็ประจำการอยู่บริเวณชิงสุยกู่เช่นกัน”

ชิ่งเจิงกล่าวต่อ “ตอนที่ข้าได้ยินข่าว ข้าคิดว่าน่าเสียดายที่ชิ่งไหวไม่ได้อยู่ในกองทัพเถี่ยหลิน แต่ใครจะรู้ว่าวันนี้เขาจะให้คนมาส่งจดหมายเพื่อพาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตาย!”

“พี่ใหญ่ ข่าวกรองของคุณชายเจิ้งถูกต้องหรือไม่?”

“เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณชายเจิ้งเพิ่งกลับมาจากสนามรบ เขาเป็นที่ปรึกษาของกองทัพ แน่นอนว่าข่าวนั้นน่าเชื่อถือ”

ชิ่งเจิงเอ่ยต่อ “คุณชายใหญ่แห่งตระกูลขุยกั๋วกงอยู่ที่นั่นในเวลานั้นด้วย เขาเองก็เอ่ยออกมาในลักษณะเดียวกัน”

“พี่ใหญ่ ปีที่แล้วชิ่งไหวนำกองทัพเถี่ยหลินต้านชาวตั่งเซี่ยงได้ถึงสิบวันสิบคืน หากครั้งนี้เขาชนะจะเกิดอะไรขึ้น?”

“ครั้งที่แล้วเขาสกัดทหารม้าของชาวตั่งเซี่ยงได้เพราะที่เหย่จูหลิ่งมีแต่ภูเขาและป่าไม้ ทหารม้าจึงไม่สามารถเคลื่อนทัพได้ ภูมิศาสตร์นี้เอื้อประโยชน์ให้แก่กองทัพเถี่ยหลิน”

ชิ่งเจิงชี้ไปที่แผนที่แล้วกล่าว “แต่เจ้าดูที่ชิงสุยกู่สิ ที่นั่นมีพื้นที่ราบยาวกว่าสิบลี้ เหมาะสำหรับการจู่โจมของกองทหารม้าชาวตั่งเซี่ยงอย่างยิ่ง ในแถบนี้ไม่มีใครสามารถต่อกรกับทหารม้าของพวกเขาได้ หากกองทัพเถี่ยหลินถูกกองทหารม้าตั่งเซี่ยงไล่ล่า ต่อให้เขาจะเป็นเทพเซียนก็คงไม่อาจรับมือได้!”

คุณชายรองหยิบแผนที่ขึ้นมาและพิจารณาอย่างละเอียด

ในฐานะบุตรชายของนายทหารชั้นสูง แม้จะเป็นคนโง่เขลาแต่ก็พอเข้าใจความรู้พื้นฐานทางการทหาร

หลังจากที่เขาศึกษาอยู่ครู่หนึ่งก็ค้นพบว่าเป็นอย่างที่ชิ่งเจิงพูด ตำแหน่งสมรภูมินั้นตั้งอยู่ใกล้กับชิงสุยกู่ หากกองทัพเถี่ยหลินเผชิญกับชาวตั่งเซี่ยง ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“ห่วงก็แต่ท่านพ่อจะไม่อนุญาต”

คุณชายรองวางแผนที่ลงแล้วถอนหายใจ “ท่านพ่อเริ่มเอนเอียงไปทางเจ้าสามมากขึ้นเรื่อย ๆ และเพราะทุกคนรู้ดีว่ายามนี้ชิงสุยกู่อันตรายมากเพียงไหน ท่านพ่อจึงไม่อาจปล่อยให้ชิ่งไหวไปที่นั่นได้”

“แต่ข้าหวังว่าท่านพ่อจะอนุญาต”

ในห้องตำรากั๋วกง ชิ่งกั๋วกงกำลังขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เขามองออกไปนอกหน้าต่างทว่าไม่ได้เพ่งความสนใจไปที่สิ่งใด กำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง

หลังจากไตร่ตรองอยู่เป็นเวลาครึ่งเค่อ*[1] ชิ่งกั๋วกงก็เรียกสติของตนกลับมาและตะโกนออกไปด้านนอก “ใครก็ได้เข้ามาหน่อย ไปที่ซีเหยวียนแล้วพาองครักษ์ของเจ้าสามมาที่นี่”

ผ่านไปครู่เดียว เจิ้งฟางและหลิวฉยงก็ถูกคนพามายังห้องตำรา

“เจ้าสามรู้หรือไม่ว่ากองทัพเถี่ยหลินอยู่ที่ชิงสุยกู่?”

ชิ่งกั๋วกงจ้องไปที่เจิ้งฟางและหลิวฉยงด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ที่นี่ไม่มีใครอื่น พวกเจ้าบอกความจริงข้ามาเถิด”

เจิ้งฟางและหลิวฉยงคุกเข่าลงบนพื้นโดยไม่พูดอะไรออกมา

ชิ่งไหวเป็นผู้นำกองทัพเถี่ยหลินมาหลายปีแล้ว เป็นไปไม่ได้หากจะบอกว่าเขาไม่รู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกองทัพเถี่ยหลิน?

ทว่าเรื่องราวเหล่านี้ คงไม่สามารถพูดออกไปตามตรง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นบิดาของท่านโหวก็ตาม

ดังนั้นการที่พวกเขานิ่งเงียบจึงหมายถึงการยอมรับโดยนัย

ชิ่งกั๋วกงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามทั้งสองอีกครั้ง “เจ้าสามวางแผนที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยงตายกับกองทัพเถี่ยหลินใช่หรือไม่ หรือเขามีแผนการอะไร?”

เขารู้จักบุตรชายของตัวเองดี เป็นเพราะอีกฝ่ายรู้เรื่องความเคลื่อนไหวของกองทัพเถี่ยหลินจึงส่งจดหมายมาขออำนาจการควบคุมกองทัพ ในกรณีนี้มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้น ถ้าบุตรชายของเขาไม่ได้อยากจะสู้ อีกฝ่ายก็คงอยากจะตาย…

เจิ้งฟางและหลิวฉยงยังคงนิ่งเงียบเหมือนเดิม พวกเขาทั้งสองยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้นโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

การจะเป็นกั๋วกงได้ แน่นอนว่า ต้องผ่านอะไรมาเยอะ และชิ่งกั๋วกงเองก็เป็นบุรุษผู้มีปฏิภาณไหวพริบ เมื่อเห็นว่าองครักษ์ทั้งสองนิ่งเงียบ เขาก็ตบโต๊ะอย่างแรง “ในเมื่อพวกเจ้าเลือกที่จะไม่พูด เช่นนั้นก็กลับไปบอกชิ่งไหวเลยว่า ข้าไม่อนุญาต!”

เมื่อเจิ้งฟางและหลิวฉยงได้ยินดังนั้น พวกเขาต่างวิตก ทว่าก็ยังไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ย ทำได้เพียงก้มหน้าลงและพูดออกมาเสียงแผ่ว “ท่านโหว หวังว่าท่านกงจะอนุญาต”

“เช่นนั้น พวกเจ้าก็บอกมาตามตรง ว่าบุตรชายข้าคิดจะทำสิ่งใด!”

ชิ่งกั๋วกงเอนกายลงบนเก้าอี้ “นี่จะเป็นโอกาสสุดท้าย หากพวกเจ้าไม่พูดความจริงกับข้า พวกเจ้าก็กลับไปได้เลย เพราะข้าคงไม่สามารถส่งบุตรชายตัวเองไปตายได้!”

เจิ้งฟางและหลิวฉยงมองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจเปิดปาก “ท่านโหวพบวิธีที่จะควบคุมทหารม้าของชาวตั่งเซี่ยงได้แล้ว!”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

ชิ่งกั๋วกงถามเสียงดัง “วิธีอะไร?”

“ท่านโหวพบวิธีการนั้นที่อำเภอจินชวน…”

เพื่อที่จะได้รับอำนาจทางการทหารกลับไป เจิ้งฟางเลือกที่จะทรยศต่อจินเฟิง

หลังจากพูดออกไปแล้ว เขาก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า ท่านอาจารย์จินแค่ขอให้ท่านโหวไม่เขียนรายละเอียดลงในจดหมาย แต่ไม่ได้ห้ามพูดเสียหน่อย

“ลวดหนามที่เจ้าว่าสามารถพันขาม้าได้จริงหรือ?”

หลังจากที่เขาได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ชิ่งกั๋วกงยังคงมีสีหน้าตกตะลึง

“เรียนท่านกง ข้าน้อยเห็นด้วยตาตัวเองว่าม้าศึกตัวนั้นถูกลวดหนามรัดเข้าที่ขา ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นจนขยับตัวไม่ได้ในที่สุด”

“หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเจ้าสามไม่แจ้งเรื่องนี้มาในจดหมาย?”

“พี่ใหญ่ ผู้คุ้มกันของเจ้าสามออกจากเมืองไปแล้ว!”

คุณชายรองคอยจับตามองความเคลื่อนไหวของเจิ้งฟาง เมื่อได้ยินข่าวว่าทั้งสองออกจากเมืองไปแล้ว เขาก็รีบไปแจ้งพี่ใหญ่ทันที

“แล้วพวกเขาได้รับคำสั่งย้ายไปด้วยหรือไม่?”

ชิ่งเจิงถามอย่างรวดเร็ว

“พวกเขาหุนหันพลันแล่นออกไป ข้าว่าน่าจะได้รับคำสั่งแล้ว”

คุณชายรองกล่าวต่อ “ตอนบ่ายท่านพ่อเดินทางไปยังจวนขุยกั๋วกง ข้าว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้”

“ได้รับไปแล้วก็ดี คราวนี้ชิ่งไหวไม่รอดแน่”

ชิ่งเจิงระเบิดหัวเราะออกมา “ไป ไปหอวาโยวสันต์กันเถิด”

คุณชายรองรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคลุมเครือที่ตรงไหน เขาเองก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน

เจิ้งฟางและหลิวฉยงรีบเดินทางออกนอกเมืองได้ทันก่อนที่ประตูเมืองจะปิด

ตั้งแต่ออกมาจากเมืองหลวง พวกเขาก็ไม่ได้แวะพักผ่อนและควบม้ากลับไปตลอดทั้งคืน

ระหว่างทาง ทั้งคู่ใช้เวลานอนไปมากที่สุดเพียงสองชั่วยามเท่านั้น ที่เหลือคือการใช้ชีวิตอยู่บนถนนหนทาง

พวกเขาใช้เวลาทั้งหมดเก้าวันในการไปกลับซีเหอวาน

ตอนนี้ไม่สามารถบอกได้แล้วว่า เสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายของพวกเขาเป็นสีอะไร มันเปรอะไปด้วยฝุ่นโคลน ไม่เว้นแม้กระทั่งเนื้อตัว เส้นผม หรือขนตา

“พวกเจ้าทั้งสองรีบไปพักผ่อนก่อนเถิด”

เมื่อชิ่งไหวเปิดอ่านคำสั่งโยกย้ายแล้ว เขาก็หันกลับไปมองจินเฟิง

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าในที่สุดข้าจะได้รับคำสั่งนี้”

จินเฟิงขมวดคิ้ว “ท่านบอกว่าอาจต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนมิใช่หรือ เหตุใดจึงไวเช่นนี้?”

บัณฑิตหนุ่มยังไม่ทันได้เตรียมพร้อมด้วยซ้ำ

[1] ครึ่งเค่อ (半刻钟) : เค่อเป็นหน่วยนับเวลาแบบจีน 1 เค่อ = 15 นาที ดังนั้น ครึ่งเค่อ = 7.5 นาที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์