บทที่ 47 แผนการของชิ่งเจิง
เจิ้งฟางและหลิวฉยงเป็นองครักษ์และสหายร่วมรบข้างกายชิ่งไหวมาหลายปี
เมื่อต้องมารับฟังคำพูดชั่วร้ายของชิ่งเจิง พวกเขาโกรธจนตาแทบจะลุกเป็นไฟ กำหมัดแน่นเสียจนกระดูกลั่นกร๊อบแกร๊บ
“หึ อยากลงมือกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
ชิ่งเจิงเหลือบมองไปทางหลิวฉยงที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมชี้หน้าเขาอย่างยั่วยุ “มา เข้ามาลงมือกับข้าเลย!”
“หลิวฉยง อย่าเสียมารยาท!”
เจิ้งฟางตำหนิหลิวฉยงพร้อมกับโค้งคำนับให้ชิ่งเจิง “คุณชายใหญ่อย่ามีเรื่องเบาะแว้งกับผู้ที่มีความรู้ต่ำต้อยอย่างพวกข้าเลย เชิญท่านตามสบายเถิด”
หลิวฉยงพยายามอดกลั้นโทสะของตนและโค้งคำนับ
ชิ่งเจิงเป็นบุตรชายคนโตของชิ่งกั๋วกง มีสถานะที่สูงศักดิ์ ด้วยสถานะที่แตกต่างกันของทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องลงมือทำร้ายเลย เพียงแค่ปะทะคารมกัน ชิ่งเจิงก็สามารถสั่งให้จับกุมพวกเขาได้ทันที
ตอนนี้ชิ่งไหวไม่ได้อาศัยอยู่ที่เปี้ยนจิง หากพวกเขาทั้งสองถูกจับกุมก็คงไม่มีโอกาสได้ออกมา
ดังนั้นทั้งคู่จึงทำได้เพียงอดกลั้นเท่านั้น
ทว่ายิ่งพวกเขาประพฤติอย่างนอบน้อมเช่นนี้ ชิ่งเจิงก็ยิ่งผยองมากยิ่งขึ้น คุณชายใหญ่จงใจเอ่ยถามอย่างยั่วยุ “เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย พวกเจ้ากลับมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวการตายของเจ้าสามหรือ”
“เรียนคุณชายใหญ่ ท่านโหวมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี”
“ท่านโหว! ท่านโหว! ข้าเคยบอกพวกเจ้าไปแล้วใช่หรือไม่ ว่าในจวนกั๋วกงแห่งนี้ ห้ามพวกเจ้าเรียกชิ่งไหวว่าท่านโหว!”
ชิ่งเจิงเปรียบเหมือนแมวที่โดนเหยียบหาง เขาเตะหลิงฉยงหลายต่อหลายครั้งด้วยความไม่พอใจ
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยสนใจไยดีชิ่งไหว แต่ไอ้เด็กคนนั้นกลับได้รับตำแหน่งใหญ่โตในกองทัพขึ้นมาจริง ๆ
ชิ่งเจิงจำได้ชัดเจนว่า วันที่ชิ่งไหวได้รับตำแหน่งอันทรงคุณค่าทางการทหาร ชิ่งกั๋วกงมีความสุขมากแค่ไหน เจ้าสามทำให้ทั้งจวนเต็มไปด้วยความสุข
และหลังจากนั้นไม่กี่ปี ผู้เป็นบิดาก็เอ่ยออกมาว่าต้องการที่จะส่งต่อบรรดาศักดิ์ให้กับมัน!
สิ่งนี้ทำให้ชิ่งเจิงโกรธเป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขวางความเจริญของชิ่งไหว
น่าเสียดายที่เขาเป็นเพียงบุรุษผู้ร่ำรวยในเมืองหลวงและอำนาจที่มีก็ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงชายแดนได้ แทนที่หลายปีมานี้ชิ่งไหวจะถูกกำจัดไปให้พ้นทาง อีกฝ่ายกลับทำคุณประโยชน์ทางการทหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนได้เลื่อนตำแหน่งหลายต่อหลายครั้ง และได้ขึ้นเป็นท่านโหวซึ่งเป็นตำแหน่งที่ห่างจากชิ่งกั๋วกงเพียงหนึ่งขั้นเท่านั้น
ในต้าคังแบ่งบรรดาศักดิ์ออกเป็น อ๋อง จวิ้นอ๋อง กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน สำหรับตำแหน่งอ๋องจะเป็นพี่น้องของฮ่องเต้กับบุตรชาย ส่วนตำแหน่งจวิ้นอ๋องคือสมาชิกของราชวงศ์
ตามข้อบังคับของต้าคัง บรรดาศักดิ์เหล่านี้จะถูกลดขั้นลงเมื่อถูกส่งต่อรุ่นถัดไป
ตัวอย่างเช่นหากชิ่งกั๋วกงเสียชีวิตลง ชิ่งเจิงก็จะเป็นผู้ได้รับตำแหน่งแทน แต่ไม่ใช่ตำแหน่งกงเหมือนกับบิดา แต่จะได้รับบรรดาศักดิ์เป็นโหว
ทว่าตอนนี้ชิ่งไหวมีศักดิ์เป็นโหวแล้ว
สังคมศักดินาให้ความสำคัญกับลำดับสูงต่ำและค่อนข้างเจ้ายศเจ้าอย่าง ในฐานะพี่ชายคนโต แม้ชิ่งไหวจะกลายเป็นท่านโหวไปแล้ว แต่เมื่อพบหน้าชิ่งเจิง เขาก็จำเป็นต้องแสดงความเคารพ
อีกทั้งที่นี่ก็ถือว่าเป็นถิ่นของชิ่งเจิง
แต่คุณชายใหญ่กลับรู้สึกอึดอัด ด้วยคิดว่าชิ่งไหวได้ดึงความสนใจจากเขาไปทั้งหมด
เรื่องบรรดาศักดิ์เป็นแผลที่ใหญ่ที่สุดของชิ่งเจิง เขาจึงไม่อนุญาตให้ใครเรียกน้องชายว่าท่านโหวเด็ดขาด
หลิวฉยงเรียกชิ่งไหวว่าท่านโหวเพื่อระบายความไม่พอใจส่วนตัว และตั้งใจที่จะสะกิดแผลของชิ่งเจิง
ถึงแม้ชิ่งเจิงจะเป็นลูกผู้ดีมีเงินแต่ก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เขาพอจะฟังออกว่าหลิวฉยงตั้งใจที่จะพูดแดกดัน จึงอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดจนไล่เตะอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับคว้าไม้กระบองในบริเวณนั้นขึ้นฟาด
ไม้กระบองนี้เป็นของยามเฝ้าประตู มีไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ มันหนาพอ ๆ กับท่อนแขน หากชิ่งเจิงตีโดนหลิวฉยงจริง ๆ ไม่ตายก็คงเจ็บหนัก
เจิ้งฟางจึงรีบเข้าไปขอความเมตตาทันที “คุณชายใหญ่ หลิวฉยงเพิ่งกลับมาจากด้านนอก เขาเรียกจนติดปากเลยเผลอเอ่ยออกไปเช่นนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจและหลงลืมข้อห้ามไป ได้โปรดอภัยให้เขาด้วย”
ทันทีที่เอ่ยจบ เจิ้งฟางก็ถูกกระบองนั่นฟาดเข้าที่ศีรษะเช่นกัน
เมื่อตระหนักได้ว่าวันนี้คงไม่สามารถหลบหนีจากการถูกทุบตีได้ เจิ้งฟางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งยอง ๆ และก้มหน้ารับชะตากรรมคู่กับหลิวฉยง ทั้งคู่พยายามกุมศีรษะของพวกเขาให้มากที่สุด
ได้แต่อธิษฐานในใจว่าชิ่งเจิงจะปล่อยพวกเขาไปโดยเร็ว
ราวกับสวรรค์ได้ยินคำอธิษฐาน ชิ่งเจิงทุบตีพวกเขาได้ไม่กี่ครั้งก็ได้ยินเสียงดุดันดังมาจากข้างหลัง “ทำอะไรน่ะ?”
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าชายผู้นั้นคือชิ่งกั๋วกงที่เพิ่งกลับมาจากราชสำนัก
“เรียนท่านพ่อ ข้ารับใช้สองคนนี้ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ข้ากำลังสอนบทเรียนแก่พวกเขา!”
ชิ่งกั๋วกงไม่ได้ตอบและโบกมือให้ผู้เฝ้าประตูนำเจิ้งฟางและหลิวฉยงไป
“รับทราบ!”
ผู้เฝ้ายามโค้งคำนับและรับคำสั่ง “เชิญทั้งสองท่านตามข้ามา”
เจิ้งฟางรู้ดีว่าชิ่งกั๋วกงอาจจะยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างถี่ถ้วน จึงก้มศีรษะยอมรับและเดินตามผู้เฝ้ายามไป
“หากเจ้าไม่มีอะไรทำ ก็ไปอ่านตำราให้มากขึ้น อย่ามาเดินเอ้อระเหยเช่นนี้”
ชิ่งกั๋วกงเหลือบมองบุตรชายคนโตที่แสดงสีหน้าไม่พอใจ จากนั้นเขาก็เดินออกไปพร้อมกับผู้ติดตาม
“ขอรับ!”
ชิ่งเจิงโค้งคำนับและตอบรับ แต่ดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาว
เดิมทีชิ่งเจิงวางแผนที่จะไปโรงพนัน ทว่าตอนนี้เขาหมดความสนใจและหันหลังกลับไปที่เรือนของตัวเองทันที
เมื่อกลับมาถึงห้องตำรา เขาก็นำแผนที่ออกมากางดู จากนั้นชิ่งฝานบุตรชายคนรองของตระกูลชิ่งก็เดินเข้ามา
“พี่ใหญ่ ข้าได้ยินมาว่าชิ่งไหวเขียนจดหมายมาขอให้ท่านพ่อช่วยเขาฟื้นคืนอำนาจทางทหาร ท่านอยู่ตรงนั้น เหตุใดจึงไม่เอ่ยทัดทาน?”
คุณชายรองเอ่ยถาม “ตอนนี้ชิ่งไหวมีตำแหน่งเป็นท่านโหว หากเขารบชนะอีกสองสามครั้ง นั่นก็หมายความว่า…”
“ท่านพ่อกำลังพูด ข้าจะกล้าขัดได้อย่างไร?”
ชิ่งเจิงเอ่ยอย่างโกรธเคือง
“เอ่อ…” คุณชายรองนึกถึงความยิ่งใหญ่ของบิดาและถามว่า “เช่นนั้น ตอนนี้จะทำอย่างไรดี? หรือว่าเราต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านแม่?”
“ไม่จำเป็น” ชิ่งเจิงโบกมือ “ชิ่งฝาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้กองทัพเถี่ยหลินอยู่ที่ใด?”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”
“ตอนนี้กองทัพเถี่ยหลินอยู่ที่ชิงสุยกู่!” ชิ่งเจิงเอื้อมมือออกไปจิ้มที่แผนที่
“ชิงสุยกู่มีปัญหาอะไรหรือ?” คุณชายรองถามตรงประเด็น พี่ใหญ่ของเขาจึงเอ่ยทันที

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์