เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์ นิยาย บท 46

บทที่ 46 อิฐชุดแรก

หน้าทางเข้าบ้านของเซี่ยกวางมีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่พร้อมกล่องขนาดใหญ่และถุงผ้ากองอยู่เต็มคันรถ

จินเฟิงเข้าไปตรวจสอบของที่ซื้อมาและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

และเพราะท่านโหวเป็นคนออกหน้า เหล็กดิบที่เขาซื้อมาจึงดีกว่าอดีตที่ช่างตีเหล็กเคยซื้อเอาไว้มาก

เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับช่างตีเหล็กและช่างไม้ คนของชิ่งไหวก็ซื้อมาให้ใหม่

แต่สิ่งที่ทำให้จินเฟิงประหลาดใจมากที่สุดคือ ผู้ดูแลสามารถหาดินประสิวและผงเหม่ย*[1] ได้ด้วย

แน่นอนว่าเมื่อมีของพวกนี้ จินเฟิงจะสามารถสร้างอาวุธที่ทรงพลังมากขึ้นได้

นี่คือไพ่ตายที่อยู่ในใจบัณฑิตหนุ่มซึ่งเขาไม่เคยบอกใคร

ก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าไปที่ตัวอำเภอจินชวน และพยายามหาซื้อทุกร้านแล้วแต่ก็ไม่พบ

เดิมทีบ้านของเซี่ยกวางไม่ได้ใหญ่โตนัก เมื่อชิ่งไหวเข้ามาอาศัยที่นี่พร้อมองครักษ์ ผู้ติดตาม และพ่อบ้านของเขา บ้านทั้งหลังจึงไม่เหลือห้องว่างอีกต่อไป จินเฟิงให้เหล่าทหารกางกระโจมเดินทัพและขนย้ายของที่ซื้อมาไปจัดเก็บในนั้น

ที่นี่มีคนเฝ้าตลอด 12 ชั่วยาม ปลอดภัยกว่าเก็บไว้ที่บ้านเขามาก

ท้องก็อิ่มแล้ว ของก็ซื้อมาแล้ว บัณฑิตหนุ่มเลือกของที่ต้องการสองสามชิ้น จากนั้นก็กลับไปที่บ้านพร้อมกับหม่านชาง

เมื่อมองไปที่เตาเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงผนัง จินเฟิงก็พูดไม่ออก

เตานี้มีขนาดเล็กเกินไปและดูเหมือนจะสร้างขึ้นแบบหยาบ ๆ ประสิทธิภาพการใช้งานจึงค่อนข้างต่ำ

แต่ชายหนุ่มไม่สามารถทำอะไรได้ แม้อยากจะสร้างเตาในอุดมคติของตนขึ้นมา แต่ถ้าต้องรอความช่วยเหลือจากชิ่งไหว ก็อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองหรือสามเดือน

นั่นคงไม่ทันการ

องครักษ์ของชิ่งไหวได้เดินทางนำจดหมายไปส่งที่เปี้ยนจิงแล้ว หากเขาดันทุรังสร้างเตาขึ้นมาใหม่ บางทีอาจจะมีคำสั่งโยกย้ายออกมาก่อนเตาจะทันได้สร้างเสร็จ

“เอาเถอะ ทำไว้ใช้แก้ขัดไปก่อน หลังจากนี้ค่อยเปลี่ยนเตาอีกครั้งก็ได้”

จินเฟิงทำได้เพียงปลอบใจตัวเองพลาง ๆ

นับตั้งแต่คืนวันนั้น เสียง ‘โคร้ง เคร้ง’ ในโรงตีเหล็กก็ดังขึ้นไม่หยุด

จินเฟิง หม่านชาง และจางเหลียงผลัดกันทำงาน พวกเขาสามารถทำลวดเหล็กได้ประมาณหกสิบจั้งทุกวัน

และเพราะวุ่นวายอยู่กับการทำลวดเหล็ก จางเหลียงจึงไม่ได้เข้าไปที่อำเภอเพื่อซื้อของหรือส่งของ เขามอบหมายงานนั้นให้กับหลิวเถี่ยชั่วคราว

หลังจากที่พวกเขายุ่งอยู่ในโรงตีเหล็กได้เจ็ดถึงแปดวัน หัวหน้าหมู่บ้านก็เข้ามาบอกว่าเตาเผาอิฐเย็นลงจนสามารถเปิดเตาได้แล้ว

“ไอหยา ข้ามัวแต่วิ่งวุ่นจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท”

จินเฟิงทุบศีรษะของตนอย่างตำหนิ

ในฐานะเจ้าของโรงเผาอิฐและผู้วางแผนงาน ไม่ว่าอย่างไร ชายหนุ่มก็ต้องไปที่นั่นด้วยตัวเองเมื่อมีการเปิดเตาเผาครั้งแรก

เขาใช้เท้าเขี่ยหม่านชางที่กำลังนอนหลับอยู่ที่มุมห้องให้ตื่นขึ้น จากนั้นจินเฟิงก็เดินไปที่ริมแม่น้ำกับหัวหน้าหมู่บ้าน

เขาไม่ได้มาที่นี่หลายวันแล้ว ตอนนี้มีอิฐที่ยังไม่ได้เผาเรียงซ้อนกันอยู่กองใหญ่ริมแม่น้ำ

“เมื่อครู่ข้าได้ตำหนิกลุ่มคนผู้โง่เขลาเหล่านี้แล้ว ทุกคนอยากจะทำงานต่ออีกสักสองสามวัน พวกเขาลืมคิดไปหรืออย่างไรว่าเจ้าต้องการสร้างบ้านเพียงหลังเดียว แล้วจะใช้อิฐมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร? ข้าพยายามบอกให้พวกเขาหยุด ไม่ต้องทำแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง”

หัวหน้าหมู่บ้านชี้ไปที่กองอิฐที่ยังไม่ได้เผา “จินเฟิง เจ้าวางใจเถิด หากใช้อิฐเหล่านี้ไม่หมด ข้าจะไม่ให้ค่าจ้างพวกเขาในส่วนที่เจ้าไม่ต้องการ”

“เหตุใดข้าจะไม่ต้องการให้พวกเขาทำต่อเล่า?”

จินเฟิงยิ้มและเอ่ย “หัวหน้าหมู่บ้าน หลังจากนำอิฐชุดแรกที่เผาแล้วออกมา ข้าจะแบ่งคนงานทำอิฐออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเผาอิฐต่อไป ส่วนอีกกลุ่มให้ไปช่วยขุดดินสำหรับทำเตาเผาใหม่”

“แต่เจ้าจะสร้างบ้านเพียงหลังเดียวไม่ใช่หรือ จะเผาอิฐมากมายไปทำไมกัน?”

“หากข้าใช้ไม่หมด คนอื่น ๆ ก็สามารถนำมันไปต่อเติมบ้านของตัวเองได้”

จินเฟิงกล่าว “หัวหน้าหมู่บ้าน รบกวนท่านกลับไปบอกทุกคนทีว่า หากข้าใช้อิฐเหล่านี้เสร็จแล้ว ใครก็ตามที่ต้องการเอาอิฐไปใช้งาน สามารถนำฟืนมาแลกกับอิฐได้”

“จริงหรือ?”

หัวหน้าหมู่บ้านชะงัก

“เป็นเรื่องจริง”

บุรุษที่เนื้อตัวเปียกชุ่มและเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนต่างก็เข้ามาล้อมรอบบัณฑิตหนุ่มอย่างตื่นเต้น พวกเขาพยายามที่จะแสดงความภักดีออกมา

หลังจากที่ทุกคนสงบลงแล้ว จินเฟิงก็สั่งให้คนรื้อกำแพงดินที่ปิดอยู่ตรงทางเข้าเตาเผาออก

นี่เป็นอิฐชุดแรกที่ผลิตโดยเตาเผาอิฐนี้ บัณฑิตหนุ่มเตรียมใจไว้แล้วว่ามันอาจจะล้มเหลว

แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าอิฐชุดแรกที่เผาในเตานี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มันไม่มีรอยแตกร้าวมากอย่างที่คิด

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างสมบูรณ์ดี ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย แม้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังเก็บจะเป็นกองอิฐไม่ใช่อาหารก็ตาม

ดูเหมือนชาวบ้านจะรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าจินเฟิงเสียอีก พวกเขาไม่สนใจความร้อนที่ระอุอยู่ในเตาเผาและกระตือรือร้นที่จะเข้าไปขนก้อนอิฐออกมา

ในขณะเดียวกัน อีกด้านเจิ้งฟางและหลิวฉยงก็เดินทางถึงเปี้ยนชิงพร้อมกับจดหมายจากชิ่งไหวแล้ว

พวกเขาขี่ม้าเข้าไปในจวนชิ่งกั๋วกง พร้อมแสดงป้ายแขวนเอวของชิ่งไหวเพื่อขอเข้าพบผู้ดูแลแห่งจวนกั๋วกง หรือผู้ดูแลฉิน

ช่วยไม่ได้ พวกเขาเป็นแค่นายทหารชั้นผู้น้อย ไม่มีอำนาจมากพอที่จะเข้าพบท่านกั๋วกงโดยตรงได้จึงทำได้เพียงฝากจดหมายฉบับนี้ส่งผ่านไปทางผู้ดูแลเฉินซึ่งเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับชิ่งไหวเท่านั้น

“เชิญท่านทั้งสองตามข้าไปที่ป้อมเฝ้ายามและพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะไปรายงานต่อท่านผู้ดูแล”

นี่คือป้ายประจำตัวของคุณชายสาม ผู้เฝ้ายามจำได้ทันทีและรีบเชิญตัวแทนทั้งสองเข้ามาอย่างรวดเร็ว

แต่ก่อนที่เจิ้งฟางและหลิวฉยงจะก้าวตามไป ชิ่งเจิง พี่ชายคนโตของชิ่งไหวก็เดินถือกรงนกออกมาก่อน

“คุณชายใหญ่!”

เจิ้งฟางและหลิวฉยงโค้งคำนับและเอ่ยทักทายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อหลบทาง

“พวกเจ้าทั้งสองไม่ได้อยู่คุ้มกันเจ้าสามหรือ เหตุใดจึงมาอยู่ที่เปี้ยนจิงได้?”

ชิ่งเจิงหรี่ตาแล้วเอ่ยถาม “หรือว่าเจ้าสามถูกชาวตั่งเซี่ยนเล่นงานจนตาย พวกเจ้าเลยมาแจ้งข่าว?”

[1] ผงเหม่ย : ผงแมกนีเซียม สามารถใช้เป็นสารทำความสะอาดสำหรับอุตสาหกรรมเหล็กและการหล่อโลหะได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์