บทที่ 70 ชัยชนะครั้งใหญ่
กองทัพของตั่งเซี่ยงปฏิบัติตามคำสั่งของหลี่จี้ขุย พวกเขาค่อย ๆ ถอยออกจากบริเวณชิงสุยกู่
“เฮ้! เฮ้! เฮ้!”
ทหารที่ค่ายเถี่ยหลินต่างก็มีความสุขกับชัยชนะครั้งนี้
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทัพหรือทหารชั้นประทวน ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองร่างที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่เชิงเขาด้วยสายตาชื่นชม
ทหารม้าตั่งเซี่ยงถือเป็นตำนานของทัพที่ไร้พ่ายมาโดยตลอด แม้ว่าชิ่งไหวและทหารม้าตั่งเซี่ยงจะสู้รบกันมาตลอด แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับศัตรูแค่เพียงผิวเผิน น้อยมากที่จะได้เผชิญหน้ากันตรง ๆ แบบนี้…
บางครั้งก็ต้องพยายามแข็งแกร่ง แม้ฝ่ายของตนจะต้องพบกับความสูญเสียตลอดมาก็ตาม
แต่วันนี้สถานการณ์กลับตรงกันข้าม
ทหารม้ามากกว่าพันนายจากตั่งเซี่ยงมาพร้อมกับขวัญกำลังใจเต็มเปี่ยม อีกทั้งยังมีกองพันแนวหน้าที่เก่งที่สุดด้วย แต่ผลคือพวกเขาถูกโจมตีจนแตกพ่ายไปหมด ขณะที่ฝ่ายเถี่ยหลินไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว
นี่คือปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และคนที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์คือชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมบางคนนี้
ทหารของกองทัพเถี่ยหลินจำนวนมากไม่มั่นใจเมื่อรู้ว่าชิ่งไหวไม่ได้มอบกองทัพเถี่ยหลินให้กับรองผู้บัญชาการก่อนที่เขาจะหมดสติไป แต่ส่งมอบให้กับคนแปลกหน้าคนหนึ่งแทน
แต่นับจากนี้ ทุกคนในกองทัพเถี่ยหลินย่อมเชื่อมั่นในตัวจินเฟิงอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“แม่ทัพผู้องอาจ! แม่ทัพผู้ห้าวหาญ!”
เสียงตะโกนของเหล่าทหารดังกังวานไปทั่วพื้นที่
จินเฟิงยิ้มและโบกมือให้ทุกคน จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินลงจากเชิงเขา
เมื่อเดินไปยังสนามรบด้านล่าง จินเฟิงก็นั่งลงบนก้อนหินอย่างหมดแรง เขารู้สึกหายใจไม่ออก ใบหน้าของเขาซีดเซียวลง
สงครามอันโหดร้ายทารุณมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ยามนี้ บริเวณลุ่มแม่น้ำเต็มไปด้วยซากศพของทหารม้าและม้าศึก แม่น้ำถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง และพื้นดินก็เฉอะแฉะ
กลิ่นเลือดฟุ้งไปทั่วทั้งค่าย
สำหรับจินเฟิงที่ได้เห็นฉากดังกล่าวเป็นครั้งแรก ภาพเหล่านี้กระทบกระเทือนจิตใจเขาเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในฐานะแม่ทัพ หากเขาไม่แสดงความแข็งแกร่ง อาจส่งผลโดยตรงต่อขวัญกำลังใจของกองทัพเถี่ยหลิน ชายหนุ่มจึงต้องอดทนและรักษาท่าทีสุขุม
“ถ้าอยากอาเจียนก็อาเจียนออกมาเถิด นี่เป็นครั้งแรก คราวหน้าเดี๋ยวก็จะชินเอง”
ผู้เฒ่าจ้าวนำชาอุ่น ๆ หนึ่งถ้วยมาปลอบใจเขา “เจ้ายังดีกว่าข้ามาก ครั้งแรกที่ข้าติดตามแม่ทัพฟ่านไปยังสนามรบ ข้าไม่เพียงแต่อาเจียนจนหมดแรงเท่านั้น แต่ยังปัสสาวะรดกางเกงด้วย”
“ขอบใจท่านมาก”
จินเฟิงรับชาอุ่น ๆ มาจิบเพื่อระงับความรู้สึกมวนท้อง ป้องกันไม่ให้ตัวเองอาเจียนออกมา
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้สักพัก บัณฑิตหนุ่มก็ยืนขึ้น
การรบครั้งนี้เขาได้รับชัยชนะ แต่ก็ยังมีงานต้องทำอีกมาก
ก่อนอื่นต้องเตรียมทหารมาจัดการกับศพบริเวณลุ่มแม่น้ำ และกลบคราบเลือดด้วยดิน ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้กลิ่นคาวเลือดคงแรงกว่าเดิม
ไหนจะเครื่องเหวี่ยงหินที่ชายหนุ่มต้องสร้างขึ้นบนภูเขาด้านบนนั่นอีก
…
ในขณะที่กองทัพเถี่ยหลินมีความสุขมาก แต่ภายในเมืองเว่ยโจว ณ จวนแม่ทัพฟ่านทุกอย่างกลับมืดมน
เป็นเวลากว่าสองชั่วยามแล้วนับตั้งแต่ได้รับข่าวการสู้รบที่ชิงสุยกู่ แต่แม่ทัพฟ่านไม่ได้ส่งใครไปเป็นกำลังเสริม
เนื่องจากรายงานด่วนที่ผู้เฒ่าจ้าวส่งมากล่าวไว้ว่า จินเฟิงแม่ทัพคนใหม่ของกองทัพเถี่ยหลินรู้สึกหวาดกลัวต่อทหารม้าตั่งเซี่ยงและไม่ได้ใช้กลวิธีวิธีใด ๆ ในการรับมือกับทหารม้าตั่งเซี่ยง
แม่ทัพฟ่านคาดการณ์จากจดหมายว่า จินเฟิงจะไม่สามารถปกป้องชิงสุยกู่ได้อย่างแน่นอน
หากส่งกำลังเสริมไป อาจต้องเผชิญหน้ากับทหารม้าตั่งเซี่ยงระหว่างทางเป็นแน่
แทนที่จะส่งคนไปตาย สู้เฝ้าสังเกตการณ์ที่เมืองไม่ดีกว่าหรือ
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับทหารม้า
ดังนั้นแม่ทัพฟ่านจึงไม่เพียงไม่ส่งกำลังเสริมไปเท่านั้น แต่ยังถอนทหารทั้งหมดที่อยู่นอกเมืองให้เดินทัพกลับมายังเมืองเว่ยโจวอีกด้วย
แม่ทัพจากทุกกองทัพมารวมตัวกันที่จวนแม่ทัพเพื่อเตรียมหารือเรื่องการศึก
“ว่ากันว่ากองทัพเถี่ยหลินเป็นกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในกองทัพเจินซีของเรา ข้าคิดว่ามันคงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารม้าของตั่งเซี่ยง พวกเขาคงไม่สามารถตั้งรับได้แม้แต่วันเดียว”
“ไม่ใช่ว่ากองทัพเถี่ยหลินทำไม่ได้ แต่ชิ่งไหวได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่เขาจะหมดสติไปเขาได้มอบกองทัพเถี่ยหลินให้กับช่างตีเหล็กที่พบบนเขา?”
“ท่านแม่ทัพใหญ่ โปรดอย่าเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์เลย ตอนนี้ชาวตั่งเซี่ยงยึดชิงสุยกู่ได้แล้ว เราควรทำอย่างไรดี?”
แม่ทัพผู้ไร้ประโยชน์ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจางฉีเวยเปิดปากเพื่อช่วยสหาย
“ใช่แล้วแม่ทัพฟ่าน ท่านควรคิดหาวิธีการตอบโต้โดยเร็ว”
แม่ทัพคนอื่น ๆ ก็เอ่ยออกมาเช่นกัน
ขณะเดียวกันนี้ ทูตด่วนหงหลิงก็ขี่ม้าของเขาตรงเข้าไปในจวนแม่ทัพ
ก่อนตัวผู้ส่งข่าวจะมาถึง ก็มีเสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นดังมาจากระยะไกล
“ชัยชนะครั้งใหญ่ที่ชิงสุยกู่!”
“ด้านนอกมีเสียงโหวกเหวกอันใด?”
ตั้งแต่เด็ก หูของจางฉีเวยไม่ค่อยดีนัก เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเขาไม่สามารถได้ยินอย่างชัดเจนนัก
“ดูเหมือนว่าจะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่ชิงสุยกู่?”
แม่ทัพไร้ประโยชน์ผู้หนึ่งกล่าว “ข้าได้ยินผิดหรือไม่?”
แม่ทัพฟ่านลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู
แม่ทัพคนอื่น ๆ ก็เงี่ยหูเช่นกัน
เสียงฝีเท้าของทูตด่วนหงหลิงเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เขารีบไปที่ห้องหารือและพลิกตัวลงจากม้าพร้อมตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่ ชัยชนะครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นที่ชิงสุยกู่ กองทัพเถี่ยหลินสามารถสังหารศัตรูไปมากกว่าแปดร้อยชีวิต และจับเชลยศึกเป็นทหารม้าตั่งเซี่ยงได้มากกว่าหกร้อยนาย รวมถึงม้ามากกว่าหกร้อยตัว!”
ทันใดนั้นห้องหารือก็ได้ยินอย่างชัดเจน
ทุกคนต่างตกตะลึงและตื่นตกใจ
ไหนบอกว่าเราได้สูญเสียชิงสุยกู่ไปแล้ว เหตุใดจู่ ๆ ถึงได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ได้?
อีกทั้งยังสังหารศัตรูไปมากกว่าแปดร้อยชีวิตและจับเชลยศึกได้มากกว่าหกร้อยนาย?
เกิดอะไรขึ้น?
ทหารผ่านศึกอย่างแม่ทัพฟ่านเป็นคนแรกที่โต้ตอบและเอ่ยถาม “ความเสียหายของกองทัพเถี่ยหลินเป็นอย่างไร?”
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ไม่มีผู้เสียชีวิตในกองทัพเถี่ยหลินแม้แต่คนเดียวขอรับ!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์