บทที่ 71 ฉวยโอกาส
“ทหารม้ามากกว่าแปดร้อยนายถูกสังหาร และมากกว่าหกร้อยนายถูกจับมาเป็นเชลยศึก ในขณะที่กองทัพเถี่ยหลินไม่มีผู้เสียชีวิต มันเป็นไปได้อย่างไร?”
“ท่านแม่ทัพใหญ่ ชายผู้นี้รายงานข่าวทางทหารที่เป็นเท็จ เขาสมควรถูกลงโทษ!”
บรรดาบุรุษเสเพลระเบิดอารมณ์ทันที พวกเขากล่าวหาว่าหงหลิงส่งรายงานทางทหารอันเป็นเท็จ
แม้แต่แม่ทัพฟ่านก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
ความแข็งแกร่งของทหารม้าตั่งเซี่ยงได้ฝังลึกอยู่ในหัวใจของพวกเขา
แม้กองทัพเถี่ยหลินจะเป็นกองกำลังที่มีความสามารถมากที่สุดในบรรดากองทัพเจินซี แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้กับความสามารถของกองทหารม้าตั่งเซี่ยงได้ ไม่ว่าเถี่ยหลินจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่กองทัพเถี่ยหลินทำได้ดีที่สุดก็คือการสงครามแบบกองโจร ซึ่งก่อนหน้านี้นับว่าเป็นการต่อสู้ที่รุ่งโรจน์ที่สุด กล่าวคือ พวกเขาใช้ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ซุ่มโจมตีและสังหารทหารม้าตั่งเซี่ยงกว่าห้าร้อยนาย อย่างไรก็ตาม ครั้งนั้นกองทัพเถี่ยหลินสูญเสียกำลังพลไปมากกว่าเจ็ดร้อยนายเพื่อชัยชนะ
ถึงกระนั้นการต่อสู้ครั้งดังกล่าวก็ยังถูกรายงานต่อราชสำนักว่าเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่
ตอนนี้ชิ่งไหวไม่อยู่ คงจะดีไม่น้อยหากกองทัพเถี่ยหลินสามารถรักษาชิงสุยกู่ไว้ได้ ทว่าการที่พวกเขาสามารถสังหารทหารม้าตั่งเซี่ยงมากกว่าแปดร้อยนายและจับเชลยศึกมาได้มากกว่าหกร้อยนาย นี่มันเรื่องล้อเล่นหรือไม่?
พวกเขาไม่รู้เลยว่าทูตด่วนหงหลิงได้รับรายงานเฉพาะกองทหารม้าของตั่งเซี่ยงระลอกแรกเท่านั้น ส่วนกำลังเสริมของตั่งเซี่ยงที่จงอู่สังหารในภายหลังไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในรายงาน
ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงได้ประหลาดใจมากกว่านี้
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ แม่ทัพจินได้คิดค้นรูปแบบการรบแบบใหม่ที่สามารถควบคุมทหารม้าได้…”
หงหลิงเล่าถึงกระบวนการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
“ขุดหลุมเพื่อทำการหักขาม้า… เป็นความคิดที่ดี เหตุใดเราไม่เคยคิดมาก่อน”
แม่ทัพฟ่านตบต้นขาของตนอย่างตื่นเต้น
แม่ทัพผู้หยิบหย่งทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกัน
แม้พวกเขาจะเป็นบุรุษไม่ได้ความ ทว่าพวกเขาก็เป็นถึงระดับผู้นำทหาร หลังจากคำอธิบายจากทูตด่วนหงหลิง คนทั้งหมดก็เข้าใจประเด็นสำคัญในชัยชนะของจินเฟิงแล้ว
ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทหารม้าคือม้า ตราบใดที่ขุดหลุมสักสองสามหลุม ก็สามารถเอาชนะข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ได้อย่างง่ายดาย จากการทำให้กองทหารม้าต้องชะงักและหยุดลงในที่สุด
ก่อนจะใช้ประโยชน์จากที่ตั้งของค่ายซึ่งอยู่กลางหุบเขาสร้างรูปแบบการโจมตีแบบใช้โล่และหอก กลวิธีนี้ช่วยให้กองทัพเถี่ยหลินกำราบทหารม้าได้อย่างสิ้นเชิง
“ไม่ เหตุใดวิธีง่าย ๆ เช่นนี้ข้าถึงคิดไม่ได้กัน”
หลังจากที่เหล่าแม่ทัพคนอื่น ๆ รู้เรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็อารมณ์เสียมาก
สิ่งประดิษฐ์มากมายในประวัติศาสตร์ก็เป็นแบบนี้ เป็นเวลาหลายพันปีที่ผู้คนนับไม่ถ้วนเปิดฝากาน้ำชาหลังจากเห็นน้ำเดือด มีเพียงวัตต์*[1] เท่านั้นที่ใช้หลักการนี้เพื่อเริ่มต้นการปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำ
ชัยชนะในชิงสุยกู่อาจกล่าวได้ว่าเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างต้าคังและตั่งเซี่ยงที่ต่อสู้กันมามากกว่าสิบปี เหตุการณ์นี้สามารถบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ได้อย่างแน่นอน
และคงได้รับการปูนบําเหน็จจากราชสำนักไม่น้อย
การที่คนสำรวยไม่เอาไหนเหล่านี้เดินทางมายังสนามรบ และเผชิญกับความเสี่ยงต่อการถูกชาวตั่งเซี่ยงจับตัวไป ก็เพียงเพื่อได้รับความดีความชอบมิใช่หรือ?
หากพวกเขาคิดถึงวิธีนี้ก่อนหน้านี้ โอกาสที่จะได้รับการปูนบําเหน็จและมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ก็คงตกเป็นของพวกเขาไปแล้ว?
แม่ทัพคนอื่น ๆ ยังคงเสียใจ แต่จางฉีเวยแม่ทัพแห่งกองทัพเต๋อหนิงกลับกลอกตา พร้อมหันกลับมาและขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฟ่าน
“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้ายินดีที่จะนำกองทัพเต๋อหนิงไปยังชิงสุยกู่เพื่อเป็นกองกำลังเสริมให้กองทัพเถี่ยหลิน!”
เรื่องราวได้เกิดขึ้นแล้ว มานั่งเสียดายไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ตอนนี้คุณงามความดีตกเป็นของกองทัพเถี่ยหลิน หากเขาพากองกำลังไปที่นั่นก็อาจจะได้รับผลประโยชน์มาบ้าง
หากสามารถเรียนรู้รูปแบบการจัดกระบวนทัพใหม่ของกองทัพเถี่ยหลินได้ เมื่อมีการต่อสู้กับชาวตั่งเซี่ยงครั้งถัดไป พวกเขาอาจได้สร้างคุณูปการบ้าง
แม่ทัพฟ่านมองความคิดของจางฉีเวยออกทะลุปรุโปร่ง และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
จางฉีเวยไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ แต่เขาได้คะแนนการเรียนรู้กลอุบายจากผู้เฒ่าในครอบครัวมาเต็มสิบ
หากเผชิญกับอันตราย ให้รีบฉวยโอกาสหนีไปให้ไว้ที่สุด



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ เปลี่ยนชะตา ชีวิตนี้ของข้าต้องรุ่งโรจน์